ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 791 เจ้าไปเรียนมาจากใคร!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 791 เจ้าไปเรียนมาจากใคร!

เสียงคำรามของใบหน้าครึ่งหนึ่งประหนึ่งเสียงดนตรีประกอบในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะอาศัยโอกาสนี้ระบายความกลัดกลุ้มทุกข์ใจและความเคียดแค้นที่ตัวเองถูกแยกชิ้นส่วนผนึกไว้ที่นี่โดยไม่รู้กาลเวลาออกมา

เวลานี้ โจวเจ๋อไม่ว่างไปโต้แย้งถกเถียงอะไรกับเขา ขณะที่อิงอิงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เสียงหัวใจเต้นของเถ้าแก่โจวดังอย่างชัดเจนข้างหูของตัวเอง ราวกับท่วงทำนองทั้งโลกล้วนถูกเคาะบรรเลงช้าๆ ในเวลานี้

ไม่ว่าใครก็ตามงล้วนมีเกล็ดย้อนของมังกร[1]เป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ เถ้าแก่โจวกำลังถูกยั่วยุตรงจุดนั้น ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่อนุญาตให้คนอื่นรุกล้ำ!

ถึงจะเป็นใบหน้าของอันปู้ฉี่ รูปร่างของอันปู้ฉี่ ตัวตนของอันปู้ฉี่ แต่เวลานี้ในใจของโจวเจ๋อคิดแต่จะฉีกทึ้งไอ้บ้าที่ขวางตัวเองเอาไว้ตรงหน้านี้ไปซะ!

ไม่สนว่าจะเป็นใครหน้าไหน ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น ช่างหัวมันสิ!

เล็บสิบนิ้วงอกยาวแฝงไปด้วยความโกรธแค้นฟาดลงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวทันที!

ตอนนี้ต่อให้ตรงหน้าเป็นแท่งเหล็กขนาดใหญ่ก็ยังสามารถขาดสะบั้นออกเป็นชิ้นๆ ได้ในพริบตา แต่ทว่าทนายอันกลับไม่หลบเลี่ยงและไม่ถอยหลังแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ขยับมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง

ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับดาวเคลื่อนดาราคล้อยกาลเวลาหมุนเวียนไปไม่หยุดยั้ง คลื่นอากาศรุนแรงเหลือร้ายพัดโหมเข้ามา

‘พลั่ก!’

คลื่นอากาศกระแทกร่างโจวเจ๋อจนเกิดเสียงสั่นสะเทือนแสบแก้วหู เถ้าแก่โจวค้อมตัวลงจิกเล็บทะลุพื้น ฝืนรั้งร่างของเขาให้มั่นคงไม่ถูกพัดล้มตลบไป

เขาเงยหน้าแยกเขี้ยวสองซี่ออกมา

“โฮก!”

ในเสียงร้องคำรามอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นจนยากที่จะเอ่ย!

ตอนนี้เด็กชายไม่ได้ยืนดูอยู่ข้างๆ แต่พุ่งปรี่เข้าไปทางด้านหลังของทนายอันโดยตรง ทันใดนั้นฮวาหูเตียวพลันกระโจนเข้าหาเด็กชาย

ขณะนี้ ดูเหมือนว่าไม่ต้องชี้นำและบีบบังคับเจ้าฮวาหูเตียวแต่อย่างใด ด้วยสัญชาตญาณของมัน มันยินยอมพร้อมใจเพื่อคนผู้นี้ ถ้าพูดให้ถูกก็คือ สู้เพื่อตัวตนที่อยู่ในร่างนี้ผู้นั้นต่างหาก!

‘ฟึ่บ!’

‘ปึง!’

เด็กชายรู้สึกแค่ว่าแขนทั้งสองข้างชาไปชั่วครู่ ร่างผงะถอยหลังไปสองสามก้าว

ฮวาหูเตียวร่อนลงพื้น เมื่อแขนขาแตะพื้นก็จ้องมองเด็กชายด้วยสายตาแฝงความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย จากนั้นคิดไม่ถึงว่ามันยังแอบหันหน้าไปมองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านหลังด้วย

ในแววตาไม่ได้ยินดีปรีดาไปเสียทั้งหมด แต่กลับมีความซับซ้อนอยู่บ้าง

แต่ความซับซ้อนนี้ เมื่อเด็กชายปรากฏตัวอีกครั้งก็ถูกฝังกลบจนมิด รูปร่างของมันกลายเป็นก้อนไหมสีเหลือง ทำไมถึงเป็นสีเหลืองนั่นก็เพราะนี่เป็นสีของแมวการ์ฟิลด์น่ะสิ

‘ฟึ่บ!’

‘ปัง!’

‘ฟึ่บ!’

‘โครม!’

ทุกครั้งที่เด็กชายต้องการเข้าประชิดตัว ล้วนแล้วแต่ถูกฮวาหูเตียวขวางไว้ มันไม่เปิดโอกาสให้คุณได้ประชิดตัว และไม่มีทางเสี่ยงให้ตัวมันเองโดนคุณจับได้ แค่อาศัยความเร็วของมันรบกวนคุณ คอยดึงเวลาคุณจนเหมือนเป็นการประกบคู่เสียอย่างนั้น ตรึงเด็กชายไว้ที่นี่ ไม่ให้เข้าไปมีบทบาทกับสถานการณ์การต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้าได้

“เถ้าแก่ ข้า…”

อิงอิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าฉายแววสับสน ผมขาวของเธอเริ่มยาว ผมประบ่าแต่เดิมตอนนี้กลับยาวเลยช่วงเอวจนไปกองอยู่บนพื้น กลิ่นอายพลังปราณอื่นค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างของเธอ นี่มันคือการแย่งชิง แย่งชิงร่างผีดิบตัวหนึ่ง!

“คราวก่อนที่มาข้าก็พบว่า ร่างของนางได้รับผลกระทบร้ายแรงมาก ตอนนั้นข้าก็นึกแปลกใจอยู่ว่าทำไมนางถูกพาไปอยู่ข้างกายด้วย!”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งจ้องโจวเจ๋อด้วยความโกรธเคืองเต็มประดา และคร่ำครวญคำรามต่อ “ตอนนี้เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะ! เจ้านึกภูมิใจมาโดยตลอดว่าการที่นางอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าทำให้นางก้าวหน้าขึ้นใช่หรือไม่ ทำให้นางไม่ใช่ผีดิบธรรมดาอีกต่อไป ทำให้นางก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งกว่าผีดิบที่บำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากตนอื่นมากใช่ไหม แต่แล้วความจริงล่ะ

เจ้านึกว่า เรื่องราวจะสวยงามเหมือนอย่างที่เจ้าวาดฝันไว้ขนาดนั้นหรือไง นางพัฒนาแล้วก็จริง ระดับชั้นของชีวิตก็ยกระดับขึ้นจริงๆ แต่สาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่วันเวลาที่สงบสุขเหมือนที่เจ้าคิด กลับเป็นตั้งแต่เริ่มแรก การเปลี่ยนแปลงของนางนั้นมีเป้าหมาย!

เพียงเพื่อทำให้มีที่ว่างสำหรับคนอื่น!

เขาไม่ได้บอกเจ้าหรือไง ไม่ได้บอกเจ้าว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอย่างไรงั้นเหรอ เจ้าไม่เคยได้ยินตำนานโบราณมาก่อนรึ ฮ่าๆๆ ฮะฮ่าๆๆ ฮ่าๆ!

ทำไมเจ้าถึงไม่คิดดูสักหน่อยล่ะ ทำไมเจ้าถึงไม่คิดให้มากกว่านี้หน่อยล่ะ นางจะกลับมาแล้ว เขาเตรียมบ้านให้นางไว้ล่วงหน้า แต่เจ้า เจ้าสุนัขตัวนี้ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรไปคัดค้าน เจ้ามีเหตุผลอะไรไปต่อต้าน เจ้าเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง เจ้าไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย

ในที่สุดตอนนี้เจ้าก็รู้ฐานะของตัวเองแล้วใช่ไหม จินตนาการอันน่าขันที่เจ้าวาดฝันไว้ ท้ายที่สุดก็แตกสลายไปเลยใช่ไหม”

ดวงตาของโจวเจ๋อแดงก่ำ ร่างท่อนบนเผยอักขระออกมา เขาฝืนยืนขึ้น เดินหน้าเผชิญกับคลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกลัวต่อ จนในที่สุดเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าทนายอัน เขาฉีกแนวกั้นอย่างคลื่นอากาศ แล้วเหวี่ยงเล็บของเขาฟาดลงไป!

ทนายอันกลับประสานมือทำท่ามุทราอย่างสงบนิ่ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูไม่รีบร้อนเท่าไรนักอย่างชัดเจน ราวกับความอันตรายและนิมิตทุกอย่างตรงหน้าล้วนเป็นเพียงฝนโปรยปรายในสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

ประทับมุทรา

รอยกรีดสีแดงผุดขึ้นตรงหน้าอกของโจวเจ๋อ นี่คือมีด มีดที่หลอมรวมขึ้นมาจากพลังปราณพิฆาต สิ่งที่ต่างจากมีดเล่มอื่นก็คือ มีดเล่มอื่นแทงจากนอกเข้าในแล้วค่อยดึงออกมา แต่มีดเล่มนี้กลับอัดแน่นจากข้างในแล้วโผล่ออกมา!

ท่ามุทราเมื่อครู่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการดึงเอาพลังปราณพิฆาตในร่างของโจวเจ๋อมาใช้!

เอาสิ่งของของตัวเขาทำร้ายเจ้าของเอง ไม่เคยได้ยินวิธีนี้มาก่อน!

‘ปุ้ง!’

อักขระบนร่างสูญเสียแสงวาววับในพริบตา ราวกับโจวเจ๋อถูกดึงเอาพลังอันแข็งแกร่งส่วนใหญ่ออกมา จนเข่าทรุดลงกับพื้นเสียงดัง ‘ตุ้บ’

ทนายอันคิดจะถือโอกาสวาดนิ้วสะบัดขึ้น ถึงตอนนั้นมีดเล่มนั้นบนทรวงอกของโจวเจ๋อจะตามเก็บงานอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาลังเลครู่หนึ่ง และไม่ได้ทำถึงขั้นนั้น เพียงแค่กำมือเบาๆ แล้วยืดสิบนิ้วออก

‘ปึง!’

ตำแหน่งแขนและขาทั้งสองข้างของโจวเจ๋อปรากฏมีดทั้งหมดสี่เล่มแทงทะลุร่างและตรึงไว้กับพื้น

ทนายอันยกนิ้วขึ้นช้าๆ และค่อยๆ กดลงมา พื้นดินตรงแท่นบูชาทรุดลงไปเพราะเหตุนี้ ประหนึ่งอาจารย์ช่างเทคนิคขันสกรูให้แน่นทีละนิด ขัน…ตาย!

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรน่า อย่าแข็งข้อสิ อย่าต่อต้าน ไม่จำเป็นต้องดื้อดึงจริงๆ! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เจ้าเผชิญหน้าอยู่กับใคร หากแพ้ให้คนอื่น เจ้าไม่ยินยอมได้ เจ้าไม่เต็มใจได้ แต่ถ้าแพ้ให้นาง ก็ไม่มีอะไรให้ต้องถือสาจริงๆ!

การมีอยู่ของนางก็ไม่ได้ต่างกับคนผู้นั้นในร่างของเจ้านักหรอก กระทั่งในแง่ของต้นกำเนิดมีเกียรติมากกว่าคนผู้นั้นในร่างของเจ้าอยู่หน่อย! เจ้าเป็นผีดิบ เจ้าใช้พลังผีดิบไปสู้กับนาง เจ้าว่ามันตลกไหมล่ะ! บนโลกใบนี้คนที่กล้าพูดว่าเข้าใจในเรื่องผีดิบมากไปกว่านาง ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน หากนับรวมคนที่ตายไปแล้วด้วย ก็ไม่เกินสามคนอย่างแน่นอน! แพ้ด้วยน้ำมือนาง เจ้าก็อย่าได้รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม และอย่าได้เรียกร้องความไม่เป็นธรรม มันเป็นชะตากรรมของเจ้า!

ดูสิ สาวน้อยคนนั้น ผีดิบสาวแสนน่ารักคนนั้น นางใกล้จะถูกชิงร่างสำเร็จแล้ว นางจะกลายเป็นพาหะที่ล้ำเลิศในคราวเดียว แต่ตัวนางเองก็จะถูกทำลายล้างจนสิ้นซากไปพร้อมกัน!

นี่เป็นจุดจบของการเป็นสุนัข นี่เป็นปลายทางของสุนัข! เจ้าว่าทำไมปีนั้นข้าถึงต่อต้าน เพราะข้าเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วน่ะสิ ข้าไม่ได้เลือก ข้าไม่ทางเลือกอื่น! เขาเคยพูด เขาบอกว่าพรสวรรค์ของข้าทำให้เขารู้สึกทึ่ง เขาเคยพูด เขาบอกว่าระดับความก้าวหน้าของข้าเหนือกว่าสุนัขเฝ้าบ้านใดๆ ในอดีต! เขาบอกกระทั่งว่า ในอนาคตเขาจะหาโอกาสให้ข้าเป็นอิสระ เขาบอกว่าจะให้ชีวิตใหม่กับข้า! ฮ่าๆๆๆ!

เจ้าเชื่อไหม ข้าไม่เชื่อหรอก! เจ้าดูสิ เจ้าก็เชื่อใช่ไหม เจ้าก็เคยวาดฝันเอาไว้ใช่ไหม แต่แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ล่ะ!

ดีทีเดียว ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าแบบนี้จะไร้ค่าไปหน่อย สายตาก็คับแคบไป แต่พูดจากก้นบึ้งหัวใจ ก่อนตายสามารถมองดูสุนัขประเภทเดียวกันใจสลายจนสิ้นหวังได้ วู้วๆๆ…สบายใจโว้ย มีความสุขเสียจริง อิสระเสรีจัง ฮ่าๆๆๆ…”

โจวเจ๋อเมินเฉยต่อเสียงบ่นระงมข้างหู แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาไปเสียทีเดียว

จุดที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ครั้งนี้ต่างจากในอดีต เมื่อก่อนถ้าเจอคู่ต่อสู้ระดับนี้ เจ้าโง่นั่นจะร้องขอลงมือจัดการเอง หลังจากกดอีกฝ่ายจมดินแล้วซัดไม่ยั้งไปหนึ่งยก ถ้ากินได้ก็กินให้ได้มากที่สุด เขมือบกลืนให้ได้มากที่สุด

แต่คราวนี้อีกฝ่ายยังคงไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนจะเป็นผู้ชมอยู่ข้างสนาม มองเขาถูกตรึงกับพื้นอย่างเย็นชา และครั้งนี้ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตะโกนเรียกหาอีกฝ่ายด้วย ไม่ได้ตะโกนเรียกใดๆ ในใจ บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งพูดมาทั้งหมด ถ้าหากการที่อิงอิงอยู่ข้างกายเขาแล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นไปเพื่อทำความสะอาดบ้านก่อนจะเชิญแขก อย่างนั้นเวลานี้จะพูดอะไร จะถามอะไร ก็ดูเหมือนไม่มีความหมายอีกต่อไป

โจวเจ๋อไม่กล้าแม้กระทั่งถาม และไม่กล้าตะโกนเรียกด้วยซ้ำ เขากลัวจะได้รับคำตอบที่แสนเย็นชานั้น

“ยอมแพ้เถอะ กลับบ้านเก่าด้วยกันกับข้า! ยอมแพ้ซะ เจ้าต่างจากข้า นางไม่ฆ่าเจ้า เจ้าไม่เห็นหรือไง นางไม่ฆ่าเจ้า! นางก็แค่ควบคุมและสยบเจ้าเท่านั้น นางกำลังรอจนกว่าจะชิงร่างนั้นสำเร็จ นางกำลังรอการกลับมาของตัวเอง!

ตอนนี้เจ้าอย่าเสียใจจนเกินไปล่ะ เพราะต่อไป เจ้าจะเจอเรื่องที่น่าเศร้าเสียใจยิ่งกว่า นางจะกลายเป็นผีดิบสาวของเจ้าใหม่อีกครั้ง นางจะใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าต่อไป นางไม่ได้มาเพื่อฆ่าพวกเจ้า นางมาเพื่อ…เข้าร่วมกับพวกเจ้า!”

“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”

ในหัวของโจวเจ๋อเริ่มผุดภาพที่อิงอิงชงกาแฟให้ตัวเอง ผุดภาพของอิงอิงที่นอนอยู่ข้างๆ ตัวเองทุกวันตอนที่ตื่นขึ้นมา ภาพที่เธอคุกเข่าบนพื้นพลางถูสบู่ให้เขาในห้องน้ำ ภาพที่เธอพยายามเรียนรู้วิธีทำอาหารในห้องครัว ภาพทั้งหมดนี้จะถูกแทนที่ด้วยท่าทางอันสูงส่งและเยือกเย็นทันที ส่วนตัวเขาเองนั้นกลับไปอยู่ที่เดิมในภาพต่อไป!

‘วืด!’

สีแดงก่ำในดวงตาของโจวเจ๋อพลันเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ราวกับหมึกดำคว่ำใส่ กลิ่นอายทั่วร่างพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลังจากที่มนุษย์บ้าคลั่งถึงขีดสุด กลับนำไปสู่ความสุดโต่งอีกอย่างหนึ่ง ร่างกายยังคงสั่นเทาเพราะความโกรธ แต่ภายในใจกลับกลายเป็นความเงียบงันและเยือกเย็นเสมือนความตาย!

ไอหมอกสีดำปรากฏขึ้นสายแล้วสายเล่าจนกลืนมีดสีแดงบนตัวของโจวเจ๋อทั้งหมด เมื่อพันธนาการทั้งหมดจมมิด โจวเจ๋อจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

ทนายอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนจะเจอเรื่องที่เขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ เพราะว่าคนผู้นั้นไม่ได้ลงมือเอง

แต่ ‘ใบหน้าครึ่งหนึ่ง’ ที่เพิ่งตะโกนด่ากราดด้วยความสะใจเมื่อครู่ เวลานี้ โมโหจัดจน ‘ใบหน้าครึ่งหนึ่ง’ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำเหมือนตับหมูในพริบตาจริงๆ เขาอ้าปากหวอ แล้วคำรามด้วยอารมณ์โกรธจัด ท่าทางเกินจริงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นสิบเท่า

“เจ้า! เจ้า! เจ้า! เจ้าไปเรียนมาจากใคร!!!!”

……………………………………………………………….

[1] เกล็ดย้อนของมังกร หมายถึง เกล็ดใต้คอมังกรหันไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท