สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 257 ไต้จ้าว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 257 ไต้จ้าว

สนิทใจ ความรู้สึกสนิทใจที่ไม่อาจอธิบาย

พระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฉายแววอบอุ่น แต่ครู่หนึ่งก็คืนสู่ความสงบดังเดิม “ลุกขึ้นได้”

ซินโย่วลุกขึ้นยืน

“ซินมู่ ชื่อดี ฮองเฮานาง…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสขึ้นก็พลันไม่รู้ควรเอ่ยอันใด

หรือว่าควรบอกว่าฮองเฮาคือมารดาเขา เขาก็คือบิดาเขา

เด็กหนุ่มผู้นี้ย่อมรู้ว่าเขามีบุตรชายกับผู้อื่นนอกจากฮองเฮา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มิค่อยได้รู้สึกทำอันใดไม่ถูกเช่นนี้มากนัก

“ฝ่าบาททรงถามถึงมารดาบุญธรรมกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ” ซินโย่วถาม

“มารดาบุญธรรม?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์แปรเปลี่ยน รีบมองไปยังเฮ่อชิงเซียว

เฮ่อชิงเซียวก้มหน้าลง รอฮ่องเต้ตรัสถาม

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับถอนสายพระเนตรกลับ จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า “เจ้าบอกว่าฮองเฮาเป็นมารดาบุญธรรมเจ้า?”

“มารดากระหม่อมเป็นสาวใช้มารดาบุญธรรม พอคลอดกระหม่อมก็สิ้นใจ มารดาบุญธรรมสงสารกระหม่อม จึงได้รับเลี้ยงกระหม่อมไว้”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แทบไม่อยากจะเชื่อ “เจิ้นฝูสื่อเฮ่อไปตรวจสอบหว่านหยางมา คนที่เคยพบเจ้าต่างบอกว่าเจ้าเป็นบุตรชายของเจ้านายในหุบเขา”

ซินโย่วอธิบาย “ตอนเล็กกระหม่อมไม่รู้ว่ามารดาบุญธรรมเป็นฮองเฮา เรียกมารดาบุญธรรมว่าท่านแม่มาตลอด คิดว่าคงทำให้คนนอกเข้าใจผิด”

“เป็นไปไม่ได้!”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่อาจยอมรับได้ มองดูใบหน้าสงบนิ่งของชายหนุ่มตรงหน้า พลันตั้งสติได้ เห็นชัดว่าในใจเด็กหนุ่มผู้นี้มีความคับแค้น ไม่ยินยอมยอมรับเขา

ตอนซินซินไปจากวังหลวงก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว อย่างไรบุตรชายเขากับซินซินจะต้องยังมีชีวิตอยู่!

ไม่ยอมรับว่าเป็นโอรสฮองเฮา มิใช่เกิดจากความเอาแต่ใจหรือคับแค้น แต่เพราะเป็นการเลือกหลังชั่งน้ำหนักดูแล้ว

สำหรับบรรดาขุนนางและชนชั้นสูง ฮ่องเต้อาจโปรดปรานคนผู้หนึ่ง ให้ความสำคัญกับคนผู้หนึ่ง แม้ยกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งขึ้นมาก็ยอมรับได้ อย่างไรราชสำนักใดก็มีขุนนางที่ได้รับความโปรดปรานและขุนนางชั่ว

แต่องค์ชายที่ถือกำเนิดจากฮองเฮาไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับสืบทอดแผ่นดิน หากมีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอ้างว่าเป็นโอรสฮองเฮา?

ฮองเฮากับคนที่นางพาไปด้วยล้วนตายหมดสิ้น เหลือเพียงเด็กหนุ่มผู้นี้ผู้เดียว แม้ว่าชาวบ้านภายนอกบอกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือโอรสฮองเฮา แต่อาศัยเพียงคำบอกเล่าของชาวบ้านบนภูเขาก็ยอมรับว่าเป็นองค์ชายที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา มิใช่เรื่องเหลวไหลหรือ

ถึงกับอาจมีคนสงสัย แม้ว่าเด็กหนุ่มคือโอรสฮองเฮา แต่ก็เป็นโอรสที่ฮองเฮาให้กำเนิดนอกวัง จะรับประกันได้อย่างไรว่าเป็นโอรสของฮ่องเต้

ซินโย่วปรากฎตัวในสถานะคุณชายซินก็เพื่อต่อต้านอำนาจที่ทำร้ายท่านแม่จนตาย อำนาจที่ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่มิใช่เข้าไปอยู่ในวังวนของชาติกำเนิดที่น่าสงสัยไม่จบไม่สิ้น เพราะเช่นนี้จะสร้างศัตรูมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้นางยอมรับเพียงแค่เป็นบุตรบุญธรรมของฮองเฮา แต่ในใจบรรดาขุนนางและชนชั้นสูงคาดเดาว่านางอาจเป็นโอรสฮองเฮา ย่อมไม่กล้าล่วงเกินนาง

แน่นอน ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับชายตรงหน้าผู้นี้ เขาต้องยอมรับก่อนว่านางก็คือบุตรชายพวกเขา

ซินโย่วเม้มปากแน่นคุกเข่าอยู่บนพื้นอิฐสีทองเย็นดังน้ำแข็ง ไม่ว่าผู้ใดเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเด็กหนุ่มดื้อรั้นที่กำลังเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้

ตั้งแต่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้ว่ามีบุตรชายกับฮองเฮาก็เฝ้ารอคอยอย่างมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยินยอมยอมรับว่าการเฝ้ารอมานานนี้สูญเปล่า แต่พอได้เห็นท่าทางซินโย่ว สติและอารมณ์ผูกพันทำให้เขาวิเคราะห์ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กำลังกล่าวเท็จ ไม่ยินยอมรับเขา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังสงสัยการไม่ยอมรับของซินโย่ว แต่กำลังคิดตรัสก็ระงับไว้ได้ก่อน

ยื้อระยะเวลารับเด็กคนนี้ออกไปก่อน บางทีอาจดีกว่า

เขามีความเข้าใจในบรรดาขุนนางของเขามากพอสมควร หากประกาศออกไปทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นองค์ชายที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา ต้องทำให้หลายคนออกมาซักถามข้อสงสัยต่างๆ นานา ไม่แน่อาจจะเสนอวิธีหยดโลหิตพิสูจน์สัมพันธ์

ซินซินเคยบอกแล้วว่า การหยดโลหิตพิสูจน์สัมพันธ์ไม่มีความแม่นยำ!

แม้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นฮ่องเต้ที่ค่อนข้างทรงอำนาจ แต่เรื่องที่ส่งผลต่อสายพระโลหิต สั่นคลอนต่อราชวงศ์ เพียงพอให้บรรดาขุนนางออกมายื่นฎีกาอย่างไม่คำนึงถึงชีวิต นับประสาอันใดกับการยังต้องคำนึงถึงไทเฮา

จัดการให้เด็กคนนี้อยู่ข้างกายไปก่อน ให้บรรดาขุนนางบุ๋นบู๊และเสด็จแม่ได้คุ้นชินก่อน ค่อยหาโอกาสพิสูจน์สถานะเขา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตัดสินพระทัยแล้ว ก็ตรัสพระสุรเสียงอ่อนโยน “อย่าเอะอะก็เอาแต่คุกเข่า ลุกขึ้นพูด”

ซินโย่วลุกขึ้นยืน

“ท่านซงหลิงที่เขียน ‘วาดหนัง’ กับ ‘บันทึกตะวันตก’ ก็คือเจ้าหรือ”

“‘วาดหนัง’กับ ‘บันทึกตะวันตก’ เป็นนิยายที่กระหม่อมฟังจากมารดาบุญธรรมเล่า นางบอกว่าคนที่เขียนนิยายเหล่านี้คือท่านซงหลิง กระหม่อมจึงได้เขียนนิยายท่านซงหลิงออกมาอีกรอบพ่ะย่ะค่ะ”

แม้คำตอบซินโย่วเหนือความคาดหมายของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แต่ก็สมเหตุสมผล

ตอนนี้ท่านซงหลิงชื่อเสียงโด่งดัง ความสามารถเป็นที่ชื่นชมเลื่อมใสของผู้คนมากมาย อายุน้อยๆ ก็อดทนต่อการล่อลวงของชื่อเสียงเกียรติยศเป็นเรื่องคาดไม่ถึง และยังทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เพราะเขาอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ กับ ‘วาดหนัง’ หลายรอบ จากอักษรที่กุมจิตใจผู้คน สร้างกระแสในวงกว้าง ยากจะเชื่อว่าหนุ่มน้อยอายุเพียงสิบกว่าปีจะเขียนออกมาได้

ในความคิดเขา คนเขียนผลงานนี้ได้อย่างน้อยก็ต้องวัยกลางคนถึงวัยสูงวัย

สายพระเนตรที่ทอดไปทางซินโย่วก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้น

ไม่ละโมบชื่อเสียง ไม่ละโมบผลประโยชน์ ไม่เสียทีที่เป็นบุตรชายของเขากับฮองเฮา

แม้แต่ซุนเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เหมือนไร้ตัวตน ก็อดสีหน้าแปรเปลี่ยนมองซินโย่วอีกสองสามทีไม่ได้

“ฉางเล่อโหว”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าออกไปก่อน เราจะถามซินมู่เรื่องฮองเฮา”

“กระหม่อมทูลลา” เฮ่อชิงเซียวประสานมือ ตอนถอยออกไปยังมองซินโย่วทีหนึ่ง

เขาเห็นเพียงแผ่นหลังของนาง ราวกับต้นสนสีเขียวต้านทานกระแสลมหิมะ

ในพระที่นั่งไม่มีคนนอก ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สั่งการซุนเหยียน “เอาเก้าอี้ให้ซินมู่นั่ง”

ซินโย่วไม่ได้ลงนั่ง “กระหม่อมมิกล้า”

“เราให้เจ้านั่ง เจ้าก็นั่ง” ตรัสจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รู้สึกว่าพระสุรเสียงแข็งไปสักหน่อย จึงกระแอมไอทีหนึ่งก่อนจะผ่อนพระสุรเสียงอ่อนลง “เจ้าเป็นบุตรบุญธรรมของฮองเฮา ก็เท่ากับเป็นบุตรบุญธรรมเรา อย่าได้รู้สึกเหินห่างกับเราเช่นนี้”

ซุนเหยียนฟังเงียบๆ เริ่มครุ่นคิดในใจ

ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มผู้นี้มากกว่าที่เขาคิดไว้

เขาอดลอบมองซินโย่วทีหนึ่งไม่ได้ มองไม่ออกจริงๆ ว่ามีตรงไหนเหมือนฮ่องเต้ซิงหยวนตี้

บางทีอาจเหมือนฮองเฮา?

หลายปีก่อนซุนเหยียนเข้าเมืองหลวงมาหาเลี้ยงชีพ ไม่คาดว่าป่วยหนักใช้เงินทองหมดตัว จึงได้ทำการตอนตนเองเป็นขันที ตอนนั้นฮองเฮาซินก็ไปจากวังหลวงแล้ว จึงไม่เคยได้พบฮองเฮาชื่อเสียงโด่งดังผู้นี้

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซินโย่วลงนั่ง

“เราอยากฟังเจ้าเล่าเรื่องของฮองเฮา”

“ฝ่าบาทอยากทรงอยากฟังเรื่องใด”

“พวกเจ้าอยู่ที่หุบเขานั่นมาตลอดหรือ หลายปีมานี้ดำรงชีวิตอย่างไร ไปที่ไหนมาบ้าง…”

คำถามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มากมาย คล้ายว่าถามเรื่องที่เขาเก็บกดไว้ในใจมานานสิบกว่าปีออกมาหมดสิ้น

“ตั้งแต่กระหม่อมจำความได้ก็อยู่ที่หุบเขาแล้ว…” ซินโย่วตอบทีละคำถาม

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตั้งใจฟัง ต้องการเข้าใจและรับรู้ชีวิตของฮองเฮานอกวังในหลายปีมานี้ และจะได้แน่ใจสถานะของชายหนุ่มมากอีกขั้น

หลังจากถามตอบกันไปเป็นเวลานาน ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตัดสินพระทัย “เจ้ามีเรื่องราวมากมาย แต่รอให้เราว่างจากงานราชกิจก่อนค่อยฟังเจ้าเล่าต่อ เจ้าไปดำรงตำแหน่งไต้จ้าวสำนักฮั่นหลินย่วนก่อน รอคำสั่งเรียกตัวเข้าเฝ้าจากเราตลอดเวลา”

ไต้จ้าวเป็นตำแหน่งขุนนางระดับเก้า ผู้ที่มีความโดดเด่นในศิลปวิทยาการต่างๆ เช่น อักษรศาสตร์ การแพทย์ ภาพวาด การทำนาย ศาสนา จึงจะดำรงตำแหน่งนี้ได้ ประจำอยู่สำนักฮั่นหลินย่วน รอรับสั่งเรียกตัวเข้าเฝ้าจากฮ่องเต้

กล่าวตามตรงก็คือสถานะต่ำต้อย แต่เป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ต้องการพบก็ต้องได้พบ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท