ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 326 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-4

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 326 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-4

หลิวรุ่ยอิ่งกลับมาในห้องอีกครั้ง

หวาหนงก็เข้ามากับเขาด้วย

ทั้งสองนั่งเงียบไม่พูดจาอยู่ข้างโต๊ะ

ไม่ว่าใครเจอเรื่องคนสองคนตายติดกันในวันเดียวก็ต้องพูดไม่ออกทั้งนั้น

หลิวรุ่ยอิ่งอยากสูบยาเส้นขึ้นมาทันที

ในห่อผ้าของเขาใส่กระบอกยาสูบของชายชราเลี้ยงม้าที่ขโมยมาไว้ตลอด

เพียงแต่หลิวรุ่ยอิ่งไม่ค่อยหยิบกระบอกยาสูบนี้ออกมา

เขาควานหาในห่อผ้าของตนครู่หนึ่งและหยิบกระบอกยาสูบออกมา

แต่มีแค่กระบอกยาสูบ ไม่มียาเส้นก็สูบไม่ได้

หรือวางม้วนกระดาษเข้าไปแล้วจุดไฟได้ด้วย

หลิวรุ่ยอิ่งพลันนึกขึ้นได้ว่าในเหมืองแห่งนี้มีคนสูบยาเส้นอยู่คนหนึ่ง

ก็คือขอทานอ้วนตรงทางเข้าชุมชนแออัดผู้นั้น

หรือก็คือน้องชายของเถ้าแก่อ้วน

หลิวรุ่ยอิ่งอยากไปซื้อยาเส้นกับเขา

เขาเชื่อว่าขอแค่จ่ายเงินขอทานอ้วนต้องให้แน่นอน

เหมือนกับที่เขาเก็บเงินจากพวกเด็กขอทานแล้วแบ่งของกินให้พวกเขา

ตอนหลิวรุ่ยอิ่งลุกขึ้นเตรียมไปซื้อยาเส้นกับหวาหนงนี้เอง

เถ้าแก่เนี้ยผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง

นางมากับเถ้าแก่อ้วน สามีของนาง

มือเถ้าแก่เนี้ยรองถาดใบใหญ่

ในถาดวางสุราไว้สองสามกา ยังมียาเส้นอีกหนึ่งม้วน

รวมถึงเงินห้าสิบตำลึงสองแท่ง

เถ้าแก่เนี้ยกับเถ้าแก่อ้วนเดินเข้ามาวางถาดไว้บนโต๊ะ

จากนั้นนางล้วงแท่งเงินที่หลิวรุ่ยอิ่งเพิ่งยัดเข้าในสาบเสื้อตรงหน้าอกออกมาวางบนโต๊ะด้วยเหมือนกัน

“ที่เจ้าอะไรล้วนเป็นเงินเป็นทอง ลมเปลี่ยนทิศตอนไหนกัน ให้เงินข้าแล้วยังเชิญข้าดื่มสุราสูบยาเส้น”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“ดื่มสุรากานี้หมด สูบยาเส้นกระบอกนี้หมด หยิบเงินของเจ้าแล้วไปเสีย”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

เถ้าแก่อ้วนไม่ได้พูดอะไร

เพียงรินสุราให้เต็มทุกจอก

เขาสองคนหยิบจอกสุรามาทั้งหมดสี่จอก

จากนั้นหยิบกระบอกยาสูบที่หลิวรุ่ยอิ่งวางไว้บนโต๊ะ

ใช้นิ้วมืออ้วนหนาของตนยัดยาเส้นเข้าในกระบอกยาสูบอย่างงุ่มง่าม

ทุกครั้งที่ใส่ยาเส้นเข้าไป เถ้าแก่อ้วนก็จะใช้นิ้วโป้งกดอย่างแรง

เขาใส่ให้หลิวรุ่ยอิ่งจนเต็มถ้วย

“ใส่ยาเส้นเช่นนี้ เกรงว่าคงสูบไม่ออก”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

การใส่ยาเส้นเหมือนหลักการใช้ชีวิต

กดจนแน่นเช่นนี้คงจุดติดยาก

ต่อให้จุดติดแล้วก็สูบไม่ถึงปาก

เถ้าแก่อ้วนได้ยินแล้วยังคงไม่เอ่ยอะไรต่อ

เพียงคาบกระบอกยาสูบและวางถ้วยยาสูบข้างตะเกียง

เขาเอียงศีรษะออกแรงสูบ

หลิวรุ่ยอิ่งดูออกว่าเขาใช้แรงเยอะทุกครั้งที่สูบ

หลังจากสูบสามถึงห้าครั้งเขาก็สูบยาเส้นได้แล้ว

“ขอเพียงออกแรง ช่องยาสูบย่อมผ่านสะดวก”

เถ้าแก่อ้วนกล่าวพลางยื่นยาสูบให้หลิวรุ่ยอิ่ง

“เหตุใดพวกเจ้าถึงอยากให้พวกเรากลับไป”

หลิวรุ่ยอิ่งรับกระบอกยาสูบมาวางไว้บนโต๊ะแต่ไม่ได้สูบ

เขาระมัดระวัง

ใครจะรู้ว่าในใบยาสูบนี้มีสิ่งอื่นอยู่หรือไม่

สุราก็ไม่ได้ดื่มเช่นกัน

แม้สุราของที่นี่ย่ำแย่และแพงมาก

แต่สุราที่ใช้เงินซื้อมาดื่มเองย่อมสบายใจกว่า

หนำซ้ำเถ้าแก่เนี้ยกับเถ้าแก่อ้วนที่บูชาเงินทองถึงขั้นคืนเงินทั้งหมดกลับมา

นี่คืนได้หรือ

ให้คนเห็นแก่เงินถ่มเงินออกมา

เหมือนขี้เหล้าไม่ดื่มสุรา ผีพนันไม่เล่นพนัน

แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงต้องมีเหตุผลที่น่ากลัวอย่างยิ่งแน่นอน

คิดว่าต้องเป็นเพราะมีดไม่ลับคมทั้งยังหน้าตาเหมือนกันเหล่านั้น

“แสงจันทร์คืนนี้ดีจริง”

หลิวรุ่ยอิ่งมองนอกหน้าต่างพลางกล่าว

“เช่นนั้นดื่มสุราจอกนี้หมดแล้ว รีบฉวยจังหวะแสงจันทร์งามกลับไปเสียเถิด”

เถ้าแก่เนี้ยยกจอกสุราพลางกล่าว

“กลับไปไหน”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

เขาไม่ใช่จอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพเหมือนเสี่ยวจีหลิง

ที่จะไปได้ทุกหนแห่ง ร่วมสนุกสนานได้ทุกเหตุการณ์

หลิวรุ่ยอิ่งรอจิ้งเหยามาซื้อแร่เหล็กอยู่ที่นี่

ยังไม่เจอจิ้งเหยา เขาจะกลับได้อย่างไร

“กลับเมืองหลวงของเจ้า กลับกรมสอบสวนของเจ้า”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งนิ่งเงียบ

ทำไมเขาจะไม่อยากกลับ

เพียงแต่กลับไปแล้วกรมสอบสวนกลางยังต้องส่งคนอื่นมาทำเรื่องที่เขาทำอยู่แทนเขาอีกอยู่ดี

ไม่ใช่ว่าหลิวรุ่ยอิ่งยิ่งใหญ่อะไร

เขาแค่ไม่อยากเพิ่มการตายอีกเท่านั้น

คนตายมากเกินไปแล้ว

เรื่องเศร้าเยอะเกินไปแล้ว

ให้เขาใจสลายคนเดียวดีกว่าให้คนกลุ่มหนึ่งใจสลาย

นี่เป็นเพียงความรู้สึกรับผิดชอบอย่างหนึ่ง

อาจจะผิด อาจจะเป็นแค่อคติของเด็กหนุ่ม

แต่เขาจำต้องยืนหยัดรักษาไว้

และเขาจะตายไม่ได้

ไม่ว่าอย่างไรหลิวรุ่ยอิ่งยังต้องพาหวาหนงกลับเมืองหลวงโดยมีชีวิตและครบสามสิบสอง

ในยามนี้เอง นอกประตูพลันเกิดเสียงดังวุ่นวาย

หลิวรุ่ยอิ่งคว้ากระบี่อย่างตื่นตัว

“ไม่ต้องตกใจ พวกเขาเตรียมกลับไปแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“พวกเขา? ใครกัน”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“ก็คนที่มาพักอยู่ชั้นสองเหมือนกับเจ้า”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“เดิมคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซ่อนตัว หรือแค่คืนเดียวก็เลิกกลัวเลยกล้าเดินออกไปอย่างเปิดเผยแล้ว?”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“คนซ่อนตัวล้วนเพื่อมีชีวิตอยู่ พักอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน ดังนั้นออกไปสู้สักตั้งยังดีกว่า”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งลุกขึ้นยืนตรงหน้าต่าง

เห็นผู้คนมากมายออกไปด้วยท่าทีรีบร้อน

พวกเขาไม่ได้ขี่ม้า

แต่ฝีเท้าเร็วอย่างยิ่ง

พอออกประตูก็มุ่งหน้าคนละทิศทาง

แม้มีสองคนเดินไปยังทิศทางเดียวกันพอดี แต่ก็เว้นระยะห่างไม่น้อย

คนที่เดินอยู่ข้างหน้ายังหันมามองข้างหลังตลอด

พริบตาเดียว นอกจากข้างห้องหลิวรุ่ยอิ่ง คนทั้งชั้นสองก็ไปกันหมดแล้ว

ในห้องหลิวรุ่ยอิ่งถือเป็นจุดที่คึกคักที่สุด

แม่นางสองคนที่โผล่หน้าเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องหลิวรุ่ยอิ่งแล้วเช่นกัน

สีแดงฝาดบนหน้าไม่ได้ลดลง

ลมหายใจยังคงถี่เร็วเล็กน้อย

แต่เสื้อผ้าจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

แต่จากปอยผมดำยุ่งเหยิงของพวกนาง ย่อมดูไม่ยากว่าเมื่อครู่พวกนางกำลังทำเรื่องอะไร

หลิวรุ่ยอิ่งให้หวาหนงหยิบเงินอีกแท่งหนึ่งจากในกล่องมาวางไว้ในถาด

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับ

และเงินแท่งนี้ถือเป็นค่าสุรากับยาเส้นที่เถ้าแก่เนี้ยเอามาให้

เถ้าแก่เนี้ยมองแท่งเงินนี้แล้วเผยยิ้มเจื่อน

นี่คงเป็นครั้งแรกที่นางไม่ชอบเงิน

“เดินจากที่นี่ไปทางเหนืออีกสิบลี้ก็เป็นที่พักของเจ้าของเหมืองแห่งนี้”

เถ้าแก่เนี้ยชี้ไปยังที่ไกลนอกหน้าต่างพลางกล่าว

“เจ้าของเหมือง?”

มิน่าหลิวรุ่ยอิ่งถึงรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอด

ดูเหมือนสาเหตุจะอยู่ที่ตัวเจ้าของเหมือง

ในเมื่อเหมืองแร่มีคนงานก็ต้องมีนายจ้าง

ไม่มีนายจ้าง ใครจะเป็นคนออกเงินเดือนให้คนงานเหล่านี้

แต่เถ้าแก่เนี้ยบอกหลิวรุ่ยอิ่งเรื่องเจ้าของเหมืองตอนนี้ก็ต้องมีความหมายบางอย่างเป็นแน่

เพียงรอแสงจันทร์คืนนี้เลือนหาย หลิวรุ่ยอิ่วต้องไปคารวะสักครั้งเป็นดี

“คนที่ซ่อนตัวกับข้าล้วนเป็นคนตัวเล็กไม่มีบทบาท คนสำคัญที่หลบหนีจากเรื่องใหญ่จริงๆ อยู่ในจวนเจ้าของเหมืองกันหมด”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“เจ้าของเหมืองคนนี้ร่ำรวยมากหรือ”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“อย่างน้อยราคาทั้งหมดในร้านข้าเขาก็เป็นคนกำหนด และเก็บแปดในสิบด้วย”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า

ดูเหมือนร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านโลงศพที่ดูมีหน้ามีตานี้ก็มีความลำบากใจเหมือนกัน

“หนำซ้ำ เขายังเป็นคนเดียวที่สามารถใช้หีบสำริดแช่เย็นสุราในหน้าร้อนและใช้เม็ดมะกอกอุ่นสุราในหน้าหนาว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าวต่อ

“แล้วทำไมเจ้าเพิ่งบอกข้าตอนนี้”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนของกรมสอบสวนกลาง ภายหลังรู้แล้ว ทั้งยังมีคนตายไปสองคน นี่ไม่ใช่ขอบเขตที่พวกเราจะรับได้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมกลับก็ควรไปที่นั่น ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะตายตามเจ้าทีละคน”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

จากนั้นปักมีดไม่ลับคมที่หลิวรุ่ยอิ่งมอบให้นางก่อนหน้านี้ไว้บนโต๊ะ

เพียงปักเบาๆ เท่านั้น ตัวมีดทั้งอันกลับจมมิดหน้าโต๊ะ

เหลือเพียงด้ามมีดอยู่ด้านนอก

ทั้งที่เป็นมีดทื่อไม่ลับคมเล่มหนึ่ง

แต่อยู่ในมือเถ้าแก่เนี้ย หน้าโต๊ะนี้กลับเหมือนเต้าหู้ก้อนหนึ่ง

………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท