เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 565 กางเกงในเรืองแสง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 565 กางเกงในเรืองแสง

พูดจบอาชิงน้อยก็ถอดรองเท้าขนสัตว์คู่เล็กออก และเบียดตัวเข้าไปในผ้าห่มของจี้จือฮวน ร่างนุ่มนิ่มแนบไปกับร่างของจี้จือฮวน ก่อนจะวางมือลงบนท้องของนางอย่างระมัดระวัง

“ข้าจะเล่านิทานให้น้องสาวฟัง เท่านี้น้องสาวก็ไม่งอแงแล้ว!”

อาอินจึงพูดขึ้นมา “เช่นนั้นข้าจะไปต้มบะหมี่ให้ท่านแม่นะเจ้าคะ ท่านพ่อ ดูแลท่านแม่ให้ดีด้วยนะเจ้าคะ!”

เอ่ยจบอาอินก็ออกไปทันที

เผยยวนคิดไม่ถึงว่าการตั้งครรภ์จะเหนื่อยเช่นนี้ เขาไม่เคยเห็นจี้จือฮวนเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน

ลูกที่เกิดจากเลือดเนื้อทั้งหมดของแม่ ช่างเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทรมานจริง ๆ

ตอนนั้นที่ท่านแม่คลอดเขาแล้วจากไปด้วยความรู้สึกเช่นไรกันนะ?

อาชิงกับเผยยวนอยู่ด้านในกับจี้จือฮวนตลอด เหล่าทหารก็คงรู้ว่านางไม่สบาย จึงไม่ได้พูดกันเสียงดัง

รอจี้จือฮวนกินบะหมี่หมดชาม อาชิงก็พูดจนคอแห้งไปหมด ตอนนี้จึงนอนกรนอยู่ข้าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว

เผยยวนบิดผ้าขนหนูร้อนก่อนจะเช็ดตัวให้เขา แล้วจึงอุ้มเขาไปนอน

“ฮวนฮวน ลำบากเจ้าแล้ว”

เขากุมมือของจี้จือฮวนเอาไว้ อยากจะคลอดลูกแทนนางเสียเอง

จี้จือฮวนจึงพูดขึ้นมา “หากสงสารพวกเราแม่ลูกจริง เจ้าก็รีบจบศึกนี้เร็ว ๆ ให้เหล่าทหารได้กลับบ้าน ข้าเองก็คิดถึงอาฉือ คิดถึงท่านป้า คิดถึงท่านทวดจะแย่อยู่แล้ว”

เผยยวนพยักหน้ารับหนักแน่น “ข้าจะรีบจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด ข้าจะคืนบ้านเมืองที่สงบสุขรุ่งเรืองให้เจ้ากับลูก ข้าจะให้นางเกิดมาบนแผ่นดินที่ไม่ต้องเจอกับสงครามอีก และข้าจะอยู่เคียงข้างพวกเจ้า”

เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขาเกิดมาและต้องเจอกับเปลวไฟแห่งสงครามเช่นนี้อีก

หลังจากจี้จือฮวนหลับไปแล้ว เผยยวนก็ไล่ทหารเกราะเหล็กกลุ่มนั้นไปที่ทะเลสาบน้ำแข็งอีกครั้ง ราวกับไล่ต้อนเป็ด!

โชคดีที่พวกเขายังรู้สึกแปลกใหม่จึงเต็มใจที่จะเรียนรู้ เรียนรู้ให้ดีจึงจะสามารถทำให้กบฏพวกนั้นตามก้นพวกเขาไม่ทัน!

หลังจากเมืองโยวอวิ๋นเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ สภาพอากาศก็ยิ่งแห้งแล้งมากขึ้น เพื่อป้องกันซู่โจวใช้แผนร้ายอีก ดังนั้นทุกครั้งก่อนกินข้าว ไป๋จิ่นและเยว่พั่วหลัวจึงต้องลาดตระเวนในค่ายทหารก่อนหนึ่งรอบ

และพวกเขาก็พบเข้าจริง ๆ

นั่นก็คือ มีการวางยาในแหล่งน้ำและเสบียงที่ส่งมา

เดิมทีตอนที่เสบียงถูกขนออกมาจากเมืองโยวอวิ๋น ได้มีการประทับตราว่า ‘ปลอดภัย’ แล้ว

แต่ระหว่างทางกลับถูกพวกสุนัขเหล่านั้นหาช่องโหว่และวางยาในเสบียง

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน ทุกวันเย่จิ่งฝูก็จะสวมผ้าปิดหน้า ตรวจสอบของที่พวกทหารต้องใช้เหล่านั้น

และเมื่อพบว่ามีคนเป็นผื่นขึ้นตามร่างกายเพียงแค่คนเดียว เย่จิ่งฝูก็จะพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งค่ายทหารทันที

เนี่ยเทียนโฉวของเมืองซู่โจวผู้นั้นช่างเป็นคนที่ไร้ยางอายจริง ๆ

วางยาพิษไม่สำเร็จ ก็นำของที่คนไข้ติดเชื้อโรคเคยใช้สอดไส้เข้ามา

โชคดีที่กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ใช่พวกกระจอก

ประกอบกับทุกคืนไป๋จิ่นต้องมุดเข้าไปอุ่นเตียงกับธิดาเทพจากสำนักกู่ และตอนเช้ายังต้องลุกขึ้นมาตรวจดูแหล่งน้ำทุกวัน ทำให้เขางัวเงียอย่างมาก

เช่นนี้จะสามารถทนได้อย่างนั้นหรือ?

แน่นอนว่าไม่สามารถทนได้!

ดังนั้นเขาไม่เพียงต้องการแสดงความสามารถให้กองทัพซู่โจวเห็นเท่านั้น แต่ยังต้องการให้พวกเขารู้ถึงจุดจบที่บังอาจมาใช้ยาพิษกับเขาอีกว่าจะเป็นเช่นไร

ตอนกินข้าวจี้จือฮวนก็ไม่เห็นหน้าจอมก่อกวนสองคนนั้น เมื่อถามถึงจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนได้มีคนกลุ่มหนึ่งแอบออกไปนอกค่ายทหารซู่โจว

เอากระเพาะปัสสาวะหมูที่ซื้อมาจากคนขายเนื้อในเมือง กรอกอุจจาระลงไปจนเต็ม และใส่หนอนกู่ลงไปอีกเล็กน้อย หนอนกู่ที่ออกมาจากน้ำแกงสีเหลืองทองเช่นนี้ หากแตกออก แล้วมุดเข้าไปในผิวหนังของมนุษย์ก็จะแพร่เชื้อได้เป็นวงกว้าง

อย่าว่าแต่หาหมอเลย ต่อให้เทพเซียนลงมาก็ไม่มีประโยชน์

หลังจากม้าถูกวางยาจนพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทหารลาดตระเวนของซู่โจวตอนนี้ก็ทำได้เพียงลอบปองร้ายเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กจะไม่กลัวของเหม็น ยิงกระเพาะปัสสาวะหมูที่บวมเป่งมากมายเข้ามาในค่ายทหารของพวกเขาเช่นนี้

มูลม้ายังไม่ได้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ก็เอาน้ำแกงสีเหลือทองมาให้อีกแล้ว

ประกอบกับอุณหภูมิที่ร้อนจัดของฤดูร้อน แมลงวันจึงบินว่อนไปทั่วค่ายทหาร เหล่าทหารก็ไม่รู้ว่าไปกินอะไรมา แต่ละคนต่างมีน้ำลายฟูมปาก ผมร่วงเป็นกำ ๆ ร่างกายอ่อนเพลียจนไร้เรี่ยวแรง

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เนี่ยเทียนโฉวก็อยากจะให้เผยยวนรีบบุกเข้ามาเสียที เพราะดีกว่าการเฉือนเนื้อช้า ๆ เช่นนี้ จะอยู่ชายแดนกับเขาไปจนถึงปีใหม่เลยหรืออย่างไร!

น่าเสียดายที่เขาทำอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาในเวลานี้ก็ใกล้จะพังทลายลงเต็มที!

หลังจากโยนกระเพาะปัสสาวะหมูจนหมดแล้ว ไป๋จิ่นและคนอื่น ๆ จึงรีบกลับค่ายไปในคืนนั้นเลย เหนื่อยก็หาถ้ำนอนพักระหว่างทาง

แต่การนอนครั้งนี้ ทำให้พวกเขาได้ค้นพบสิ่งใหม่!

“อะวู้!” หมาป่าหิมะที่ตามมาด้วยแกว่งหาง และคาบแขนเสื้อของไป๋จิ่นก่อนจะดึงเบา ๆ

จีฝูเย่ที่กำลังพิจารณาเครื่องโยนหินขนาดเล็กของตัวเองอยู่เงียบ ๆ ก็เริ่มโมโหขึ้นมา!

เครื่องโยนหินระยะไกลที่เขาคิดค้น!

ปรากฏว่า!

กลับถูกพวกเขานำไปบรรจุของที่น่าสะอิดสะเอียนนั่น! เวลานี้จึงมีกลิ่นติดอยู่บนเครื่องด้วย!!!

จะแตะได้อย่างไรกัน!

“เสียงดังจริง ๆ!” จีฝูเย่เห็นหมาป่าหิมะร้องไม่หยุด ก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่า

เยว่พั่วหลัวก็ไม่พอใจ “ตะโกนอะไรกัน ใครใช้ให้เจ้าตามมาด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“พวกเจ้าขอยืมของของข้า ข้าก็ต้องตามมาดูสิ”

หมาป่าหิมะยังคงกระสับกระส่าย

เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งหมดต่างก็สบตากัน ก่อนจะลุกขึ้นยืน หมาป่าหิมะพลันหมุนตัววิ่งเข้าไปด้านในถ้ำจริง ๆ

เดิมทุกคนคิดว่าถ้ำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คาดว่าด้านในก็คงไม่มีอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อหมาป่าหิมะวิ่งไปได้สักพัก ทุกคนยิ่งเดินก็ยิ่งมืดจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วตัวเอง ทว่าก็ยังสามารถเดินเข้าไปได้อีก

และมีเพียงดวงตาสีเขียวของหมาป่าหิมะที่อยู่ตรงหน้า ที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกว่าน่ากลัวอย่างประหลาดอีกด้วย

“มีใครมีที่จุดไฟหรือไม่?”

“ของข้าเมื่อครู่ใช้ก่อกองไฟไปแล้ว”

“เช่นนั้นกลับไปที่กองไฟกันก่อนเถอะ!”

“เราเข้ามาลึกเกินไปแล้วกระมัง!”

ทุกคนต่างไม่อยากขยับ แต่ทันใดนั้นก็มีแสงไฟริบหรี่อยู่รอบ ๆ พวกเขา

ทุกคนจึงมองไปที่จีฝูเย่เป็นตาเดียว

“กางเกงของเจ้าเหตุใดถึงเปล่งแสงได้กัน?”

จีฝูเย่แค่นเสียงเย็นด้วยความภาคภูมิใจ “ไม่รู้จักใช่หรือไม่ นี่เป็นกางเกงที่ข้าทำขึ้นมาจากน้ำตานางเงือกของเป่ยไห่ เมื่อถึงตอนกลางคืนมันจะเปล่งแสงออกมา งดงามอย่างมาก

เคยได้ยินใช่หรือไม่ ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าน้ำตานางเงือกมีค่าจนไม่อาจประมาณได้ มีเงินก็ยังซื้อไม่ได้!”

ทุกคนต่างก็ส่ายหัวโดยพร้อมเพรียง “ไม่เคยได้ยิน”

“…”

บัดซบ อยากอวดแต่กลับไม่มีใครเข้าใจ ความโดดเดี่ยวนี้ใครจะสามารถเข้าใจได้กัน

“เช่นนั้นก็รีบถอดกางเกงออกแล้วเอามาส่องทางให้พวกเราสิ!”

จากนั้นทุกคนก็เพิ่งจะได้สังเกตเห็นว่า ที่ด้านนอกกางเกงของจีฝูเย่ยังมีไข่มุกอีกเส้นหนึ่ง เป็นไข่มุกราตรี

เมื่อครู่ตอนที่นั่งอยู่ข้างกองไฟพวกเขากลับมองไม่เห็น

“นี่พวกเจ้าจะทำอะไร พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!!!”

หลังจากเสียงกรีดร้องของจีฝูเย่เงียบลง ไม่นานไป๋จิ่นก็ใช้กิ่งไม้สองกิ่งยกขากางเกงของเขาขึ้นมา ในที่สุดก็มีแสงสว่างแล้ว จึงสามารถมองเห็นกำแพงหินโดยรอบได้ชัดเจน

ทิ้งให้จีฝูเย่ต้องเดินหนีบขาตามหลังมา

“ทำอะไร! มองอะไร ไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยท่อนขาหรืออย่างไร?”

เอี๋ยนเฟินฟางกลอกตามองบน “ข้าก็แค่กำลังมองว่าเหตุใดขนขาเจ้าถึงได้ดกเพียงนั้น!”

“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว! ที่นี่มีแต่ข้าวสารเต็มไปหมด!”

ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น จีฝูเย่ก็ไม่สนใจต้นขาขาว ๆ ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เขาชะโงกหน้าไปดู

ก็พบว่าตรงที่กางเกงของเขาส่องอยู่นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นกระสอบข้าวสารมากมาย

“แม่เจ้า นี่มันอะไรกัน!”

“จะสนใจทำไมว่ามันคืออะไร! ขนไปให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่เม็ดเดียว!”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท