บทที่ 524 เปลี่ยนสถานที่
บทที่ 524 เปลี่ยนสถานที่
“มีเท่านี้ใช่ไหม?” จานเฮ่อเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ครับ!” หวงถิงเฟิงมองอู๋ฝานที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเกลียดชัง แม้เกรงว่าเรื่องนี้จะกระทบถึงตนเอง แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายรอดพ้นออกไปได้
“ทุกคนในเจียงโจวตอนนี้กำลังจับตามองร้านคัลเลอร์แมน ถ้าเมื่อไหร่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอู๋ฝานที่นี่ พวกเราจะไม่อาจหนีข้อสงสัยไปได้นะครับ” หวงถิงเฟิงยังคงพูดต่อ “แต่ถ้ามันออกไปจากที่นี่ซะก่อน ถึงตอนนั้นก็มีพยานมากมายบอกได้ว่าคนกลับไปแล้ว ส่วนหลังจากนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา จริงไหมครับ?”
“มันก็จริง!” จานเฮ่อดวงตาเป็นประกายก่อนจะตอบรับ “การทำแบบนี้คนอื่น ๆ จะได้ลดคำครหาร้านคัลเลอร์แมนลง ในเมื่อมันเดินออกไปจากร้านอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง ถ้าหลังออกไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับยากจะรู้ได้”
“มีเหตุผล!” เมื่อเห็นจานเฮ่อตอบรับความเห็น หวงถิงเฟิงจึงโล่งอก เขาไม่อยากให้อู๋ฝานตายที่ร้านคัลเลอร์แมน ไม่ใช่ว่าอยากจะปล่อยคนไป แต่ควรต้องรอให้อีกฝ่ายออกไปก่อน หรือไม่ก็เป็นฝ่ายลงมือก่อน
“ได้ งั้นให้มันได้ใช้ช่วงเวลาที่เหลือเล็กน้อยอีกสักหน่อยก็แล้วกัน!” ผู้อาวุโสจานเฮ่อแสยะยิ้มชั่วร้าย
“คุยกันว่าจะจัดการกับฉันยังไงงั้นสิ?” ขณะอู๋ฝานเห็นว่าหวงถิงเฟิงและจานเฮ่อเดินกลับมา ตอนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างเย้าแหย่
เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแอบฟังก็เดาได้ คนทั้งสองคงหารือกันว่าจะจัดการยังไง เช่นจัดการที่นี่ หรือไปหาที่เปลี่ยวไร้บ้านไร้ผู้คน ไม่ว่าคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างไร ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดีแม้แต่น้อย หรือไม่ก็อาจถึงขั้นเป็นคนที่อ้าแขนรับความชั่วปฏิเสธความดีซะด้วยซ้ำ ไม่ว่าด้วยอะไรอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
“แค่ก แค่ก! อู๋ฝาน ในเมื่อแกไม่อยากปิดร้านโลกในแหวนหรือส่งมอบให้ งั้นก็ปล่อยเรื่องนี้ไว้เท่านี้ก็แล้วกัน” หวงถิงเฟิงเอ่ยขึ้น
“ใจดีกันขนาดนั้นเลย?” อู๋ฝานเผยยิ้มตอบรับ
“ไม่ว่าจะร้านคัลเลอร์แมนหรือวังเมฆาสีชาดต่างก็ไม่ใช่คนร้ายปล้นชิง อู๋ฝาน อย่าคิดว่าสุภาพบุรุษเช่นพวกเราจะมีใจคับแคบ!” หวงถิงเฟิงตอบ
“สุภาพบุรุษ? ฮ่า ฮ่า” อู๋ฝานที่ได้ยินคำพูดของหวงถิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“อู๋ฝาน อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” จานเฮ่อเอ่ยขึ้น “ฉันยอมใจดีละเว้นชีวิตให้ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะโชคดีอย่างนี้ไปทุกครั้ง!”
“ครั้งหน้าล่ะ?” อู๋ฝานเอ่ยถามด้วยสีหน้าเฉยชา “ครั้งถัดไปจะเป็นกี่นาที หรือกี่ชั่วโมง หรือว่ากี่วันดีล่ะ?”
“ตึง!”
แม้ตัดสินใจว่าจะฟังคำแนะนำของหวงถิงเฟิงโดยไม่ลงมือแล้ว แต่เพราะการยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่าของอีกฝ่าย จึงทำให้จานเฮ่อผู้ได้รับความเคารพนับถือมาโดยตลอด ทั้งยังไม่มีใครในเจียงโจวกล้าหาเรื่องโกรธจัด
“เจ็บไหมล่ะนั่น?” อู๋ฝานมองจานเฮ่อมือที่มือแดงเล็กน้อยพลางยิ้มถาม “จะคุยอะไรก็แค่พูดออกมา พออะไรไม่ได้อย่างใจจะเอาแต่ทุบโต๊ะอย่างเดียวงั้นสิ? โต๊ะนั่นราคาไม่ใช่ถูก ๆ พังไปไม่เสียดายรึไง?”
“ไสหัวไป! ออกไปให้พ้นจากที่นี่!” จานเฮ่อตะโกนลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเกรงว่าหากอู๋ฝานอยู่ที่นี่นานกว่านี้เขาจะอดใจไม่ได้จนต้องลงมือ
“เฮ้อ นี่เหรอวิธีการที่วังเมฆาสีชาดต้อนรับแขกที่มาเยือน?” อู๋ฝานเผยสีหน้าดูแคลนออกมา “เชิญมาที่นี่ แค่บอกให้นั่งลงยังไม่พูด ไม่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มมารับรอง ตระหนี่ถี่เหนียวกันดีจริง ๆ ทั้งที่เป็นคนส่งเทียบเชิญมาแท้ ๆ แขกมาถึงไม่ได้กินอาหารจนหิวไส้กิ่ว แต่กลับไล่แขกกลับซะแล้ว”
อู๋ฝานพูดพลางเดินมาถึงโต๊ะ ก่อนจะรินเครื่องดื่มให้ตัวเองราวกับที่ห้องนี้ไม่มีใครอื่น
จานเฮ่อที่เห็นจึงยิ่งโกรธถึงขนาดเส้นเลือดผุดขึ้นบนหน้าผาก ดวงตาหวงถิงเฟิงยังแทบถลนออกมา เพราะกลัวว่าจานเฮ่อจะอดทนไม่ไหวและบันดาลโทสะใส่อีกฝ่าย แน่นอนว่าหวงถิงเฟิงไม่คาดคิดว่าอู๋ฝานจะเอาชนะจานเฮ่อได้ แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องดูว่าเทียบเปรียบกับใคร จานเฮ่อเป็นถึงผู้อาวุโสนอกสำนักแห่งวังเมฆาสีชาด คนอย่างอู๋ฝานจะมีดีอะไรมาเทียบได้?
“อู๋ฝาน คนอย่างแกไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่ รีบไสหัวไปได้แล้ว!” หวงถิงเฟิงเอ่ยขึ้นมา กระทั่งรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ตนเองแสดงออกว่าใจดีเกินไป อย่างน้อยก็ยังยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตอีกนานขึ้นสักหน่อย
“ไม่ไป นี่ฉันมาถึงยังไม่ทันจะได้กินดื่มเลยนะ” อู๋ฝานตอบกลับ
“อู๋ฝาน อย่าให้มันมากนัก!” หวงถิงเฟิงพูดขึ้นมา “ที่นี่ไม่ใช่ร้านโลกในแหวนของแก ไม่ใช่ที่ที่จะมาวางท่าอวดดีแบบนี้ได้!”
“เป็นคนส่งเทียบเชิญฉันมาเองแท้ ๆ ไม่ให้ทานอะไรจะไม่เกินไปหน่อยรึไง?” อู๋ฝานถามกลับด้วยสีหน้าเฉยชา และยกแก้วไวน์พลางจิบและถามอีกครั้ง “งกกันเกินไปหน่อยไหม?”
ครั้งนี้ไม่เพียงจานเฮ่อ แต่กระทั่งหวงถิงเฟิงยังเดือดพล่านจนเส้นเลือดปรากฏบนหน้าผาก ผู้คนต่างทราบว่าวันนี้พวกเขาเป็นฝ่ายเชิญอู๋ฝานมาเยือน ทว่ามันไม่ใช่เทียบเชิญมากินดื่ม แต่ผลลัพธ์ที่ได้อีกฝ่ายกลับเอาแต่ห่วงเรื่องกิน ราวกับไม่ทราบว่าเรื่องราวแท้จริงควรเป็นอย่างไร
หวงถิงเฟิงทราบดีว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้โดยเจตนา แต่มันมากเกินกว่าพวกเขาจะทนได้
“ส่งใครก็ได้เข้ามา!” เมือเห็นสีหน้าจานเฮ่อบิดเบี้ยวราวกับไม่อาจทนได้ หวงถิงเฟิงจึงรีบตะโกน
ไม่นานพนักงานร้านทั้งสองคนก็เข้ามา
“รีบเอาโต๊ะนี่ออกไป เร็วเข้า!” หวงถิงเฟิงออกคำสั่ง
“ผู้จัดการหวง ทำกันเกินไปรึเปล่า” อู๋ฝานเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
หวงถิงเฟิงเมินเฉยคำพูดของอู๋ฝาน และหันไปเร่งพนักงานทั้งสองคนลงมือ
ไม่ช้าโต๊ะอาหารก็ถูกยกออกไป อู๋ฝานจึงเหลือเพียงแก้วไวน์ที่ถืออยู่ในมือ
“ผู้จัดการหวง ร้านคัลเลอร์แมนขี้งกเกินไปรึเปล่า” อู๋ฝานวางแก้วไวน์ลงพลางถามอีกฝ่าย “แม้ไวน์กับอาหารของที่นี่จะรสชาติดาษดื่นทั่วไปอยู่บ้าง แต่ตอนผู้จัดการหวงไปที่ร้านโลกในแหวน ฉันคนนี้ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่ได้แสดงท่าทีตระหนี่ถี่เหนียวอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งรสชาติอาหารและไวน์ยังดีกว่าที่นี่จนไม่ควรนำเอามาเทียบด้วยซ้ำ”
แม้หวงถิงเฟิงจะโกรธจัด แต่ก็ยอมรับว่าอู๋ฝานพูดจริง หากพูดเรื่องไวน์และอาหาร ร้านโลกในแหวนถือว่าทำได้ดีกว่าร้านคัลเลอร์แมนอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องการช่วงชิงร้านโลกในแหวนมาครอบครอง
“เอาละ ในเมื่อไม่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม คนก็ไม่อยากคุยด้วย งั้นฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสจาง ไว้พบกันใหม่!” อู๋ฝานบอกกับจานเฮ่อก่อนจะเดินออกไป
“วางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเราได้เจอกันอีกแน่!” จานเฮ่อตอบกลับด้วยสีหน้าดำมืด
“งั้นจะรอก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบรับ “หวังว่าผู้อาวุโสจางจะไม่ปล่อยให้ต้องรอนานจนเกินไป”
กล่าวจบอู๋ฝานก็หันกลับเดินออกจากห้องไป
จานเฮ่อจ้องมองอู๋ฝานเดินออกไปขณะพึมพำกับตัวเอง “ในเมื่ออยากตายเร็วขนาดนั้น ฉันจะทำตามที่ว่าก็แล้วกัน!”
“แปะ แปะ!”
จานเฮ่อตบมือสองครั้ง
ชั่วพริบตาชายหนุ่มสองคนในชุดแปลกตาจึงก้าวเดินเข้ามา จานเฮ่อบอกพวกเขา “ตามมันไป หาโอกาสฆ่ามัน!”
“ครับ!”
คนทั้งสองตอบรับ ก่อนจะเดินออกจากห้องส่วนตัวติดตามอู๋ฝานไป
“ผู้อาวุโสจาง สองคนนั้นจะจัดการได้เหรอครับ? อู๋ฝานแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย” หวงถิงเฟิงแสดงความกังวลออกมา
“แข็งแกร่งไม่น้อย? มันจะแค่ไหนกันเชียว?” จานเฮ่อตอบกลับอย่างเย้ยหยัน “ศิษย์ทั้งสองคนของฉันคนนี้คือขอบเขตสว่างขั้นสูงสุด อู๋ฝานไม่มีทางเทียบได้!”
“แต่ถ้าพวกเขาทำพลาดล่ะครับ?” หวงถิงเฟิงถาม อู๋ฝานเคยทำอะไรไว้เขายังจำได้ขึ้นใจ
“ถ้าพลาด ฉันคนนี้จะจัดการด้วยตัวเอง!” จานเฮ่อตอบกลับ “ยังไงก็ต้องฆ่า มันต้องไม่มีชีวิตรอดเกินวันนี้!”