สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1518 เห็นแก่ตัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1518 เห็นแก่ตัว

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า

“เยว่สือ…”

มู่หรงลี่เอ่ยเรียกเยว่สือ จากนั้นกล่าวขึ้น

“ท่านอาเก้าเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนจนไม่มีเวลาพักผ่อน เจ้าไปบอกคนที่จวนผู้สำเร็จราชการว่าคืนนี้ท่านอาเก้าจะพักในวังหลวง”

เดิมทีเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้จะอยู่ในเมืองหลวงต่อนานนัก การทำความสะอาดจวนผู้สำเร็จราชการจึงไม่จำเป็นสำหรับเขาแม้แต่น้อย

เยว่สือกำหมัดรับคำ

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“เชิญท่านอาเก้าขอรับ…”

มู่หรงลี่ผายมือเชิญให้เซียวหรงเหยี่ยนขึ้นไปนั่งบนแท่นสูงกับเขา เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย มู่หรงลี่จึงนั่งลงบนบัลลังก์มังกรของตัวเอง

มู่หรงลี่มองไปทางเสนาบดีเมิ่งที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยแววตาเย็นชา

“เราจะไม่ถือสาเรื่องที่เสนาบดีเมิ่งหลอกเป่าหูให้ไทเฮาขังเราเอาไว้ ทว่า ในฐานะขุนนางในราชสำนัก เจ้าแบ่งพรรคแบ่งพวก ยุให้ไทเฮาไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านต้าเยี่ยน ไม่อนุญาตให้ส่งยาไปยังเขตการปกครองของต้าโจว อีกทั้งปิดกั้นชายแดนไม่ให้ต้าโจวส่งยาเข้ามาในต้าเยี่ยน…”

“กระหม่อมทำไปเพื่อต้าเยี่ยน ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ต้าเยี่ยนเกิดภัยทางธรรมชาติขึ้น ขอเพียงพวกเราขังชาวบ้านต้าโจวและต้าเยี่ยนที่อยู่ในเมืองในการปกครองของต้าเยี่ยนเอาไว้ในเมืองนั้นพวกเราต้องชนะเดิมพันแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

“เมื่อเกิดภัยพิบัติต้าเยี่ยนและต้าโจวควรร่วมมือกันแก้ไขปัญหาจึงจะถูก มิเช่นนั้นหากโรคระบาดแพร่กระจายไปมากกว่าเดิม เมื่อมีชาวบ้านติดโรคระบาดมากขึ้น ผู้คนก็จะล้มตายมากขึ้น ต่อให้พวกเราชนะเดิมพันแล้วจะมีความหมายอันใดกัน”

มู่หรงลี่เดือดดาลมาก

“เสนาบดีเมิ่งเป็นปรมาจารย์ที่บัณฑิตมากมายให้ความเคารพนับถือ เหตุใดท่านจึงไม่เข้าใจเหตุผลง่ายๆ ที่ว่าชาวบ้านคือรากฐานของแคว้นกัน”

ลำคอของเสนาบดีเมิ่งร้อนผ่าว เขาแก้ตัวไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“จักรพรรดินีต้าโจวและขุนนางของต้าโจวพร้อมเสียสละเพื่อชาวบ้านของพวกเขา ทั้งๆ ที่ต้าโจวได้เปรียบทั้งโอกาสและกำลังคน ทว่า พวกเขากลับเลือกเดิมพันกับพวกเราด้วยวิธีนี้เพื่อได้ครอบครองใต้หล้า ทว่า ราชสำนักต้าเยี่ยนล่ะ เจ้าเป็นถึงขุนนางใหญ่ของต้าเยี่ยนแต่กลับไม่เห็นค่าชีวิตของชาวบ้าน ต้องการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่เคยร่วมทุกข์กับต้าเยี่ยนมาก่อนแลกกับชัยชนะของแคว้น ช่างน่าอัปยศยิ่งนัก!”

“ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางรีบก้มศีรษะคำนับ

มู่หรงลี่มองดูขุนนางที่ก้มศีรษะคำนับแนบพื้น แม้ขุนนางส่วนใหญ่จะร่วมมือกับเสด็จแม่และเสนาบดีเมิ่ง ทว่า ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน…มิเช่นนั้นพวกเขาคงถูกกำจัดไปนานแล้ว

หากท่านอาเก้ากลับมาช้ากว่านี้ขุนนางฝ่ายผู้สำเร็จราชการคงถูกกำจัดจนหมดสิ้นแล้ว

มู่หรงลี่รู้ดีว่าขุนนางฝ่ายท่านอาเก้าไม่พอใจที่เขาอายุยังน้อย ทว่า ขุนนางเหล่านั้นทำเพื่อต้าเยี่ยนอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นท่านอาเก้าคงไม่ฝากฝังเรื่องสำคัญไว้กับคนเหล่านั้นก่อนจากไปเช่นนี้

“ผู้ใดสมคบคิดกับเสนาบดีเมิ่ง ผู้ใดแพร่โรคระบาดเข้าไปในเมืองซึ่งเป็นเขตการปกครองของต้าเยี่ยนจงออกมารับผิดด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นหากข้าสืบรู้ ข้าจะประหารทั้งตระกูล พวกเจ้าเลือกเอาเองแล้วกัน!”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

สิ้นเสียงของเซียวหรงเหยี่ยน ขุนนางคนหนึ่งคลานเข่าไปด้านหน้า

“ฝ่าบาท ผู้สำเร็จราชการทรงวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำไปเพื่อแคว้นต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท ผู้สำเร็จราชการกระหม่อมทำตามคำสั่งของไทเฮาและเสนาบดีเมิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อมีคนเริ่มต้น คนอื่นๆ จึงรับผิดตามและปัดความรับผิดชอบไปให้ไทเฮาและเสนาบดีเมิ่ง

“ฝ่าบาทและผู้สำเร็จราชการได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นกล่าวขึ้น

“พวกเจ้าทำตามคำสั่งเช่นไร จงไปสารภาพกับศาลต้าหลี่ให้ละเอียด”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบจึงมองไปทางมู่หรงลี่

“ข้าให้คนไปเชิญเสนาบดีกรมการคลังและขุนนางคนอื่นๆ ทั้งหมดสิบเอ็ดนายที่ถูกไทเฮาไล่ออกจากราชสำนักกลับมาแล้ว ผู้ใดควรเลื่อนตำแหน่งก็เลื่อนตำแหน่ง ผู้ใดควรสังหารก็สังหาร ผู้ใดควรริบทรัพย์ก็ริบทรัพย์ ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิของแคว้น คงไม่ต้องให้ข้าสอนว่าควรทำเช่นไร”

“ท่านอาเก้าหมายความเช่นไรขอรับ”

มู่หรงลี่ฟังความนัยของถ้อยคำนี้ออก

“ท่านอาเก้าจะเดินทางไปที่อื่นหรือขอรับ”

“ตอนนี้โรคระบาดยังคงรุนแรง ชาวบ้านกำลังหวาดกลัว ต้องมีคนของราชวงศ์ออกไปปลอบขวัญชาวบ้านเหล่านั้น”

เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืน

“ข้าจะออกไปสำรวจเมืองที่ติดโรคระบาดและปลอบขวัญชาวบ้านเหล่านั้น”

“ทว่า ท่านอาเก้า…”

มู่หรงลี่ไม่สบายใจ

“ฝ่าบาททรงเติบใหญ่แล้ว ฝ่าบาทต้องเรียนรู้ที่จะตัดสินใจเรื่องเหล่านี้เอง ครั้งนี้ฝ่าบาทไม่ได้หวาดระแวงไทเฮา อีกทั้งอ่อนเกินไปจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทว่า นี่คือสิ่งที่ต้องเผชิญเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฝ่าบาทต้องเติบโตเป็นคนที่สามารถเผชิญกับปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง”

เซียวหรงเหยี่ยนมองมู่หรงลี่

“อาทำได้แค่พาเจ้าที่ยังเป็นเด็กเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ตอนนี้เจ้าเติบโตแล้ว เจ้าต้องเลือกทางเดินข้างหน้าด้วยตัวเอง! เจ้าคือจักรพรรดิของแคว้น เจ้าคือคนนำทางต้าเยี่ยนของพวกเรา!”

มู่หรงลี่ได้ยินคำนี้ขอบตาจึงร้อนผ่าวขึ้นทันที ในใจยังคงเต็มไปด้วยความกังวล

เขารู้ดีว่าท่านอาเก้ากล่าวถูกต้อง ทว่า เมื่อวิเคราะห์ให้ดีเขารู้สึกว่าท่านอาเก้าไม่พอใจวิธีการที่เขาจัดการกับเสด็จแม่จึงไม่อยากสนใจเขาอีก

ที่ก่อนหน้านี้เขากล้าตัดสินใจเรื่องทุกอย่างอย่างเด็ดขาดในราชสำนักเป็นเพราะเขารู้ว่าท่านอาเก้าจะคอยอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา ต่อให้เขาทำผิดก็ยังมีท่านอาเก้าคอยช่วยเขาแก้ไข

ทว่า หากท่านอาเก้าไม่อยู่แล้วเขาจะไม่มีความมั่นใจในทันที

“ท่านอาเก้า!”

“ฝ่าบาท…”

เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับมู่หรงลี่

“ฝ่าบาททรงเติบใหญ่แล้ว ข้าเชื่อมั่นในตัวฝ่าบาท”

“ท่านอาเก้า!”

มู่หรงลี่กำหมัดแน่น เขากลัว…กลัวว่าท่านอาเก้าจะไปหาพี่สาวไป๋ทั้งๆ ที่การเดิมพันยังไม่จบลง

ทว่า เขารู้ดีว่าท่านอาเก้าคือสามีของพี่สาวไป๋ เมียและลูกของท่านอาเก้าอยู่ที่ต้าโจว ตอนนี้เขาคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน เขามีสิทธิ์อันใดเรียกร้องให้ท่านอาเก้าอยู่ที่ต้าเยี่ยนต่อกัน

เขาเป็นเพียงหลาน ทว่า คนที่อยู่ในต้าโจวคือภรรยาและลูกของท่านอาเก้า

มู่หรงลี่คลายหมัดที่กำแน่นออก เขารู้ดีว่าท่านอาเก้าทุ่มเทและเสียสละเพื่อต้าเยี่ยนมามากแล้ว เขาจะรั้งตัวท่านอาเก้าไว้ที่ต้าเยี่ยนอย่างคนเห็นแก่ตัวไม่ได้

บางทีถึงเวลาที่ท่านอาเก้าจะได้ทำตามหัวใจของตัวเอง ได้ไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวของตัวเองแล้ว

เมื่อมู่หรงลี่คิดได้ดังนี้จึงโค้งกายคำนับมู่หรงเหยี่ยน

“ท่านอาเก้า…เดินทางปลอดภัยนะขอรับ”

มู่หรงเหยี่ยนเห็นมู่หรงลี่เกือบร้องไห้ออกมาก็เข้าใจทันทีว่าหลานชายของเขาเข้าใจผิดไปไกลแล้ว อาลี่คงคิดว่าเขาจะแกล้งตายตอนออกไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านเหล่านั้น

เมื่อเดินออกมาจากตำหนักเซียวหรงเหยี่ยนหันไปกล่าวกับเยว่สือ

“เมื่ออาลี่ว่าราชการตอนเช้าจบเจ้าจงไปอธิบายให้เขาเข้าใจด้วยตัวเอง อย่าให้เขาคิดมาก ข้าดีใจมากที่ตอนนี้อาลี่สามารถเผชิญปัญหาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาข้าอีกแล้ว ข้าหวังว่าเขาจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีทำเพื่อต้าเยี่ยน เป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม ข้าจะช่วยเขาปกป้องต้าเยี่ยนจนกว่าการเดิมพันจะสิ้นสุดลง เจ้าบอกให้เขาไม่ต้องกังวล”

เยว่สือรับคำ

“ขอรับ”

เซียวหรงเหยี่ยนเดินเอามือไขว้หลังลงไปจากบันไดสูง เขาเดินทางไปยังเมืองที่เกิดโรคระบาดในครั้งนี้เพราะความรู้สึกส่วนตัวเช่นเดียวกัน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท