ตอนที่ 451 ร่ำสุรา
เว่ยหานจ้องเด็กสาวซึ่งอยู่ตรงข้าม ก็มองไม่เห็นความรู้สึกส่วนเกินใดๆ ในดวงตาเย็นชาคู่นั้น
เขามีวาจามากมายอยากจะถาม ยกตัวอย่างเช่นนางมีความเป็นปฏิปักษ์อย่างน่าประหลาดกับจวนผิงหนานอ๋อง ยกตัวอย่างเช่นสาเหตุที่นางปรากฏตัวขึ้นในจวนเจิ้นหนานอ๋องที่ร้างไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเหตุผลที่นางไปพบกับเว่ยเชียงในวันนี้
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่ตอบได้แล้วยกจอกสุราขึ้นมา
นางไม่อยากพูด ซักถามไปก็จะกลายเป็นการบังคับ
เขาไม่อาจฝืนทำได้
สุราฤทธิ์แรงไหลเข้าสู่ลำคอ แผดเผาเสียจนหัวใจคนรู้สึกทุกข์ใจ
เว่ยหานดื่มรวดเดียวหมดจอกแล้วรินสุราใส่จอกที่ว่างเปล่าแทนลั่วเซิง
สือเยี่ยนแย่งหมูตุ๋นแผ่นหนึ่งกินที่ลานด้านหลังแล้วหาเวลาไปเลิกมุมม่านประตูเพื่อดูความคืบหน้าก็เห็นภาพที่ทั้งสองคนนั่งดื่มกันเงียบๆ
สือเยี่ยนมุมปากกระตุก
โอกาสในการเปิดอกบอกความรู้สึกในใจที่หายากเช่นนี้ เหตุใดนายท่านถึงรู้จักเพียงร่ำสุราอย่างโง่งมกัน
ขณะกำลังคิดก็เห็นเว่ยหานคีบหมูตุ๋นขึ้นมาแผ่นหนึ่ง
สือเยี่ยนปล่อยม่านประตูลงอย่างโมโห
ไม่ดูแล้ว ไม่สู้เขาไปแย่งหมูตุ๋นกินให้มากกว่านี้สักหลายแผ่นดีกว่า
กาสุราว่างเปล่าบนโต๊ะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ลั่วเซิงตะโกนเรียกเสียงดัง “หงโต้ว เอาสุรามา…”
“คุณหนู ท่านอ๋อง พวกท่านค่อยๆ ทานนะเจ้าคะ” สาวใช้ที่มุมปากเลอะคราบน้ำมันวางกาสุราสองกาลงแล้วรีบวิ่งออกไป
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็มีเสียงตะคอกดังขึ้น “สือซานหั่ว เจ้าบอกว่าจะเก็บชิ้นสุดท้ายไว้ให้ข้า!”
ความอลหม่านวุ่นวายในลานด้านหลังทำให้ลั่วเซิงแย้มริมฝีปากยิ้ม ยกกาสุราขึ้นมา
มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมารับกาสุราไปและยกกาสุราอีกกาหนึ่งไปเช่นกัน
ลั่วเซิงเหลือบมองคนที่แย่งกาสุราไป
เว่ยหานเอ่ยสีหน้าจริงจัง “คุณหนูลั่ว เจ้าดื่มไม่ได้แล้ว”
“ข้าไม่ได้เมา” ลั่วเซิงดวงหน้านิ่งสงบ ไม่คล้ายกับเมาจริงๆ
เว่ยหานยืนหยัดอย่างหาได้ยาก “อย่างนั้นก็ดื่มไม่ได้แล้วเช่นกัน”
ลั่วเซิงเห็นเขากดกาสุราสองกาเอาไว้ก็เตือนเรียบๆ ว่า “ท่านอ๋องดื่มจนหน้าแดงแล้ว”
แก้มของเว่ยหานมองแล้วแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฝืนเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ก็ไม่อนุญาตให้เจ้าดื่มอีกเช่นกัน”
มือขาวยื่นออกมา วางลงบนตัวกา
“มีสิทธิ์อะไร” ลั่วเซิงถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยอาการเมามายเล็กน้อย
ท่าทางเอาแต่ใจเล็กน้อยเช่นนี้เป็นสิ่งที่เว่ยหานไม่เคยเห็นมาก่อน
คุณหนูลั่วที่ดื่มสุราไม่ค่อยเหมือนกับยามปกตินัก…
เขาพลันเกิดความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
หากรออีกหน่อย อาจจะสามารถเห็นท่าทางที่น่ารักกว่านี้ของคุณหนูลั่วได้
ไม่ ไม่ เขาไม่ใช่คนประเภทนั้น
ดื่มสุรามากไปจะทำร้ายสุขภาพจึงไม่อาจดื่มได้อีกแล้ว
เว่ยหานสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “สิทธิ์ที่พวกเราร่ำสุราด้วยกัน”
ลั่วเซิงมองเขา ขยับริมฝีปาก
ไม่รู้ว่าดื่มมากเกินไปจริงๆ หรือไม่ ปฏิกิริยาตอบสนองของนางคล้ายจะช้าไปเล็กน้อย ตอนนี้ถึงกับไม่รู้ว่าจะโต้เถียงอย่างไร
การดื่มสุราทำให้เสียการเสียงาน ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง
ความคิดนี้แวบผ่านไป ลั่วเซิงยิ้ม
แม้ว่าการดื่มสุราจะทำให้เสียการเสียงาน แต่เดิมวันนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไร เรื่องที่อยากทำมากที่สุดก็คือร่ำสุราอย่างไรเล่า
จวนผิงหนานอ๋องจบสิ้นลงโดยสมบูรณ์แล้ว ถือว่าเป็นการลงโทษด้วยการดื่มสุราจอกใหญ่ เมามายผ่านวันนี้ไป พรุ่งนี้ก็สมควรจะทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าแล้ว
ลั่วเซิงหรี่ตามองคนตรงข้าม พลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ไม่ดื่มก็สิ้นเปลือง”
นางไม่ได้อยากเอ่ยแบบนี้ ความจริงสิ่งที่นางอยากจะเอ่ยก็คือ ร่ำสุราด้วยกันจะนับเป็นอะไรได้
ลั่วเซิงขมวดคิ้ว นางค้นพบว่า ยามมึนเมา หัวใจซึ่งเย็นชาและเข้มงวดดวงนั้นไม่อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะ กลายเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
เว่ยหานเห็นนางที่เป็นแบบนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้น
คุณหนูลั่วที่เป็นเช่นนี้น่ารักมากอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ…แต่ว่าไม่อาจดื่มอีกได้แล้ว
“ข้าดื่มทั้งหมดนี้เองได้” คล้ายกับรู้สึกว่าเช่นนี้จะไร้น้ำใจอยู่บ้าง เว่ยหานจึงดันจานหมูตุ๋นไป “คุณหนูลั่วกินเนื้อเถอะ”
ลั่วเซิงแววตาไหววูบเล็กน้อย
กระทั่งหมูตุ๋นก็ยังตัดใจให้นางกินได้ ดูท่าจะไม่อยากให้นางดื่มแล้วจริงๆ
“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” ลั่วเซิงถอนหายใจ ดันหมูตุ๋นกลับไป “ท่านอ๋องกินเถอะ ข้าไม่หิว”
เว่ยหานแอบโล่งใจ
หากคุณหนูลั่วโวยวายจะร่ำสุราอีก เขาอาจจะไม่สามารถเด็ดขาดเช่นนี้อีกได้
ยังดี
ท่านอ๋องที่โล่งใจยกจอกสุราขึ้นมา
สือเยี่ยนที่หนีหัวซุกหัวซุนจากการถูกหงโต้วไล่ตาม ปลีกตัวออกมาด้วยความยากลำบาก เขาไม่วางใจจึงวิ่งมาที่ประตู เลิกม่านประตูขึ้นเงียบๆ อีกครั้ง
ก็เห็นนายท่านดื่มสุราอึกหนึ่ง หมูตุ๋นคำหนึ่ง ดื่มสุราอึกหนึ่ง หมูตุ๋นคำหนึ่ง…
สือเยี่ยนถูกทำให้สะเทือนใจจนหน้ามืดไปชั่วขณะ
เขานึกว่า การเผชิญหน้ากับแม่นางที่ชอบพอแล้วรู้จักแต่ดื่มสุรา ไม่รู้จักกล่าววาจาหวานซึ้งนั้นทำให้ผู้คนกังวลใจมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะยังมีหน้ามาสนใจเพียงตนเองกินและดื่ม ให้คนที่ชอบนั่งมองแบบนี้ด้วย
สือเยี่ยนสะบัดม่านประตูอีกครั้ง กุมหัวใจด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
เขาสาบานว่า หากเขายังเป็นกังวลอีกก็เป็นหมูแล้ว!
รอบนโต๊ะเหลือจอกและจานที่ว่างเปล่า ลั่วเซิงก็ถามยิ้มๆ “ท่านอ๋องยังจะดื่มอีกไหม”
“พอแล้ว” เว่ยหานข่มความเมามายที่ทะลักขึ้นมา รักษาความแจ่มใสเอาไว้
หากยังดื่มต่อไปก็น่าจะเมาแล้ว
“เช่นนั้นก็ให้สือเยี่ยนส่งท่านอ๋องกลับจวนเถอะ”
“อืม” เว่ยหานมองลั่วเซิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “ครั้งหน้าหากคุณหนูลั่วอยากร่ำสุรา ก็เรียกข้า”
ลั่วเซิงกลอกตามองบนอย่างเหลืออด
บุรุษโง่งมถึงกับคิดเรื่องราวดีๆ ที่เป็นประโยชน์ออกมาได้ มากินเปล่า ดื่มเปล่าแล้วยังจะมาควบคุมนางอีก
ครั้งหน้านางไปร่ำสุรากับซิ่วเย่ว์จะไม่เต็มที่กว่าหรือ
เว่ยหานไม่รู้ว่าถูกรังเกียจเข้าแล้ว เดินอมยิ้มออกจากหอสุราไป
ตลอดทาง สือเยี่ยนจุกจนไม่มีอะไรจะกล่าว
ไม้ผุแล้วสลักไม่ได้[1] เขาซึ่งเป็นองครักษ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีวิธีใดอีก
“อย่าเพิ่งรีบกลับ” เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง เว่ยหานก็เรียกสือเยี่ยนเอาไว้
สือเยี่ยนตะลึง
หรือนายท่านจะสังเกตเห็นท่าทีดูแคลนของเขาเลยจะลงโทษให้เขาอยู่ขัดถังส้วมกัน
“นาย นายท่าน ท่านมีอันใดจะสั่งหรือขอรับ” สือเยี่ยนที่เหงื่อเย็นผุดขึ้น ยิ้มแห้งๆ
“ในวังเคยพระราชทาน ยาอวิ๋นซวงใช่หรือไม่ ยังมีไหม”
สือเยี่ยนตะลึงและได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ”ท่านหมายถึงยาที่มีฤทธิ์หมุนเวียนเลือด สลายเลือดคั่ง ลดอาการบวมและลบรอยแผลเป็นไม่เลวนั่นใช่ไหม น่าจะยังมีนะขอรับ พวกเราจวนอ๋องล้วนเป็นบุรุษ ใครจะใช้กัน”
จวนอ๋องแสนใหญ่โตมีนายท่านหนึ่งคน ที่เหลือที่มีฐานะหน่อยก็คือบุรุษหยาบกร้านเช่นเขา จะใช้ยาอวิ๋นซวงอะไรนั่นที่ไหนกัน
“นำกล่องหนึ่งไปให้คุณหนูลั่ว”
สือเยี่ยนแววตาเปล่งประกาย “ให้คุณหนูลั่วหรือขอรับ”
เว่ยหานมุ่นคิ้ว “พูดให้น้อยๆ หน่อย รีบไป”
สือเยี่ยนหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก “นายท่าน ถึงท่านจะรีบร้อนก็ต้องฝากประโยคหนึ่งไปให้คุณหนูลั่วนะขอรับ”
เว่ยหานรู้สึกว่าก็ใช่ จึงตั้งใจครุ่นคิด
สือเยี่ยนรออยู่นานสองนานก็ไม่มีความเคลื่อนไหวจึงเอ่ยเร่ง ”นายท่าน?”
คนที่คิดอยู่นาน ก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรมีสีหน้าเคร่งขรึม
“ไปเถอะ”
สือเยี่ยน “…”
ลานด้านหลังหอสุราครึกครื้นมาก แบ่งเป็นหงโต้วกับโค่วเอ๋อร์ที่กำลังเตะลูกขนไก่ย่อยอาหารจากการกินหมูตุ๋น คุณชายสามเซิ่งลูบท้องพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข กระทั่งผู้ดูแลหญิงก็ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกับจูอู่
ลั่วเซิงโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนไม่จำเป็นต้องสนใจนาง แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
ภายในห้องครัว วัตถุดิบที่ต้องใช้ในอาหารมื้อเย็นยามค่ำคืนเตรียมเรียบร้อยแล้ว ซิ่วเย่ว์กำลังเหม่อลอย
“อาซิ่ว”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก นางพลันได้สติ แล้วมองไปทางประตู
ลั่วเซิงเดินเข้ามา ถามยิ้มๆ ว่า “ทำงานเสร็จรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ซิ่วเย่ว์มองเด็กสาวที่แย้มรอยยิ้มพริ้มพรายแล้วพลันหน่วยตาแดงระเรื่อ
นางเช็ดหางตา ถามเสียงเบาว่า “คุณหนูล่ะเจ้าคะ ยังยุ่งอยู่หรือ”
ลั่วเซิงนิ่งเงียบไปแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “วันนี้พักผ่อนสักหน่อย ยังต้องยุ่งต่อไป”
ซิ่วเย่ว์ออกแรงพยักหน้า “ท่านทำต่อไปเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะทำเป็นเพื่อนท่านเอง”
สองนายบ่าวไม่เอ่ยอันใดให้มากความ อยู่กันเงียบๆ ครู่หนึ่ง
หงโต้ววิ่งเข้ามา ทำลายความนิ่งเงียบในห้องครัวลง “คุณหนู ไคหยางอ๋องส่งของมาให้ท่านเจ้าค่ะ”
[1] ไม้ผุแล้วสลักไม่ได้ เปรียบเปรยถึง คนที่นิสัยย่ำแย่ถึงขั้นเกินเยียวยา และไม่อาจแก้ไขได้อีก