รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1009 น่าเวทนานัก ล้วนโชคร้ายยิ่ง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1009 น่าเวทนานัก ล้วนโชคร้ายยิ่ง!

เอ้อยืนอยู่ลำพังบนท้องนภา ปลดปล่อยลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัว

สิ่งมีชีวิตทุกขอบเขตทุกอาณาจักรที่ให้ความสนใจกับสถาการณ์ที่นี่พลันตื่นกลัวในตัวเอ้อทันที

เอ้อเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ความหวาดกลัวอันไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา หัวใจเต๋าแทบพังทลายลง!

นี่มันเกินขอบเขตที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้!

แม้พวกเขาถอนสายตาออก ไม่มองดูเอ้ออีก ใช้สรรพวิชาฤทธิ์เดชมากมายเพื่อรักษาหัวใจเต๋าเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ผล ไม่อาจรักษาหัวใจเต๋าที่พังทลายลงได้!

อั่ก!

มีคนกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ล้มลงบนพื้นดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด หัวใจเต๋าที่พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ทำให้เขาเสียสติไป มือสองข้างข่วนใบหน้าไม่หยุดจนเต็มไปด้วยรอยข่วน เลือดไหลนองออกมา น่าสยดสยองยิ่ง

นี่ไม่ใช่เพียงกรณีเดียว ยอดฝีมือจำนวนมากในขอบเขตอิสระประสบกับสถานการณ์เดียวกัน หัวใจเต๋าพังทลายลงคนแล้วคนเล่า เสียสติไปสิ้น

ยังดีที่สิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าขอบเขตอิสระไม่รู้สึกสิ่งใด พวกเขามองไม่เห็นภาพทางนั้น และก็มองไม่เห็นเอ้อ จึงไม่ประสบปัญหาดังกล่าว

ภายในอาณาจักรแห่งหนึ่ง

ฉานเฟิงเองก็มองเห็นเอ้อ ทว่าสถานการณ์ของเขานับว่าดีกว่า หัวใจเต๋าไม่ได้พังทลายอย่างร้ายแรง

แต่เขาเองก็ไม่ได้สบายดีนัก หัวใจเต๋าเกิดปัญหาขึ้น

เขารีบนำคทาฉายชำระออกมาถือไว้ในมือ ปัญหาดังกล่าวจึงหายไป

คทาฉายแสงชำระเปล่งแสงนุ่มนวลอ่อนโยนออกมา เสียงภายในใจเงียบสงบลง พลังพิเศษบางอย่างขจัดอิทธิพลจากเอ้อไป

“คทาฉายแสงชำระไม่ได้ทรงพลังอันใดในการต่อสู้ แต่การรับมือกับสำนึกความคิดเหล่านั้นนับว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!”

ฉานเฟิงรำพึง

“แต่นั่นมันสำนึกโรคอันใดกัน? น่ากลัวเกินไปแล้ว! เพียงแค่มองก็สามารถทำให้ข้าได้รับผลกระทบ!”

ภายในใจของเขายังหลงเหลือความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงสำนึกความคิดน่ากลัว แต่ยังไม่ตระหนักแจ่มแจ้งเช่นนี้ รู้เพียงสำนึกความคิดเหล่านั้นยากจะต่อกร

ทว่าตอนนี้ เขารู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว

อนาคตเขาจะต้องสู้กับสำนึกโรคเหล่านี้หรือ? เขามีความหวาดกลัวเกิดขึ้นมาบ้างแล้ว!

“ความกลัวไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงแค่ให้ตายเร็วขึ้น!”

เขาเอ่ยกับตนเองด้วยแววตาดุร้าย

สำนึกโรคเหล่านั้นไม่มีทางปล่อยเขาไปเพราะความกลัว สำนึกเหล่านั้นดำรงอยู่เพื่อทำลายทุกสรรพสิ่ง เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อ จำต้องกำจัดสำนึกความคิดเหล่านี้ให้สิ้นซาก!

สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาตั้งมั่นกับการผสานวาสนาการเปลี่ยนแปลงของผู้ถูกกำหนดคนอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น!

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มีพลังเพียงพอจะต่อกรกับสำนึกโรค

ขณะเดียวกันเมื่อเด็กสาวเห็นว่าฉานเฟิงกำลังไม่มีสมาธิ จึงถือโอกาสต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่

“เจ้าจะไปที่ใด?”

ฉานเฟิงเหยียดยิ้ม ดวงตาจับต้องไปทางเด็กสาว “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องการชีวิตเจ้า เพียงแค่เจ้าไม่รนหาที่ตาย! ทว่าเหตุใดเจ้ากลับไม่เชื่อฟัง?!”

เขากางนิ้วทั้งห้าออก ทันใดนั้นลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกมา แทงทะลุร่างของเด็กสาวจนสิ้นชีพทันที

นี่คือสถานที่ที่ผู้เบิกทางทิ้งวาสนาการเปลี่ยนแปลงเอาไว้ให้เด็กสาว

เขาไม่จำเป็นต้องใช้เด็กสาวอีกต่อไป

สำหรับการผสานพลังของเด็กสาว เขาไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยเสียด้วยซ้ำ

เด็กสาวไม่เคยได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงใดมาก่อน ขอบเขตต่ำต้อยจนไม่มีค่าให้เอ่ยถึง ไม่คู่ควรกับการผสานของเขา

“หวังว่าจะเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ข้าพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดโดยเร็ว!”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายระหว่างเดินเข้าไปด้านใน เริ่มการดูดซับผสาน

ส่วนลึกจักรวาลดวงดารา

เจ้าก้อนหินชกหมัดทั้งสองเข้าปะทะกับหอกโลหิต แสงสว่างเปล่งประกายเจิดจ้า ทำให้ภาพรอบด้านพร่าเลือนไปหมด คนภายนอกไม่อาจมองเห็นสถาการณ์การต่อสู้ได้อีก!

มันประหลาดใจเล็กน้อย ถึงว่าเอ้อกล้าปรากฏกายออกมาที่นี่ นับได้ว่ามีฝีมืออยู่จริง ๆ หมัดทั้งสองของมันที่ปะทะหอกโลหิตสั่นไหวขึ้นมา มีรอยร้าวเล็ก ๆ เกิดขึ้น!

นี่เป็นผู้แข็งแกร่งที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง!

ขณะเดียวกันเอ้อเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน

เดิมทีมันคิดว่าเพียงหอกเดียวก็จะสามารถจัดการก้อนหินได้ภายในพริบตา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น!

ดูเหมือนว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พลังที่เจ้าก้อนหินระเบิดออกมาจะห่างไกลจากความแข็งแกร่งที่แท้จริง

“นี่ยิ่งดี! ยิ่งแข็งแกร่งเลือดก็ยิ่งอร่อย!”

มันแสยะยิ้มขึ้นมา ไม่รู้สึกกลัว ทั้งยังเกิดความตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก

เรียกหอกโลหิตกลับมาในมือ เข้าต่อสู้กับเจ้าก้อนหินอีกครั้งอย่างดุเดือด

หลังจากถือหอกโลหิตไว้ในมือ ความกดดันของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เกิดเป็นรูขนาดใหญ่หลายรูบนร่างเจ้าก้อนหิน

“หือ เหตุใดจึงไม่มีเลือด? เจ้าจงใจไม่ให้เลือดไหลออกมาหรือ?”

เอ้อหัวเราะเย้ย “แก้นแท้ของพลังกลายเป็นเลือด ข้าต้องการให้เจ้ามอบเลือดออกมาด้วยตนเอง!”

มันโจมตีดุร้ายยิ่งขึ้น หอกโลหิตแทงออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ขัดขวางการเคลื่อนไหวทำให้เจ้าก้อนหินถูกกดดัน เคลื่อนไหวติดขัดยิ่ง บนร่างกายเกิดรูใหญ่มากขึ้น

สุดท้ายก็มีเลือดไหลออกมาจากเจ้าก้อนหิน

เอ้อกล่าวไม่ผิด แก่นแท้พลังแปรเปลี่ยนเป็นเลือด การที่เจ้าก้อนหินเลือดไหลออกมาหมายความว่าได้รับบาดเจ็บหนัก เพียงสูญเสียเลือดหยดเดียวก็ส่งผลเป็นอย่างมากต่อเจ้าก้อนหิน

เลือดหนึ่งหยดไหลออกมาจากเจ้าก้อนหินแล้ว!

“ลองลิ้มรสเลือดของก้อนหินเสียหน่อย!”

เอ้อกล่าวด้วยดวงตาเปี่ยมความกระหาย ลิ้นเรียวยาวแลบออกมาอย่างรวดเร็วต้องการจะเลียหยดเลือดที่ไหลออกมาจากเจ้าก้อนหิน

“ไปให้พ้น!”

เจ้าก้อนหินรีบนำเลือดหยดนั้นกลับไปทันที ไม่ยอมให้เอ้อได้รับไป

“มีหยดหนึ่ง ก็ต้องมีหยดสอง และก็ต้องมีมากกว่านั้น!”

เอ้อไม่ใส่ใจ หอกโลหิตแทงออกมา อีกไม่นาน มันก็จะได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว

“เจ้าก้อนหิน ไหวหรือไม่? หากไม่ไหวก็บอก เปลี่ยนตัวกับข้าเสีย”

ต้นหลิวเอ่ยปาก มันเห็นว่าสถานการณ์ของเจ้าก้อนหินไม่สู้ดี อาจไม่ใช่คู่ต่อกรของเอ้อ

“หินอย่างข้าจะบอกไม่ไหวได้อย่างไร? ข้าแข็งแกร่งยิ่ง!”

เจ้าก้อนหินปฏิเสธทันที ทว่าพริบตาต่อมามันก็ถูกทุบตีจนต้องร้องออกมา

แข็งแกร่งเท่าใดก็ไม่ไหว!

“พี่หลิวมาเถิด!”

มันถอยกลับไปทันที ปล่อยให้ต้นหลิวเข้าต่อสู้

“ควรจะทำเช่นนี้นานแล้ว”

ต้นหลิวก้าวไปด้านหน้า สำแดงพลังเหนือชั้น เพียงแค่ก้าวเดียวก็ถึงตัวเอ้อ

ตอนนี้มันอยู่ในร่างมนุษย์ กิ่งหลิ่วในมือกลายเป็นกระบี่ยาวอย่างรวดเร็ว มันสำแดงเคล็ดกระบี่ไทเก๊ก ปัดป้องหอกโลหิตครั้งแล้วครั้งเล่า!

“นี่คือวิชากระบี่แบบใดกัน? ดูคุ้นเคยอยู่บ้าง ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!”

เอ้อมองเคล็ดกระบี่ไทเก๊ก แสดงท่าทางครุ่นคิดออกมา

มันต้องเคยเห็นวิชากระบี่นี่จากที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอน ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ไม่มีทางผิดพลาด

มาจากคนผู้นั้น?

ไม่!

มันปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ตัวมันกำเนิดจากร่างกายคนผู้นั้น มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตัวคนผู้นั้น

คนผู้นั้นไม่เป็นวิชากระบี่นี้!

“เป็นศิษย์พี่หญิงของคนผู้นั้น!”

มันนึกออก ใช่แล้ว นี่คือวิชาดาบของศิษย์พี่หญิง คนผู้นั้นเคยเห็นศิษย์พี่หญิงฝึกฝนมาก่อน!

ใช่แล้ว คนทั่วหล้าล้วนไม่ทราบ กระทั่งเหล่าศิษย์ของผู้เบิกทางก็ไม่ล่วงรู้ คนผู้นั้นยังมีศิษย์พี่หญิงอยู่หนึ่งคน!

ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นที่สุด คนผู้นั้นเคยคร่ำครวญหลายครั้ง ไม่ว่าจะพยายามฝึกฝนมากเพียงใด ก็ไม่อาจไล่ตามศิษย์พี่หญิงของตนได้

เนื่องจากมีศิษย์พี่หญิง ย่อมต้องมีอาจารย์ด้วย น่าเสียดายยิ่งนัก ไม่ว่ามันจะนึกอย่างไร ความทรงจำเกี่ยวกับอาจารย์ล้วนเป็นเพียงภาพพร่าเลือน

“อย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงแค่หนึ่งความคิด ไม่สามารถจดจำทุกสิ่งได้ อย่าว่าแต่อาจารย์ผู้นั้นเลย กระทั่งศิษย์พี่หญิงก็ยังจำได้อย่างจำกัดยิ่งนัก นึกออกเพียงช่วงสั้น ๆ ยามฝึกกระบี่เท่านั้น”

มันรำพึง

ไม่แปลกใจเลยที่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หลี่จิ่วเต้าคนนั้นไม่ได้รับวาสนาจากผู้เบิกทาง แต่ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ศิษย์พี่หญิงทิ้งเอาไว้ใช่หรือไม่?

การเคลื่อนไหวจากความมืดมิดน่ากลัวอย่างถึงที่สุด กระทั่งมันเองยังผวาครั้นคร้าม ผู้เบิกทางเองยังสั่นสะเทือน ทว่าแม้แต่ศิษย์พี่หญิงยังได้รับผลกระทบด้วยหรือ?

ต้นกำเนิดความมืดมิดที่แท้จริง หรือว่าจะมาจากศิษย์พี่ผู้นั้น?

เหตุใดท่านผู้นั้นจึงก้าวไปในเส้นทางนี้ ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องหรือไม่?

พริบตานั้นเองมันคิดหลายสิ่ง น่าเสียดายที่ความทรงจำของมันไม่สมบูรณ์ ไม่อาจหาคำตอบให้คำถามเหล่านั้นได้

“ไม่สำคัญ สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เกี่ยวกับข้า!”

มันไม่คิดเรื่องคนผู้นั้นอีกต่อไป ไม่ว่าต้นกำเนิดความมืดจะเป็นคนผู้นั้นหรือศิษย์พี่หญิง ทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาเหมือนกัน

“ตาย!”

มันชูหอกโลหิตขึ้นอีกครั้ง รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

หลี่จิ่วเต้าได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นทิ้งเอาไว้ เลือดจะต้องอร่อยยิ่งกว่าใช่หรือไม่?

มันแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว!

ตู้ม!

มันกับต้นหลิวเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดไม่หยุด อึดใจเดียวก็ประมือมากกว่าหมื่นครั้ง ภาพการต่อสู้ยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งพวกสุนัขดำเองก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีก ถูกเจ้าก้อนหินส่งออกไป

ณ เมืองชิงซาน

ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า

“พวกเขาสองคนล้วนโชคร้าย…”

ลานเล็กถอนหายใจเอ่ยออกมา มันรู้เรื่องราวมากมาย พวกเขาสองคนที่เอ่ยออกมาก็คือผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิง

“มายาหรือความจริง พวกเขาถูกทำให้เข้าใจผิดล้ำลึกเกินไป ทุกสิ่งล้วนเป็นความจริง น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจมองออก”

มันถอนใจเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“บนเส้นทางตามหาความจริง พวกเขาเผชิญอันตราย ทั้งยังถูกหลอก น่าเวทนานัก สุดท้ายสิ่งที่เกิดออกมาก็เป็นตัวปัญหา…”

มันกล่าวขึ้นอีกรอบ ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงเป็นอย่างดี

เสียงของมันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “นี่เป็นวิธีจัดการกับคุณชายอย่างหนึ่ง ต้องการจะจัดการคุณชายให้หายไปอย่างสิ้นเชิง ต้องการลบล้างตัวตนร่องรอยของคุณชาย มุ่งเป้าให้คุณชายสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง!”

จากนั้นมันก็หัวเราะเย้ย “จะเป็นจริงได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นไปได้! คุณชายไม่มีทางสูญสลายไป ร่องรอยไม่อาจถูกลบหาย โลกจะต้องจดจำชื่อของคุณชาย! สักวันหนึ่ง คุณชายจะเปล่งประกายอีกครั้ง ปลุกความทรงจำคนทั้งหมดที่มีต่อคุณชาย!”

มันรอคอยให้วันนั้นมาถึง!

การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ หอกโลหิตในมือของเอ้อระเบิดออก มันตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าต้นหลิวจะรับมือยากเพียงนี้!

ทางด้านของต้นหลิวยังไร้การบาดเจ็บ กระบี่ที่ทำจากกิ่งหลิ่วยังคงอยู่ในมือ

ตอนนี้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม อาจกล่าวได้ว่าไร้เทียมทาน ไม่ว่าการโจมตีของเอ้อจะน่าหวาดกลัวเพียงใด ล้วนถูกเคล็ดกระบี่ไทเก๊กหยุดยั้ง

“ขั้นสิบขอบเขตล้ำขีดหรือ? ยอดเยี่ยม ข้ายังไม่เคยดื่มเลือดขั้นสิบขอบเขตล้ำขีดเลย!”

เอ้อหัวเราะเสียงเย็น เข้าใจว่าต้นหลิวก้าวเข้าสู้ขั้นสิบขอบเขตล้ำขีดเรียบร้อย ทำลายแนวคิดที่ว่าขั้นเก้าเป็นขั้นสูงสุด!

เก้าคือขั้นสูงสุด ตั้งแต่ไรก็เป็นเช่นนี้มาตลอด ทุกสิ่งหลังขั้นเก้าล้วนถูกหยุดนิ่ง หากต้องการจะทำลายขั้นเก้าขั้นไปเป็นเรื่องยากจนไม่อาจจินตนาการได้!

ดูเหมือนว่าหลี่จิ่วเต้าจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ล้ำลึกยิ่ง สามารถทำให้ผู้ติดตามก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้ ทำลายขีดกำจัดขั้นเก้า

ส่วนหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่า

มันคิดถึงหลี่จิ่วเต้า มองไม่เห็นโอกาสจะเอาชนะ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ตัวเองจะตาย

ทว่ามันไม่กลัว ทั้งยังไม่คิดถอย

แง่หนึ่งเป็นเพราะการถอยหนีไม่ใช่เรื่องง่าย อีกเหตุผลคือแม้หลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างจากคำว่าไร้เทียมทาน!

มันเชื่อว่ามีสำนึกโรคที่แข็งแกร่งกว่ามันให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวทางนี้ จึงไม่เชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าจะกล้าปรากฏตัวออกมาโดยง่าย

แม้หลี่จิ่วเต้าจะปรากฏตัว มันก็ไม่กลัว

ต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมา ก็มีคนแข็งแกร่งกว่าแบกรับ สำนึกโรคที่ทรงพลังกว่านั้นเขาไม่อาจอดทนไม่ออกมาได้ จะต้องลงมือกับหลี่จิ่วเต้าอย่างแน่นอน

อันที่จริง มันคิดถูกแล้ว

มีสำนึกโรคที่แข็งแกร่งกว่าตื่นขึ้นมาจากการหลับลึกแล้ว ทั้งยังจับจ้องมองมาทางนี้ รอให้หลี่จิ่วเต้าโผล่ออกมา

สำนึกโรคที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้ รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากยิ่งกว่า สัมผัสได้ว่าทุกสิ่งยังไม่ถึงคราวสิ้นสูญ จึงหลับลึกรอเวลาที่แท้จริงมาถึง

ทางด้านแดนบูชายัญอันธการเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นครั้งแล้วครั้งเหล่า เหล่าสำนึกโรคที่ทรงพลังได้รับผลกระทบ เริ่มตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก

“เจ้าอยากดื่มเลือดหรือ? เช่นนั้นข้าจะสนองคำพูดเจ้า ให้เจ้าได้ดื่มเลือดของตนเองเสีย!”

ต้นหลิวเอ่ยด้วยสีหน้าไม่แยแส เริ่มลงมือทำลายเอ้อให้สิ้นซาก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท