รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 997 ในฝันของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์โอหัง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 997 ในฝันของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์โอหัง!

เฟิ่งหลวนวางถุงหอมไว้บนเตียง เอนกายลงและหลับตา

เนิ่นนานมาแล้วที่มิเคยได้นอนหลับ จนนางลืมไปแล้วว่าความรู้สึกยามหลับเป็นเช่นไร

นางไม่รู้จริง ๆ ว่าจะหลับลงหรือไม่

หลังหลับตา ทุกอย่างพลันเงียบสงบ นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านพยายามสงบใจ เพื่อให้ตัวเองนอนหลับได้ไวขึ้น

กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากถุงหอมโชยชายเข้าจมูก นางตกอยู่ในห้วงความรัญจวนของกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้หัวใจสงบเงียบลง

จากนั้นนางหลับสนิท

ในฝัน คล้ายว่านางถูกพลังบางอย่างชักจูง ร่างกายลอยลิ่วไปตามพลังนั้น

รวดเร็วจนตัวนางเองยังไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ร่างกายของนางพาดผ่านขอบฟ้า ไม่รู้ทะลุผ่านจักรวาลมาแล้วกี่ผืน

ท้ายที่สุดพลังที่คอยชักนำนางหายไป นางหยุดฝีเท้าในอวกาศแห่งหนึ่ง

อวกาศที่นี่เป็นสีเลือด ดาวทุกดวงล้วนเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ประกายโลหิตอาบไล้ส่องสะท้อนจักรวาลผืนนี้เป็นสีแดงชาด

“กลิ่นเลือด…”

นางขมวดคิ้วมุ่น ได้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น เมื่อนางคลี่แผ่ญาณสัมผัสก็เป็นไปตามคาด สิ่งมีชีวิตในจักรวาลผืนนี้ตายหมดแล้ว!

ประกายโลหิตที่เปล่งออกจากดาวแต่ละดวงล้วนเกิดจากแสงสะท้อนของเลือด

นางได้เห็นศพมากมายที่ตายอย่างอนาถ ดูคล้ายภูเขาศพนับคณาที่กองจนสูงตั้งไม่รู้เท่าไหร่!

ทุกดวงดาวล้วนเป็นภาพเดียวกัน เต็มไปด้วยกองศพเป็นภูเขา!

กระทั่งพืชที่มีพลังชีวิตยังหนีไม่พ้น ถูกทำลายราบคาบจนไม่เหลือพลังชีวิตอีก!

“ฝีมือผู้ใด ล้างผลาญทั้งจักรวาล สังหารสิ่งมีชีวิตทุกตนในอาณาจักร!”

นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โทสะปะทุ อำมหิตชั่วร้ายเกินไปแล้ว ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!

เวลานั้นเอง นางตัวสั่นสะท้าน ได้เห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ!

“ท่าน..ท่านอาจารย์!”

ร่างของนางโอนเอนจนเกือบร่วงจากอวกาศ นี่นางฝันอยู่หรือ ถึงได้พบอาจารย์ของนาง!

“เหมือนว่า…ข้ากำลังฝันอยู่จริง ๆ!”

สีหน้าของนางประหลาดไป จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ชัดเจน ลั่วสุ่ยขอให้นางนอนหลับให้สบาย และกำชับนางให้วางถุงหอมไว้บนหัวเตียง

เดิมนางคิดว่าคงยากจะหลับลง หารู้ไม่ นางหลับได้อย่างรวดเร็วและฝันเห็นภาพนี้

“ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดยิ่ง รู้ตัวว่าฝันไปแต่ข้ายังไม่ตื่นอีกหรือ”

นางพึมพำกับตนเอง

ตระหนักตัวแล้วว่าฝันอยู่ นางควรจะตื่นมิใช่หรือ

ทว่านางไม่ตื่น ยังคงอยู่ในห้วงความฝันนี้ต่อ

“ถุงหอมที่คุณชายเย่มอบให้ข้าสัมฤทธิ์ผลแล้วหรือ”

ดวงตาของนางลุกวาว “ต้องใช่แน่ ยามคุณชายเย่มอบถุงหอมให้ข้าได้กล่าวว่าถุงหอมนี้สามารถช่วยให้ข้าหลับฝันดี คิดแล้วคุณชายเย่คงอยากให้ข้านอนหลับผ่อนคลายจริง ๆ และหลุดพ้นจากการถูกไล่ล่าอย่างโหดร้ายได้เสียที”

คิดมาถึงนี่ นางคลี่ยิ้ม “เป็นประสบการณ์ที่วิเศษจริง ๆ ข้ามีความนึกคิดแจ่มแจ้งในห้วงความฝัน รู้ตัวว่ากำลังฝันไป…”

คนทั่วไปจะทำเช่นนี้ได้ไม่ง่ายเลย หลังรู้ว่าอยู่ในฝันย่อมต้องตื่น

ส่วนยอดฝีมือระดับนางคิดจะมีประสบการณ์เช่นนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

นางอดเลื่อมใสต่อคุณชายเย่ขึ้นมาอีกครั้งมิได้ “คุณชายเย่เกินกว่าจะจินตนาการจริง ๆ!”

เวลานั้น นางนึกถึงหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง

นางเอ่ยด้วยความฉงน “คุณชายหลี่เก่งกาจสู้คุณชายเย่ได้จริงหรือ”

แม้ว่าลั่วสุ่ยจะบอกนางด้วยตนเอง แต่นางยังรู้สึกแคลงใจ มองว่าคุณชายหลี่สู้คุณชายเย่มิได้

“ในเมื่อเป็นความฝัน ข้าขอลิ้มรสให้เต็มที่แล้วกัน!”

นางคลี่ยิ้ม ตั้งจิตคราเดียวก็มาอยู่ข้างกายอาจารย์

“เจ้า…เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

ห้วงความฝันนี้สมจริงยิ่งนัก…

เฟิ่งหลวนเห็นสีหน้าเช่นนี้ของอาจารย์นางพลันสะท้อนใจ

“ท่านอาจารย์ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน!”

นางไม่ได้ตอบคำถามของแม่เฒ่า หากแต่เข้าโอบกอดแม่เฒ่าไว้ แม้ว่านางเพียงฝันไป กระนั้นนางยังตื้นตันเหลือแสน หยาดน้ำตาหลั่งรินลงมา

นับแต่นางได้แยกจากกับอาจารย์ก็คิดถึงอาจารย์เหลือเกิน

แม่เฒ่ารับรู้ถึงความตื้นตันเหลือคณาของเฟิ่งหลวนก็ค่อย ๆ สงบลงเช่นกัน นางโอบกอดเฟิ่งหลวนตอบ

นางไฉนเลยจะไม่คิดถึงเฟิ่งหลวนเล่า?

ในใจของนาง เฟิ่งหลวนเปรียบเหมือนบุตรสาวแท้ ๆ ความคิดถึงที่นางมีต่อเฟิ่งหลวนไม่น้อยไปกว่าความคิดถึงที่เฟิ่งหลวนมีต่อนางเลย

หลังกอดกันเป็นเวลาสั้น ๆ นางหักใจผลักเฟิ่งหลวนออก

จากนั้น นางตวาด “ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าอีก เจ้าจงรีบไปจากที่นี่ มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าลงมือไร้เยื่อใย!”

ที่นี่อันตรายเกินไป เป็นสถานที่พำนักของสำนึกแห่งโรคบางอย่าง นางมาเพื่อกำจัดสำนึกแห่งโรคนั้น

นางไม่ต้องการให้เฟิ่งหลวนอยู่ที่นี่ อยากไล่เฟิ่งหลวนไป ถึงอย่างไรนางยังไม่มั่นใจเลยว่าสามารถต่อกรกับสำนึกแห่งโรคนี้ได้ คราวนี้นางมาโดยเตรียมใจตายไว้แล้ว

สมจริงเหลือเกิน!

เฟิ่งหลวนสะท้อนใจอีกครั้ง

“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

นางบอกกับอาจารย์ “ข้ารู้ว่าหายนะครั้งใหญ่กำลังมาเยือน มีพลังบางอย่างต้องการทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก ท่านไล่ข้าไปก็เพราะต้องการปกป้องข้า ที่ให้ข้าไปหาหลี่จิ่วเต้าก็เพราะอยากให้ข้าได้ติดตามหลี่จิ่วเต้า และรอดจากหายนะคราวนี้”

“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร”

แม่เฒ่าตัวสั่น คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งหลวนล่วงรู้ความจริงแล้ว

“เจ้าได้พบหลี่จิ่วเต้าแล้วหรือ”

นางเอ่ยถาม รู้สึกว่าคงเป็นหลี่จิ่วเต้าที่บอกเรื่องนี้แก่เฟิ่งหลวน

“ยัง”

เฟิ่งหลวนสั่นศีรษะ “ข้ายังไม่ได้พบคุณชายหลี่ผู้นั้น ทว่าข้าได้พบคุณชายเย่! คุณชายเย่เป็นยอดบุรุษเกินจินตนาการ เก่งกาจยิ่งกว่าท่านอาจารย์ปู่เสียอีก!”

“…”

แม่เฒ่าเงียบไป ไร้คำใดจะพูด

เฟิ่งหลวนพูดเหลวไหลอะไร

เก่งกาจกว่าอาจารย์ของนางอีกหรือ

มีคนเช่นนั้นที่ไหน!

อาจารย์ของนาง หรือก็คืออาจารย์ปู่ของเฟิ่งหลวนเป็นคนแรกบนเส้นทางฝึกตน!

“เจ้าฝันอยู่หรือ!”

นางเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ ไม่เชื่อ และไม่อาจเชื่อในคำกล่าวของเฟิ่งหลวน

“เอ๋ ท่านอาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าข้าฝันอยู่”

เฟิ่งหลวนอึ้ง นางกำลังฝันอยู่จริง ๆ

คราวนี้แม่เฒ่าหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง

นางเอ่ยไปอย่างนั้น เป็นเพียงวลีอุปมาว่าฝันอยู่ ผู้ใดจะรู้ว่าเฟิ่งหลวนกำลังฝันอยู่จริง ๆ!

“เฮ้อ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยปล่อยเจ้าออกไปท่องโลกภายนอก เอาแต่อยู่ในแดนวิมานกับข้า บัดนี้เจ้าไม่มีข้าคอยเคียงข้าง ยอมรับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้จนจิตใจบิดเบี้ยว…”

นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองว่าเฟิ่งหลวนเสียสติเพราะการจากไปของนาง

ที่ว่าจิตใจบิดเบี้ยวเป็นการเอ่ยอย่างอ้อมค้อมของนางเท่านั้น

“ไม่ว่าอย่างไร เจ้ารีบไปเถิด ที่นี่หาใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่!”

นางสงบใจ เร่งเร้าเฟิ่งหลวนให้รีบไปจากที่นี่

โลหิตในจักรวาลผืนนี้ยังอุ่นร้อน สำนึกแห่งโรคนั้นอาจยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน

“ห้วงความฝันของข้า มีที่ใดที่ข้าอยู่ไม่ได้บ้าง ท่านอาจารย์ไม่ต้องทำเช่นนี้!”

เฟิ่งหลวนกล่าว

แม่เฒ่าไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเอื้อนเอ่ยคำใด

นอกจากนี้ เมื่อได้เห็นเฟิ่งหลวนเพ้อพกเช่นนี้ นางปวดร้าวในใจ

ทุกอย่างเป็นเพราะนาง!

“ไป!”

นางไม่เอ่ยอันใดไปมากกว่านี้ รีดเร้นพลังหมายจะบังคับส่งตัวเฟิ่งหลวนออกไปจากที่นี่

สำนึกแห่งโรคนั้นอาจยังไม่ไปจริง ๆ นางสังหรณ์ใจบางอย่างขึ้นมา มิกล้าให้เฟิ่งหลวนอยู่ที่นี่ต่อ

ตู้ม!

เวลานั้นเอง ห้วงมิติบิดเบี้ยว หลุมดำมหึมาปรากฏ กะโหลกศีรษะยักษ์ใหญ่โผล่ออกมา

กะโหลกศีรษะนี้ใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงดารา ดวงตาสองข้างแดงก่ำเหลือแสนประดุจลำธารโลหิตสองสาย เห็นแล้วชวนขวัญผวาเป็นที่สุด

แม่เฒ่าจิตใจหนักอึ้งในบัดดล

ตามคาด สำนึกแห่งโรคนี้มิได้ไปไหน ยังคงอยู่ที่นี่!

“ลูกศิษย์ของท่านผู้นั้นหรือ ประเสริฐ โชคดีที่ข้ายังไม่ไป มิฉะนั้นคงต้องพลาดแล้ว”

ดวงตาสีเลือดบนกะโหลกศีรษะนั้นจดจ้องแม่เฒ่า มองภูมิหลังและตัวตนของแม่เฒ่าออก

ยายซีฮวา หนึ่งในลูกศิษย์ของผู้เบิกทาง

“ข้ารับสืบทอดปณิธานของท่านผู้นั้นเพื่อล้างผลาญสรรพสิ่ง อะไรกัน เจ้ามาเพื่อขัดขวางข้าหรือ หากเป็นเช่นนั้นเจ้ากล้าดีอย่างไร!”

มันแผดเสียง “ขัดขวางข้าเท่ากับละเมิดเจตนาของท่านผู้นั้น เจ้ากำลังทรยศอาจารย์ของเจ้า!”

“ทรยศอาจารย์อะไรกัน ท่านอาจารย์ประสบปัญหา การล้างผลาญหาใช่ความตั้งใจจริงของท่านอาจารย์ ต่อมาท่านอาจารย์ได้สติและเตรียมการทิ้งไว้ก็เพื่อหยุดยั้งพวกเจ้า!”

ยายซีฮวาเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว

“เจ้าว่าใช่ก็ใช่หรือ”

กะโหลกศีรษะหัวเราะร่วน “หยุดดิ้นรนได้แล้ว สรรพสิ่งมิอาจหนีจากการถูกทำลายล้าง ความมืดมิดอันแท้จริงจักตื่นขึ้นเต็มที่ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าสัมผัสมิได้!”

มันกล่าวต่อ “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นศิษย์ของท่านผู้นั้น ข้ายินดีให้โอกาสเจ้า ยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า ยกข้าเป็นเจ้านาย หลังทุกอย่างถูกล้างผลาญแล้วไม่แน่เจ้าอาจยังมีชีวิตรอดต่อไป”

“สามหาวนัก!”

เวลานั้น ยายซีฮวายังมิได้เอื้อนเอ่ยอันใด เฟิ่งหลวนกับตวาดต่อว่า

“ในฝันของข้า ข้ารึจะปล่อยให้เจ้ามารังแก”

เฟิ่งหลวนแผดเสียง “ในฝันของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์โอหัง!”

เดิมกะโหลกศีรษะมิได้แยแสเฟิ่งหลวน

หลังได้ยินคำกล่าวของเฟิ่งหลวนมันก็หันมองนางด้วยสีหน้าประหลาด

เอ่ยว่าความจริงเป็นความฝัน?

นี่นางสติฟั่นเฟือนหรือ?

คนบ้าจากที่ไหนกัน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท