บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1400 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งสำนัก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1400 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งสำนัก

ณ ห้องกระบี่

ทันทีที่กลับมา เฉินซีก็นั่งสมาธิทันที และเริ่มควบคุมลมหายใจ

มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะเฉินซีเหนื่อยล้าไปทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเมื่อเขาผ่อนคลายอยู่ในขณะนี้ ก็แทบไม่อยากขยับนิ้วเลยสักนิด

เหตุผลก็คือ ในขณะที่เฉินซีอยู่ที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋า ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พิชิตสุสานแห่งราชันนิรันดร์ ข้อจำกัดทั้งสามพันประการบนทางเดินดาวหาง หรือการต่อสู้กับหุ่นเชิดศึกภพอดีต มันสูบพลังกายและพลังใจจนเกือบแห้งเหือดหมดสิ้น

โดยเฉพาะตอนที่ต่อสู้กับหุ่นเชิดศึกภพอดีต มันทำให้เฉินซีบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเมื่อกลับมาที่เคหา ถ้าเขาไม่ฝืนประคองสติเอาไว้ ก็คงหมดสติไปนานแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น การเดินทางไปยังยังแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าครั้งนี้ ก็ได้รับประโยชน์มากมาย และมันได้เกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้

ประการแรก การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ได้บรรลุขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์ในรวดเดียว และในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดในสำนัก มีไม่กี่คนที่สามารถบรรลุเต๋าแห่งกระบี่เช่นนี้

ประการที่สอง เฉินซีได้หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งเบญจธาตุ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดารา และตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับจนสำเร็จ ซึ่งเหลือเพียงหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล ก็จะสามารถบัญญัติกฎปราชญ์เต๋าของตนเองได้

ซึ่งในเวลานั้น เฉินซีก็จะไม่ใช่คนที่เซียนปราชญ์ทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้อีก

เพราะเขาไม่เพียงครอบครองตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่หายากและน่าเกรงขามต่าง ๆ มากมาย แต่รากฐานของการบ่มเพาะก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนรอบข้างเป็นร้อยเท่า ประกอบกับการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ที่บรรลุขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์ และการบ่มเพาะพลังดวงใจที่ขอบเขตทารกดวงใจ…

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพลังต่อสู้ที่เฉินซีสามารถนำมาใช้นั้นทรงพลังเพียงใด แม้จะไม่มีทางที่จะอยู่ยงคงกระพัน อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นเรื่องยากที่จะเทียบเคียงกับเขาได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาบัญญัติเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งจะต้องเปลี่ยนแปลงในระดับที่น่าตกใจอย่างแน่นอน!

โดยทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น!

เพียงแค่เดือนเดียว เฉินซีได้หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์ถึงห้าอัน โดยที่สามอันเป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่หายาก ซึ่งความเร็วในการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์นั่นถือว่าไม่มีใครเทียบได้ และสามารถสั่นสะเทือนไปทั้งใต้หล้า

นอกเหนือจากผลประโยชน์เหล่านี้แล้ว ในระหว่างการต่อสู้กับหุ่นเชิดศึกภพอดีต เฉินซีก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำความเข้าใจมหาเต๋าแห่งจุดจบ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เขาได้เข้าใจในมหาเต๋าแห่งจุดจบแล้ว ทั้งยังเป็นมหาเต๋าที่สร้างความหวาดกลัวต่อทวยเทพในโลก และมันถูกเรียกว่าเต๋าต้องห้าม!

แล้วอำนาจเต๋านี้น่ากลัวเพียงใด?

เป็นที่ประจักษ์จากการที่เฉินซีกำจัดหุ่นเชิดศึกภพอดีตได้อย่างสมบูรณ์ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ที่สำคัญที่สุด มหาเต๋าแห่งจุดจบที่เขาเข้าใจนั้นเป็นแค่เต๋ารู้แจ้ง! มันยังไม่ใช่กฎหรือตราศักดิ์สิทธิ์!

หากเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบบรรลุถึงจุดที่จะกลายเป็นกฎ จากนั้นกลายเป็นตราศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขาหลอมรวมกฎมหาเต๋าแห่งจุดจบเข้ากับตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับ ซึ่งสร้างขึ้นจากกฎมหาเต๋าแห่งปารมิตาและกฎมหาเต๋าแห่งการลืมเลือน มันจะก่อให้เกิดอำนาจแห่งสังสารวัฏ!

แน่นอนว่า แม้ว่าตอนนี้เฉินซีจะเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบแล้ว แต่เขาก็จะไม่ทำความเข้าใจและหลอมรวมมันต่อไป เพราะเต๋ารู้แจ้งนี้เป็นสิ่งต้องห้าม และเมื่อใดที่มันถูกสังเกตเห็น ก็จะนำมาซึ่งปัญหามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน

เมื่อเปรียบเทียบกับผลกำไรทั้งหมดนี้ สิ่งที่เฉินซีให้ความสนใจมากที่สุดคือมรดกของจักรพรรดิเต๋า!

ทว่าน่าเสียดาย แม้เขาจะได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าจริง ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจอะไรได้มากนัก เพียงรู้ว่าคำโบราณ ‘ฝังและกำจัดเต๋าทั้งหมด โลงศพเซียนยมโลก’ นั้นถูกจารึกอยู่บนแผ่นหยกลึกลับ ซึ่งเป็นตัวแทนของตรามรดก

จนถึงตอนนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีก็ยิ่งสับสน ในเวลานั้น เขามั่นใจว่าได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า แต่มันถูกขัดขวางโดยชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทำให้ล้มเหลวในการได้รับมัน

เหตุใดชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก จึงทำเช่นนี้…

หรือมรดกของจักรพรรดิเต๋าจะมีพลังงานบางอย่างที่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากไม่ยอมรับ

เฉินซีไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ และทำได้เพียงเก็บงำในคำถามนี้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ โชคดีที่เขาไม่ได้คาดหวังต่อมรดกของจักรพรรดิเต๋ามากนัก เนื่องจากไม่ได้ขาดแคลนเคล็ดวิชาการบ่มเพาะ

เหตุผลที่เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งมรดกของจักรพรรดิเต๋า ก็เพื่อแลกแต้มดารากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเท่านั้น!

เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อให้ได้กระบี่เซียนบงกชครามและกระบี่เซียนนภาม่วง ชายหนุ่มใช้แต้มดาราไปหลายสิบล้านในคราวเดียว ตอนนี้จึงเหลือแต้มดาราเพียงยี่สิบเก้าล้านแต้ม และต้องการแต้มดาราทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบล้านแต้ม เพื่อแลกกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก…

เฉินซีไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ ขณะนั่งสมาธิ และเมื่อคิดถึงจำนวนแต้มดาราที่ต้องใช้ในการแลกกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ ออกมา

หลังจากที่พลังของข้าฟื้นคืนแล้ว ข้าจะรวบรวมแต้มดาราอย่างเต็มความสามารถ ข้าจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้อย่างแน่นอน!

หลังจากไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งมาเป็นเวลานาน เฉินซีก็ตัดสินใจในที่สุด และเข้าสู่การทำสมาธิระดับลึกโดยสมบูรณ์

ต้นอ่อนเงาทมิฬภายในร่างกาย ได้ปล่อยปราณเซียนออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณและจุดชีพจรที่เหือดแห้ง ในขณะที่นั่งขัดสมาธิภายในดวงจิตแห่งเต๋าและบ่มเพาะธรรมเทพไร้ขอบเขต เพื่อเติมเต็มพลังดวงใจ

“อะไรนะ? ศิษย์พี่เฉินซีได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าจริง ๆ หรือ?”

“มันจะไม่จริงได้อย่างไร”

“เฉินซีผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน ตั้งแต่เข้ามาในสำนัก เขาก็ได้รับความสนใจทั้งหมด แล้วเราจะมีสมาธิกับการบ่มเพาะได้อย่างไร?” บางคนพึมพำด้วยความเศร้า บางคนก็โวยวายด้วยความขุ่นเคือง และบางคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ

“ถุย! พวกเจ้าอิจฉาศิษย์พี่เฉินซีมากกว่า! หากเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นก็สร้างปาฏิหาริย์ให้ข้าดูสิ? หากเจ้าสามารถเทียบกับศิษย์พี่เฉินซีได้สักหนึ่งส่วน ข้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ของเจ้าไปตลอดชีวิต! แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็หุบปากของเจ้าซะ!” สาวงามกล่าวด้วยท่าทางดุร้าย

“นับจากนี้ไป จะไม่มีศิษย์สายในคนใดสามารถบดบังรัศมีของศิษย์พี่เฉินซีได้…”

“เฉินซีคนนี้ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ไม่นานมานี้ ก็ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในภพเซียน ตอนนี้ ยังได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋าอีก… ในโลกใบนี้มีอะไรที่เขาทำไม่ได้บ้าง?”

ในวันนี้ ข่าวที่เฉินซีได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า ได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าราวกับติดปีก ทำให้เกิดความโกลาหลและเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจนับไม่ถ้วน จนปั่นป่วนไปทั้งสำนัก!

ภายในดินแดนเร้นลับส่วนลึกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า

หัวเจี้ยนคงยืนด้วยความเคารพต่อหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิและมีท่าทางที่ไร้ขอบเขตประหนึ่งจักรวาล

แม้ชายผู้นี้จะดูอ่อนเยาว์ แต่สายตากลับเผยถึงความลึกล้ำอันไร้ขอบเขต ประหนึ่งผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานนับไม่ถ้วน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันเงียบสงบราวกับคืนสู่ความเรียบง่ายอีกครั้ง

เขาย่อมเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบัน เหมิงซิงเหอ !

ในทำนองเดียวกัน เขาเป็นอาจารย์ของหัวเจี้ยนคง

หลังจากที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าปิดตัวลง หัวเจี้ยนคงก็รีบมาที่นี่ทันที และรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้อาจารย์ของตนทราบ

“ไม่แปลกหรอก หุ่นเชิดศึกภพอดีตถูกจักรพรรดิเต๋าทิ้งไว้ที่นั่นเมื่อหลายปีก่อน และมันมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ” เหมิงซิงเหอคล้ายรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว และกล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า “เมื่อเขาคว้ามรดกของจักรพรรดิเต๋าได้แล้ว เชิญเฉินซีมาพบข้า”

หัวเจี้ยนคงพยักหน้า จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง และตระหนักได้ว่าท่านอาจารย์ใช้คำว่า ‘เชิญ’ แม้จะเป็นคำง่าย ๆ เพียงคำเดียว แต่ความหมายนั้นชวนให้คิดนัก

ด้วยสถานะปัจจุบันของเหมิงซิงเหอ ในฐานะเจ้าสำนัก ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาต้องใช้คำว่า ‘เชิญ’ กับผู้เยาว์?

“เรื่องนี้คงจะไม่ธรรมดา!” หัวเจี้ยนคงสังเกตได้ทันทีว่า นอกเหนือจากภูมิหลังของเฉินซีจากเขาเทพพยากรณ์แล้ว ดูเหมือนว่ายังมีบางสิ่งที่เขายังไม่รู้

“ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าเฉินซีจะใช้เวลาไม่เกินสองสามวันในการคว้ามรดกของจักรพรรดิเต๋า ข้าควรไปแจ้งเขาตอนนี้เลยหรือไม่?” หัวเจี้ยนคงหันมาถาม

“เขาไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วขนาดนั้นหรอก มรดกที่เขาได้รับในครั้งนี้นั่นแตกต่างจากมรดกที่ข้าได้รับเมื่อหลายปีก่อน มันเกี่ยวข้องกับความลับของสามภพ และด้วยความสามารถในปัจจุบัน มันยังไม่เพียงพอที่จะเข้าใจความลึกซึ้งภายในนั้น” เหมิงซิงเหอยิ้มบาง จากนั้นก็โบกมือ “ไปเถอะ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะปรากฏชัด ข้าตั้งตารอการมาถึงของวันนั้นจริง ๆ”

ณ ลานฝ่ายใน ภายในห้องโถงที่สร้างขึ้นในส่วนลึกของภูเขา

“บัดซบ! ไอ้สารเลวเฉินซีนั่นโชคดีจริง ๆ เหตุใดมันจึงได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าได้? ทำไม?!” เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถง จากนั้นจั่วชิวหง อาจารย์ใหญ่ของฝ่ายนอกซึ่งมีสีหน้าโหดเหี้ยมและมืดมน พลันบดขยี้แผ่นหยกในมือจนกลายเป็นผุยผง

“มันยากที่จะยอมรับจริง ๆ” หัวหน้าอาจารย์ของฝ่ายสงวนโอสถ จั่วชิวเซิงถอนหายใจ ไม่สามารถปกปิดความหดหู่บนใบหน้าได้

พวกเขาให้ความสนใจกับข่าวที่เกี่ยวข้องกับเฉินซีตลอดมา เดิมทีพวกเขาคิดว่าหลังจากที่จั่วชิวไท่อู่ให้คำสัญญาแล้ว เฉินซีคงไม่มีทางรอดชีวิตภายในสองสามวันอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ไม่เพียงแต่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าด้วย!

ด้วยสถานะของพวกเขา ย่อมตระหนักดีว่ามรดกของจักรพรรดิเต๋านั้นมีความสำคัญเพียงใด เพราะเหตุนี้ เมื่อได้ยินว่าเฉินซีทำสิ่งนี้สำเร็จ พวกเขาจึงโมโหจนแทบกระอักเลือด

“ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่กำลังทำอะไรอยู่? ทำไมเขาถึงไม่ลงมือสักที? ตอนนี้ไอ้สารเลวนั่นได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าแล้ว มันได้รับความสนใจจากทั้งสำนัก ถึงขั้นที่ท่านเจ้าสำนักอาจรับมันเป็นผู้สืบทอดในอนาคตเสียด้วยซ้ำ เราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”

หลังจากระบายความโกรธมาสักระยะหนึ่ง จั่วชิวฮงก็สงบลงอย่างมาก ทว่าเมื่อหวนคิดว่าจั่วชิวไท่อู่ยังคงไม่ลงมือเสียที เขาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “เจ้าคิดว่าท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่เปลี่ยนใจแล้วหรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้!” จั่วชิวเซิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ข้าได้ข่าวมาว่า เมื่อแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าปิดตัวลง ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่ได้เชิญเฉินซีไป และเจ้าเด็กนั่นก็ตอบตกลง ข้าคิดว่า ช่วงเวลาที่เฉินซีไปหาท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่ จะเป็นวันตายของมัน!”

“มันตกลงแล้ว?” จั่วชิวฮงตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะดังลั่น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ไอ้สารเลวนั่นมีความกล้าหาญจริง ๆ หรือมันจะคิดว่าไม่มีใครกล้าลงมือภายในสำนัก?”

“เป็นเพราะไม่คาดหวัง จึงมักจะได้รับผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ จริงหรือไม่?” จั่วชิวเซิงเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้มอำมหิต

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท