ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 327 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-5

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 327 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-5

เจ้าของเหมืองในที่แห่งนี้สกุลจิน

เมื่ออยู่ต่อหน้า ทุกคนต่างเรียกว่านายท่านจิน

แต่ลับหลังกลับเรียกเขาว่าเจ้าของทอง

เพราะเขาสกุลจิน[1] ทั้งยังเป็นเจ้าของเหมือง

อีกอย่างเขาก็เป็นเจ้าของทองในที่แห่งนี้จริงๆ

การเรียกคำเดียวได้สองความหมายนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่งทีเดียว

นายท่านจินมาที่นี่ช้ากว่าเถ้าแก่เนี้ยมาก

เพียงแต่พอเขามาก็กลายเป็นเจ้าของเหมืองที่นี่เลย

ต้องทราบว่าคนที่เป็นเจ้าของเหมืองได้ล้วนต้องมีเส้นสายที่แข็งแกร่ง

เนื้อติดมันก้อนนี้ไม่รู้มีคนจับจ้องอยู่เท่าไร ไม่เช่นนั้นจะถึงมือเขาได้อย่างไร

นายท่านจินร่ำรวยอย่างรวดเร็วเพราะแร่เหล็กเหล่านี้ แต่ผู้คนโดยรอบกลับจนลงเรื่อยๆ

เพราะเจ้าของเหมืองมีได้แค่คนเดียว

แต่เหมืองแร่แห่งนี้ย่อมถูกคนจ้องตาเป็นมันอย่างเลี่ยงไม่ได้

ก็เหมือนแมวเฒ่านอนหนุนปลาเค็ม จะหลับอย่างสงบได้อย่างไร

แต่ผ่านมาหลายปีแล้วนายท่านจินก็ยังคงเป็นนายท่านจิน

ยังคงเป็นเจ้าของเหมืองแร่เหล็กแห่งนี้ ยังคงเป็นเจ้าของทองในพื้นที่แห่งนี้

เราย่อมจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังได้

เช้าวันรุ่งขึ้นหลิวรุ่ยอิ่งก็มุ่งหน้าไปจวนของนายท่านจินพร้อมกับหวาหนง

คนของอาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินที่เหลือพักอยู่กับเถ้าแก่เนี้ยต่อ

รู้สึกโล่งอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เพราะผีตัวจริงในใจนางได้จากไปแล้ว

ไปหานายท่านจิน

เมื่อคนสบายใจก็ต้องเบิกบานเป็นธรรมดา

เบิกบานถึงขีดสุดก็จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงแขก

เถ้าแก่เนี้ยก็ไม่เว้น

นางไม่เพียงเชิญคนของอาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินดื่มสุรากินเนื้อ ยังเป็นฝ่ายเชิญขอทานกับคนงานเหล่านั้นมากินอาหารด้วย

แต่ขอทานอ้วนน้องชายของเถ้าแก่อ้วนไม่ได้มา

ไม่รู้เพราะเขาขี้เกียจขยับตัวหรือเป็นเพราะสองพี่น้องมีเรื่องหมางใจอะไรกัน

ปกติเรื่องบาดหมางระหว่างบุรุษล้วนเป็นเพราะสตรี

ตรงนี้

อาจเป็นเพราะเถ้าแก่เนี้ยร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านโลงศพ พี่สะใภ้ของขอทานอ้วนก็เป็นได้

เถ้าแก่อ้วนยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

ขอเพียงเถ้าแก่เนี้ยต้องการ แบบไหนเขาก็ได้ทั้งนั้น

น่าเสียดายหลิวรุ่ยอิ่งไม่ได้เห็นฉากนี้

ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องโกรธจนหัวเราะหรือร้องไห้ไม่ออกเป็นแน่

ตนไม่ใช่ตัวซวยหรือเทพโรคระบาดอะไรเสียหน่อย

เหตุใดพอจากไปทุกคนก็ยินดีปรีดากันหมด

เทพโรคระบาดอาจไกลตัวเกินไป

แต่ตัวซวยนี่เขาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

ไม่ว่าเขาเดินไปที่ไหน

ถ้าไม่ใช่เขาใกล้ตายก็เป็นคนอื่นตาย

เริ่มตั้งแต่สืออีเฟิง ‘กระบี่เร็วแห่งผิงหนาน’ คนแรกสุดก็เป็นเช่นนี้

ทุกชั่วเวลาคอขาดบาดตาย มีแค่หลิวรุ่ยอิ่งที่พลิกสถานการณ์เอาชีวิตรอดต่อไปได้

เช่นนั้นก็ต้องมีคนอื่นตาย

เหมือนยมบาลจ้องหลิวรุ่ยอิ่งไม่วางตาอยู่ตลอด

เอาชีวิตเขาไม่ได้ก็จะคว้าเอาจากข้างกายเขาให้ครบจำนวนตามใจอยากแทน

หลิวรุ่ยอิ่งออกเดินทางไม่เช้านัก

ค่อนข้างสายทีเดียว

นายท่านจินเป็นคนตื่นเช้า

เขามักจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงตามดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอยขึ้น

เตียงเขาใหญ่มาก

ขนาดพอกับเตียงคู่สองเตียง

ทั้งยังนุ่มมากด้วย

นอนอยู่บนนั้น คนทั้งคนก็จะจมลงไปเรื่อยๆ

แต่เตียงใหญ่แค่ไหน นุ่มเพียงใดเขาก็นอนคนเดียว

ว่าตามหลักคนที่มีเงินมีอำนาจขนาดนี้ไม่มีทางขาดสตรี

แต่ไม่มีใครเคยเห็นนายท่านจินเข้าใกล้สตรีคนใดมาก่อน

ในจวนเขาเลี้ยงสตรีร้องเพลงเต้นรำไว้มากมาย

ทว่าพวกนางจะออกมาร้องรำทำเพลงแค่ตอนนายท่านจินจัดงานเลี้ยงรับแขก

เขาใช้สิ่งนี้เพื่อแสดงกำลังทรัพย์ของตัวเองเท่านั้น

ดื่มสุรา เล่นพนัน ปล่อยเหยี่ยว เล่นกับสุนัข

ไม่พลาดเลยสักอย่าง

โดยเฉพาะเหยี่ยวของเขา

มีทั้งหมดกว่าร้อยตัว

และทุกตัวล้วนมีชื่อของตัวเอง

นายท่านจินไม่เคยเรียกผิดเลยด้วย

เหมืองแร่รกร้างกว้างไกลเป็นสนามเล่นเหยี่ยวที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแท้จริง

เมื่อปล่อยเหยี่ยว

มันก็กระพือปีกพุ่งสู่ท้องฟ้า

จากนั้นฉวัดเฉวียนตามกระแสลมอยู่กลางอากาศ

มองจากไกลๆ ก็เหมือนว่าวตัวหนึ่ง

ปีกของมันไม่ขยับ แต่ดวงตากวาดมองผืนดินไม่หยุดหย่อน

ไม่ปล่อยหลืบมุมใดเล็ดลายสาตา

จิ้งเหลนตัวหนึ่งชูหัวอยู่บนพื้นดินทรายก็ไม่พ้นนัยน์ตาของเหยี่ยว

ในเวลาเดียวกันทำได้เพียงอย่างเดียว

หากเหยี่ยวอยากกระพือปีกบินและจับจ้องเหยื่อไปพร้อมกัน มันก็ยากจะทำสำเร็จ

เหยี่ยวล้วนเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคน

อย่างน้อยนายท่านจินก็เหมือนเหยี่ยวที่เขาเลี้ยงไม่มีผิด

ทุกเช้าล้างหน้าสางผมเสร็จแล้วเขาก็จะไปกินอาหาร

มีคนกินอาหารเช้าพร้อมเขาเยอะมาก

ล้วนเป็นสหายของเขาทั้งสิ้น

ซึ่งก็คือคนสำคัญที่หลบหนีจากเรื่องใหญ่โตเหล่านั้นที่เถ้าแก่เนี้ยบอก

สิ่งเดียวที่นายท่านจินต่างจากเหยี่ยวของเขาก็คือเขาทำอะไรล้วนชอบให้มีคนเยอะๆ

ยกเว้นนอนหลับ

และเหยี่ยวมักใช้ชีวิตอยู่ตัวเดียว

กระทั่งสิ่งของก็จะไม่แบ่งให้พวกเดียวกัน

นายท่านจินสร้างโถงใหญ่ที่เอาไว้กินอาหารโดยเฉพาะ

ด้านในมีโต๊ะสี่เหลี่ยมทั้งหมดยี่สิบตัว ทุกโต๊ะมีเก้าอี้สามตัว

ตามหลักแล้วโต๊ะตัวหนึ่งต้องเข้าคู่กับเก้าอี้สองตัวไม่ก็สี่ตัว

แต่ของนายท่านจินโต๊ะตัวหนึ่งมีเก้าอี้แค่สามตัว

แม้ด้านที่เว้นว่างไม่มีเก้าอี้ แต่จะวางชามตะเกียบไว้ชุดหนึ่ง

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมนายท่านจินถึงทำเช่นนี้

เพราะไม่มีใครกล้าถามเขา

แม้นายท่านจินเป็นคนสบายๆ อย่างยิ่ง

แต่กินของเขารับของเขาทำอะไรก็ต้องเกรงใจ

นี่เป็นหลักการอยู่ร่วมกันขั้นพื้นฐานที่สุด

คนที่มาหลบหนีจากเรื่องใหญ่โตเช่นพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร

ทุกครั้งนายท่านจินจะนั่งอยู่ตำแหน่งใกล้หน้าต่าง

นั่นคือโต๊ะของเขา

จะไม่มีใครไปนั่ง

เพียงแต่เช้านี้เขาไม่มา

คนในโถงรอเขานานมากแล้ว

อย่างน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม

แต่นายท่านจินก็ยังคงไม่ปรากฏตัว

คนเหล่านี้จนปัญญาได้แต่เริ่มกินก่อน

ความจริงตอนแรกพวกเขาไม่มีนิสัยกินอาหารเช้า

อาชญากรแห่งยุทธภพเหล่านี้ก่อกรรมทำชั่วไม่พอ

คิดว่าต้องทำการค้าขายไร้ต้นทุนตามถนนตามตรอกไม่น้อยด้วยเป็นแน่

และคนที่ทำงานเช่นนี้ย่อมต้องทำตอนกลางคืน

กลางคืนดึกดื่น

หากคนผู้หนึ่งออกไปเหน็ดเหนื่อยตอนกลางคืนหลายชั่วยาม ตอนเช้าต้องไม่ตื่นมากินอาหารแน่นอน

นอกจากโต้รุ่งรอร้านอาหารเช้าเปิดแล้วซื้อซาลาเปากินหนึ่งเข่ง

อย่างไรในท้องต้องมีของกินถึงจะหลับสนิท

แต่เทียบกับของกินอย่างซาลาเปา

เงินกลับจะเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาสบายใจยิ่งกว่า

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ต่อให้พวกเขาท้องหิวยามเช้าก็นอนหลับได้สบาย

หากเจ้าถามพวกเขาว่าเหตุใดถึงทำเช่นนี้

พวกเขาจะต้องหัวเราะเยาะว่าเจ้าเป็นคนปัญญานิ่มแน่นอน

เพราะซาลาเปาก็ต้องใช้เงินซื้อไม่ใช่หรือ

ขอแค่มีเงิน เจ้าอยากกินซาลาเปาไส้อะไรก็มีทั้งนั้น

กระทั่งบดเงินบดทองเป็นผงผสมในไส้ซาลาเปาก็กินได้ ตราบใดที่เจ้ากล้ากินและกินแล้วไม่ตาย

นี่ก็คืออำนาจของเงินทอง

มันสามารถทำให้คนไม่รู้จักร้อนหนาวหิวกระหาย

และยังสามารถทำให้คนลืมว่าตัวเองเป็นใคร

ห้องนอนของนายท่านจินอยู่ห่างโถงใหญ่ที่กินอาหารนั้นสามร้อยหกสิบห้าก้าวเต็มๆ

เขาตั้งใจทำให้เป็นเช่นนี้

ตอนนั้นช่างฝีมือใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดเท้าของนายท่านจินโดยเฉพาะ จากนั้นถึงยืนยันตำแหน่งการสร้างโถงใหญ่แห่งนี้

สามร้อยหกสิบห้าก้าว สื่อถึงหนึ่งปีสามร้อยหกสิบห้าวัน

ระหว่างทางไปกินอาหารเช้า นายท่านจินก็จะนับก้าวของตัวเอง

เตือนตัวเองไปด้วยว่าทุกวันไม่อาจใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์

แม้ความจริงเขาก็ไม่เคยทำเรื่องจริงจังอะไร

แต่ตั้งใจปล่อยเหยี่ยว ตั้งใจดื่มสุรา ตั้งใจเล่นกับสุนัข

ก็เป็นเรื่องจริงจังทั้งหมดไม่ใช่หรือ

ต้องทำให้ครบทุกอย่างในทุกวันถึงจะดี

และการเริ่มต้นของวันหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอาหารเช้า

นายท่านจินคิดว่าคนที่ไม่กินอาหารเช้าเรียกว่าคนไม่ได้โดยสิ้นเชิง

อาชญากรแห่งยุทธภพเหล่านี้มาหลบหนีในจวนของนายท่านจิน เขารับไว้ทั้งหมด

แต่มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือต้องมากินอาหารเช้ากับเขาทุกเช้า

เวลาที่เหลือทำอะไรเขาล้วนไม่สนใจ

แผนในหนึ่งวันขึ้นอยู่กับรุ่งเช้า

นายท่านจินคิดว่าหนึ่งวันของคนไม่ได้เริ่มจากลืมตา

การลืมตาเป็นแค่การฟื้นสติของตัวเอง

แต่กายเนื้อทั้งกายยังคงอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง

มีเพียงกินอาหารเช้าแล้วกายเนื้อถึงจะมีแรงขึ้นมา

เบิกบานหรือเศร้าโศกเพื่อวันใหม่ไปพร้อมกับจิตใจ

แต่วันนี้นายท่านจินออกจากห้องนอนแล้วเดินแค่สามร้อยก้าว

สามร้อยก้าวยังห่างกับโถงใหญ่รับประทานอาหารเช้าไม่น้อย

แต่เขาเดินเลี้ยว

ตรงดิ่งไปยังลานด้านหน้า

เป็นเรื่องใดกันถึงสามารถทำลายความเคยชินหลายปีมานี้ของนายท่านจินได้

คนอื่นต่างเดาว่าต้องเกิดเรื่องรับมือยากบางอย่างแน่นอน

ทว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

……………………………………………

[1] จิน แปลตรงตัวหมายถึงทอง

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท