บทที่ 1002 สมรภูมิครั้งใหญ่ปะทุขึ้น สังหารโดยไวที่สุด!
อาณาจักรแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตาย
เมิ่งจี ตงฟางเวิ่น สุนัขดำ นักพรตอู๋เหลียง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ สือเฟิง ฉินซิน และคนอื่น ๆ ต่างเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ รอคอยให้กองทัพใหญ่ของปรโลกและปริภูมิเวลามาถึง
เพียงไม่นาน แนวหน้ากองทัพใหญ่ก็มาถึง
กองทัพวิญญาณหยินจำนวนนับไม่ถ้วนลงมายังอาณาจักรแห่งนี้
พวกมันอยู่ในสถานะพิเศษ มีชีวิตก็ไม่ใช่ตายก็ไม่เชิง กระทั่งพวกเมิ่งจีเองก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจกับสถานะของวิญญาณหยินได้
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
หลังจากกองทัพวิญญาณหยินมาถึงอาณาจักรแห่งนี้ก็ตรงเข้าโจมตีใส่พวกเมิ่งจีทันที
เพียงพริบตา พลังอันน่าสะพรึงกลัวสารพัดรูปแบบพลันโถมเข้ามา ทั้งอาณาจักรพังทลายลงทันที แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่วงโรยลงไปในจักรวาลดวงดารา
“โฮ่ง เจ้าตายไปแล้ว แต่ยังคงสร้างปัญหาอยู่ วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าตายลงอย่างสมบูรณ์!”
สุนัขสีดำส่งเสียงดัง เป็นคนแรกที่พุ่งตัวออกไป
ป้ายชื่อสุนัขที่ห้อยคอเปล่งแสง พลังของมันพุ่งขึ้นสูงมากจนน่าสะพรึงกลัวในพริบตา เพิ่งตรงเข้าไปถึงก็สังหารวิญญาณหยินจำนวนมากได้ภายในกรงเล็บเดียว
“ข้าเองก็มาแล้ว!”
นักพรตอ้วนเปิดใช้ความสามารถพิเศษ ตราบใดที่มีวิญญาณหยินเข้ามาใกล้ พลังของพวกเขาทั้งหมดในร่างจะหายไปทันที ไม่สามารถใช้พลังออกมาได้
เขาถือดาบใหญ่ฟันออกไป ประหนึ่งผ่าแตงโมอย่างง่ายดาย
“พู่กันวาดภาพนี้ให้พวกเจ้าได้ชื่นชมทิวทัศน์สุดท้าย”
เมิ่งจีลงมือ เรียกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่คุณชายมอบให้ออกมา จรดวาดภาพลงบนท้องฟ้าจักรวาลดวงดารา ระเบิดพลังออกมา ส่งวิญญาณหยินจำนวนนับไม่ถ้วนให้สลายหายไป
“พวกเจ้ามีผู้ใดเล่นหมากล้อมได้บ้าง? มาเดินหมากกับข้าหน่อย”
ตงฟางเวิ่นนำกระดานหมากล้อมออกมาเริ่มเดินหมาก กฎเกณฑ์อันเหนือชั้นระเบิดออกมาสังหารวิญญาณหยินจำนวนมากลงไป
“สามี ดูข้าร่ายรำให้ดี!”
ฉินซินแย้มยิ้ม งดงามเปล่งประกาย เครื่องประดับเพชรกลายเป็นกระบี่เพชรในมือ
นางพุ่งฉิวเข้าไปในกองทัพวิญญาณหยิน ร่ายรำกระบี่อย่างงดงาม
ภายใต้การร่ายรำของนาง วิญญาณหยินจำนวนมากถูกสังหารลง
“ภาพหยินหยาง พวกเจ้าสกัดเอาไว้ได้หรือไม่?”
สือเฟิงสูงส่งสง่างาม สำแดงเต๋าหยินหยางทันที ด้านหลังของเขา ภาพหยินหยางปรากฏออกมาช่วยเขาเข่นฆ่าศัตรู
ภายใต้เต๋าหยินหยาง กลุ่มวิญญาณหยินขนาดใหญ่ถูกกวาดล้างในบัดดล ไม่สามารถหยุดยั้งได้แม้แต่น้อย
“ข้าไม่มีสิ่งใดนอกจากร่างเนื้ออันแข็งแกร่ง มาเลย มา พวกเรามาตะลุมบอนกัน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเองก็พุ่งตรงเข้าไป บนร่างทอประกายแสงเจิดจ้า สามารถต้านทานการโจมตีทุกประเภทโดยไม่มีปัญหา
การต่อสู้ชุลมุนครั้งใหญ่ทำให้เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งจักรวาลดวงดาราสั่นสะเทือนวุ่นวาย!
…
“พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ติดตามคุณชายหลี่!”
“ปรโลกและปริภูมิเวลาทุ่มกำลังทั้งหมดออกมา ก็เพื่อต่อกรกับคุณชายหลี่หรือ?”
“คิดดูแล้วน่าจะใช่ นอกจากคุณชายหลี่แล้ว ยังจะมีผู้ใดสามารถทำให้ปรโลกและปริภูมิเวลาต้องทุ่มกำลังทั้งหมดออกมาได้!”
“คุณชายหลี่กับปรโลกและปริภูมิเวลากระทบกระทั่งกันมานานแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเปิดศึกครั้งใหญ่!”
“พวกเจ้าว่าผู้ใดจะคว้าชัยชนะได้ในท้ายที่สุด? เป็นคุณชายหลี่หรือไม่?”
“ปรโลกและปริภูมิเวลาเป็นสองกำลังลึกลับที่สุดตลอดมาในประวัติศาสตร์ ตอนนี้ทุ่มกำลังออกมา เกรงว่าคุณชายหลี่อาจจะไม่สามารถต้านทานได้…”
“ใช่แล้ว สถานการณ์ของคุณชายหลี่ไม่อาจมองในแง่ดีได้จริง ๆ!”
ภายในอาณาจักรนับไม่ถ้วน ยอดฝีมือจำนวนมากต่างจับจ้องมองมาด้วยความกังวลใจ
ยอดฝีมือเหล่านี้มากสุดอยู่ขอบเขตผู้บงการ ยังมีขอบเขตนิรันดร์ไม่น้อย ที่เหลือเป็นขอบเขตอิสระ
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตผู้บงการ พวกเขาไม่อาจทำได้กระทั่งมองดู ความเคลื่อนไหวจากการต่อสู้น่ากลัวเกินไป พวกเขาต่างถูกความหวาดกลัวปกคลุมโดยสมบูรณ์
หากพวกเขาเพียงมองดูสักครั้ง จะต้องประสบกับความเสียหายอย่างหนัก
…
ตำหนักปริภูมิเวลาโบราณ
“หลี่จิ่วเต้าไม่ปรากฏ พวกเราเองก็ไม่ต้องออกไป”
จ้าวแห่งปริภูมิเวลาเหยียดยิ้ม “เขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไม่ออกมา คิดว่าพวกข้าจะไม่สามารถบังคับเขาให้ออกมาได้อย่างนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร! ปรโลกและปริภูมิทุ่มกำลังบุกขนาดนี้แล้ว คนติดตามของเขาไม่อาจหยุดยั้งได้!”
พวกเขาไม่เห็นหลี่จิ่วเต้า
แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าหลี่จิ่วเต้าไม่อยู่ ล้วนคิดว่าหลี่จิ่วเต้าเองก็เหมือนกับพวกเขา ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ปล่อยให้คนของตนเองเข้าต่อสู้
“รอเขาออกมาก่อน!”
นักพรตกู่เปิดปากพูด
หลังจากนั้นเขาก็พูดเสริม “พวกเราเองก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม โรคเหล่านั้นอาจมาเยือนเมื่อใดก็ได้! อย่าปล่อยให้พวกมันนั่งเป็นชาวประมงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์!*[1]”
เขาเคยประมือกับสำนึกโรคเหล่านั้น รับรู้และจดจำได้ถึงความน่าหวาดกลัวของสำนึกโรคเหล่านั้นอยู่เสมอ
“ดังนั้นโอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียว พวกเราห้ามทำผิดพลาด!”
ต้นหม่อนโบราณกล่าว “พอหลี่จิ่วเต้าปรากฏตัว พวกเราต้องจัดการเขาให้ไวที่สุด แย่งชิงสมบัติในมือของเขามาอย่างรวดเร็ว! หลังจากได้สมบัติแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสำนึกของโรคเหล่านั้นแล้ว!”
“ถูกต้อง!”
“ไม่อาจปล่อยให้เสียเวลาได้ ต้องจัดการหลี่จิ่วเต้าให้เร็วที่สุด หากไม่อาจจัดการเขาได้ แผนการทั้งหมดของพวกเราก็จะล้มเหลว”
มหากาฬปรโลกกล่าว
หลังจากนั้นพวกเขาต่างก็เตรียมพร้อม
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา จำเป็นต้องลงมืออย่างเด็ดขาดเพื่อจัดการหลี่จิ่วเต้า แย่งชิงสมบัติในมือมาเพื่อจัดการสำนึกโรคเหล่านั้น
หากพวกเขาทำไม่ได้ ชะตากรรมของพวกเขาจะต้องน่าสังเวชเป็นอย่างมากแน่นอน!
การเคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นที่สนใจของสำนึกโรค ครั้งนี้พวกเขาต้องทุ่มสุดชีวิตจริง ๆ!
…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวยังคงดำเนินต่อไป ด้านสมรภูมิ การต่อสู้ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
กองทัพปริภูมิเวลาพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง!
ขณะเดียวกัน กองทัพวิญญาณหยินของปรโลกเองก็พากันพุ่งตรงมา!
พริบตาเดียว ทั่วผืนฟ้าพลันปกคลุมไปด้วยกองทัพปรโลกและปริภูมิเวลา มืดฟ้ามัวดินไปทุกหนแห่ง ไม่อาจมองเห็นร่างของพวกเมิ่งจีได้เลย
“โฮ่ง! มามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
สุนัขดำตะโกน ไล่สังหารด้วยความเบิกบาน ด้วยพลังช่วยเหลือจากป้ายชื่อสุนัข มันนับว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง เพียงอึดใจเดียวกำลังพลจำนวนมากของปริภูมิเวลาและปรโลกก็ถูกสังหาร
ทว่าพลันมีวิญญาณหยินอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นมาพุ่งเป้าไปทางมัน ทั้งยังโถมเข้าใส่อย่างรวดเร็ว!
ขณะเดียวกันยังมีวิญญาณหยินอันน่าหวาดกลัวจำนวนมากปรากฏออกมา พลังที่ปะทุออกชวนสะท้านขวัญเป็นพิเศษ!
…
“ศิษย์น้องหญิงชุนเยว่!”
“ศิษย์น้องหลี่เฉวียน!”
…
นักพรตกู่และต้นหม่อนโบราณเขม็งตามอง ตระหนักได้ถึงตัวตนของวิญญาณหยินอันน่าสะพรึงกลัวนั่น
วิญญาณหยินเหล่านั้นเป็นเหล่าศิษย์น้องของพวกเขา!
“เป็นเหล่าศิษย์น้องจริง ๆ!”
มหากาฬปรโลกถอนหายใจพลางกล่าว “เกิดเรื่องขึ้นกับเหล่าศิษย์น้องจำนวนมากเกินไป พวกข้าใช้ความพยายามอย่างหนักทำให้เหล่าศิษย์น้องปรากฏตัวออกมาอีกครั้งในรูปแบบวิญญาณหยินได้ไม่กี่คน! ส่วนเหล่าศิษย์น้องคนอื่น ๆ พวกข้าไม่สามารถทำให้ปรากฏตัวในรูปแบบวิญญาณหยินได้”
นี่คือเหล่าศิษย์น้องที่เกิดเรื่องขึ้น ต่างสิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของสำนึกโรค
สำนึกโรคเหล่านั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตที่จบไปในมือของพวกมันไม่อาจนำกลับมาให้ปรากฏตัวอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งเหล่าศิษย์น้องที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งยังมีปัญหาไม่น้อย พลังไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด มีหลายสิ่งหลายอย่างขาดหายไป
อย่างเช่นจิตสำนึกเป็นต้น
[1] ชาวประมงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ มาจากสำนวนที่ว่า ‘นกปากซ่อมกับหอยสู้กัน ชาวประมงได้รับผลประโยชน์’ หมายถึง ทั้งสองฝ่ายต่างสู้ไม่ยอมกัน ปล่อยให้บุคคลที่สามฉกฉวยเอาผลประโยชน์ไป