บทที่ 791 จัดการเหตุต้นผลกรรมเสร็จสิ้น (1)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 791 จัดการเหตุต้นผลกรรมเสร็จสิ้น (1)

แสงเปล่งประกายบนผิวกายสวี่ผิงเฟิง หลังจากกะพริบไม่กี่ครั้ง ก็ทะลุผ่านทะเลที่มืดมนไร้แสง จนมองเห็นหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ที่ก้นทะเล

บนตัวเขาสวมชุดคลุมที่บางราวกับปีกจักจั่น มันห่อหุ้มสวี่ผิงเฟิงราวกับเยื่อเหนียวๆ ชั้นหนึ่ง ทำให้จิตเดิมเกือบจะสลายไป โหรอาภรณ์ขาวสามารถหายใจใต้น้ำได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันแรงดันน้ำที่น่ากลัวก็ถูกต้านทานไว้ด้านนอก

อาภรณ์ป้องวารี!

สิ่งที่โหรไม่ขาดแคลนคืออาวุธเวทมนตร์ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ ไม่เคยขาดตกบกพร่องใดๆ

ต่อให้จะขาดตกบกพร่อง ก็จะใช้ตำลึงเงินหลอมอาวุธขึ้นมา

ก้นทะเลอันมืดมิด คลื่นน้ำกำลังกระเพื่อม หุบเขารอยแยกขนาดใหญ่เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่อ้าปากกว้าง รอให้ปลาที่หลงทางมาติดแหด้วยตนเอง

สวี่ผิงเฟิงกางฝ่ามือออก เขามองดูแสงโชติช่วงที่เกล็ดสีขาวสะอาดเปล่งประกายออกมา จากการชี้นำของเกล็ดทำให้รู้ว่า ‘ไป๋ตี้’ อยู่ด้านล่าง

มีกลิ่นอายของ ‘ไป๋ตี้’ ติดอยู่บนเกล็ด นี่คือการสื่อสารขั้นพื้นฐานที่สามารถติดต่อกับไป๋ตี้ในระยะพันลี้ได้

สวี่ผิงเฟิงแหงนมองด้านบน เขาสัมผัสได้ว่ามีเซียนครองพิภพกับชายมุทะลุดุดันขั้นหนึ่ง จ้องมองตนเองผ่านผืนทะเลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา แต่หวาดกลัวสัตว์ประหลาดในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ตรงก้นทะเล จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงน้ำ

“ข้าไม่มีวันเข้าตาจนเด็ดขาด”

สวี่ผิงเฟิงพูดกับตัวเองเบาๆ ประโยคหนึ่งท่ามกลางแสงบริสุทธิ์ที่ห่อหุ้มเขาหยิบไข่มุกราตรีที่เปล่งแสงสีขาวสว่างไสวออกมาเม็ดหนึ่ง และเข้าไปในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ตรงก้นทะเล

แสงสีขาวตกลงไปอย่างรวดเร็ว และถูกความมืดมิดไร้ขอบเขตกลืนกินจนมิด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เท้าของสวี่ผิงเฟิงเหยียบโดนดินเลน ในที่สุดเขาก็มาถึงก้นบึ้งของหุบเขารอยแยกก้นทะเล

หลังจากชูไข่มุกราตรีเดินไปชั่วขณะหนึ่ง โครงร่างขนาดใหญ่ที่ดูเลือนรางก็ปรากฏขึ้นตรงขอบของแสงที่สว่างไสว

เดินหน้าไปอีกร้อยกว่าก้าว สวี่ผิงเฟิงก็มองเห็นส่วนหนึ่งของสัตว์ประหลาดอย่างชัดเจน

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาในตอนนี้ คือใบหน้าที่ดูคล้ายใบหน้ามนุษย์ แต่ดูหยาบและอัปลักษณ์กว่า มีเขายาวที่โค้งเล็กน้อยอยู่บนหัวหกเขา หัวของมันสูงพอๆ กับกำแพงเมืองของเมืองหลวง

หากรวมกับเขาโค้งงอทั้งหกแล้วก็สูงกว่ากำแพงเมืองสองเท่า

เขาโค้งยาวทั้งหกถูกปกคลุมด้วยลวดลายมหัศจรรย์ที่มีมาแต่กำเนิด ด้วยคุณสมบัติของสวี่ผิงเฟิงในตอนนี้ มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีกฎมหามรรควิถีแฝงอยู่

หากสามารถเข้าใจลวดลายเหล่านี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ก็สามารถพัฒนาเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งและทรงพลังได้

แต่เขาหลับตาลงทันที ลวดลายเหล่านั้นย่อมมีค่าแน่นอน แต่อันตรายเกินไป เหมือนกับกระแสน้ำวนที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง เกือบจะกลืนกินจิตเดิมที่อ่อนแอของเขา

‘แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมาก…’ แม้ว่าสัตว์ประหลาดตรงหน้าจะหลับสนิท แต่สวี่ผิงเฟิงยังคงประเมินการคร่าวๆ ได้ว่า มันแข็งแกร่งกว่าไป๋ตี้มาก

“เจ้ามาแล้ว”

เสียงที่ดูทรงพลังและเลื่อนลอยดังเข้ามาในสมองของสวี่ผิงเฟิงโดยตรง

“สวี่ชีอันโจมตีเจียหลัวซู่จนร่นถอย พวกเราแพ้แล้ว” สวี่ผิงเฟิงพิจารณา ‘ใบหน้ามนุษย์’ อย่างละเอียดถี่ถ้วนและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง

“นี่คือร่างเดิมของเจ้าหรือ”

“ก็แค่ร่างที่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ปีนั้นปรมาจารย์เต๋าขับไล่พวกเราออกจากแผ่นดินจิ่วโจว ข้าเคยแลกมือกับเขา เกือบจะถูกสังหาร จนถึงตอนนี้บาดแผลยังไม่หายดีเลย”

เสียงของฮวงดังขึ้นอีกครั้ง

สวี่ผิงเฟิงไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ เขากล่าวขึ้นมา

“ต้าฟ่งไม่ล่มสลาย ท่านโหราจารย์ก็จะไม่ตาย เป้าหมายของเจ้าที่จะขัดเกลาผู้พิทักษ์ประตูนั้นยากที่จะเป็นจริงได้ แผนในตอนนี้คือหลบคมมีดของเขา รอคอยสวี่ชีอันสิ้นอายุขัยในร้อยปีให้หลัง พวกเราก็สามารถพลิกแผ่นดินโค่นล้มต้าฟ่งได้ในทีเดียว”

ขณะนี้เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังออกจากเขาแกะโค้งๆ เขาหนึ่งของ ‘ฮวง’

“ท่านอาจารย์โหราจารย์ ท่านภาคภูมิใจมากใช่หรือไม่” สวี่ผิงเฟิงปลุกเร้าจิตเดิมและส่งกระแสจิต

“สวี่ชีอันที่ท่านประคับประคองมา เลื่อนขั้นสู่ขั้นหนึ่งสำเร็จ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนในแผ่นดินจิ่วโจว และข้าที่เป็นผู้ขัดเกลาโชคชะตาของที่ราบกลาง จำเป็นต้องยุติแผนการเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ลิขิตฟ้าลง”

ท่านโหราจารย์ส่งกระแสจิตมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบ ซึ่งใช้วิธีการส่งกระแสจิตมาเช่นกัน

“เว่ยเยวียนฟื้นชีพแล้วล่ะสิ”

สวี่เผิงเฟิงนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด

ท่านโหราจารย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ความเย่อหยิ่งและอวดดีคือจุดอ่อนสำคัญของเจ้า เจ้าก้าวเข้าสู่โหรขั้นสองตั้งแต่อายุยังน้อย โอ้อวดว่าตนเองฉลาด ทำราวกับไม่มีวีรบุรุษในใต้หล้า ตอนนี้ถูกลูกชายแท้ๆ ของตนเองบีบจนถึงทางตัน ลำบากยากแค้นเช่นนี้ รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ”

คำพูดของท่านโหราจารย์ราวกับดาบที่แทงเข้าไปในอกสวี่ผิงเฟิง ทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน ใบหน้าบิดเบี้ยว

“เจ้าอยากจะหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้งหรือ เจ้าไม่ตาย สวี่ชีอันกับลั่วอวี้เหิงจะไปหรือ” ท่านโหราจารย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ด้วยความเคียดแค้นที่สวี่ชีอันมีต่อเจ้า เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้จะมี ‘ฮวง’ ปกป้องเจ้าอยู่ เขาก็จะไม่เลิกรากับพวกเจ้า”

ฮวงจมดิ่งอยู่ในความหลับใหล

ลั่วอวี้เหิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย

“อย่าได้ประมาท เจ้าเคยบอกว่าร่างเดิมของไป๋ตี้คือ ‘ฮวง’ แต่เหตุใดมันถึงหุ้มผิวหนังของไป๋ตี้กลับจิ่วโจว หากร่างจริงของมันเยื้องกรายมาถึง พวกเราไม่อาจเลื่อนสู่ขั้นหนึ่งได้โดยสิ้นเชิง”

สวี่ชีอันลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

“หมายความว่าเกิดปัญหากับร่างเดิม หรือไม่ก็ไม่สะดวกกลับมาจิ่วโจว หากเป็นประการแรกยังดี พวกเราสามารถลองสังหาร ‘ฮวง’ ได้ หากเป็นประการหลังละก็ สถานการณ์คงค่อนข้างยุ่งยากแล้ว ลองหยั่งเชิงดูก่อน” สวี่ชีอันกล่าว

ลั่วอวี้เหิงส่งเสียง “อืม” จากนั้น ‘ร่างวารี’ สีดำมืดก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะ มันดำดิ่งลงในมหาสมุทรและว่ายเป็นวงกลมภายใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองอย่างรวดเร็ว

กระแสน้ำวนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตรปรากฏขึ้นบนผิวทะเล พริบตาเดียวก็ขยายไปเป็นห้าสิบเมตร หางที่แหลมคมของกระแสน้ำวนราวกับคมมีดที่บิดและแทงลงสู่ก้นทะเล

และขณะนี้ กระแสน้ำวนที่ ‘ร่างวารี’ ก่อกวนขึ้นมาก็ขยายออกไปถึงร้อยเมตร ดูโอ่อ่ายิ่งใหญ่มาก

ลั่วอวี้เหิงที่มีสถานะเป็นเซียนครองพิภพ การต่อสู้ในน้ำไม่ด้อยไปกว่าทายาทเทพมารธาตุวารีใดๆ เลย แม้กายเนื้อร่างนั้นของไป๋ตี้จะยังอยู่ ลั่วอวี้เหิงก็ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับมันทางน้ำ

ลั่วอวี้เหิงเห็นเช่นนี้ก็ยกกระบี่เหล็กในมือขึ้น ผิวกระบี่สีหิมะระเบิดปราณกระบี่ปะทุขึ้นฟ้า ตามติดมาด้วยเปลวไฟร้อนแรงลุกไหม้ตามผิวกระบี่

มือที่ถือกระบี่ของนางมีกระแสอากาศหมุนวนอยู่ มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

สวี่ชีอันก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขากำกำปั้นเบาๆ บิดเอวและดึงแขนขวาไปด้านหลัง พลังปราณพวยพุ่งมารวมตัวบนกำปั้น พลังปราณที่ลอยขึ้นทำให้อากาศบิดเบี้ยว

เทียบกับการกระทำที่งดงามและวิธีการราวกับเทพเซียนของลั่วอวี้เหิงแล้ว ลักษณะท่าทางของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งดูเรียบง่ายกว่ามาก

ภายในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่

สวี่ผิงเฟิงแหงนหน้าขึ้นทันที เขามองเห็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่มีลักษณะบิดเบี้ยวกำลังแยกน้ำทะเลมาทางหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่

มองผ่านแกนกลางของกระแสน้ำวนไป เขามองเห็นอย่างรางๆ ว่าสวี่ชีอันกับลั่วอวี้เหิงต่างก็สะสมพลัง และกระบวนท่าสังหารก็ใกล้เข้ามาถึง

‘ฮวง’ ที่หลับลึกอยู่ด้านหลัง ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ปากค่อยๆ อ้าออกมา พลังใสแจ๋วและเรืองอำนาจกลุ่มหนึ่งกำลังก่อตัวในปาก

บนผิวทะเล ความเร็วของพายุหมุนที่หมุนวนรอบๆ มือของลั่วอวี้เหิงที่กุมกระบี่อยู่ก็ถึงขีดจำกัด นางโยนกระบี่ในมือและตะโกนออกมา

“ไป!”

พายุหมุนส่งเสียงดัง ‘ฟู่!’ ราวกับติดตั้งเครื่องยนต์ มันผลักกระบี่เหล็กที่มีเปลวไฟลุกไหม้คุโชนไปยังใจกลางกระแสน้ำวน

กระบี่รวดเร็วและคมกริบ ผสมผสานกับพลังความเร็วของร่างวายุ การแตกร้าวของร่างวารี และพลังสังหารที่เฉียบคมของวิชากระบี่แห่งนิกายมนุษย์

ด้านบน สวี่ชีอันระเบิดกำปั้นที่สะสมพลังมานาน

พลังของกำปั้นทั้งหนักทั้งหนาและยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ราวกับภูเขาพังทลาย ราวกับเสียงลูกคลื่นโหมซัดสาดดังคำรามครั่นครืน น้ำทะเลที่สัมผัสกับพลังกำปั้นโดยไม่ตั้งใจเกิดเสียงดัง ‘ฟู่ๆ’ พริบตาเดียวก็ระเหยกลายเป็นไอ

อีกด้านหนึ่ง ปากของ ‘ฮวง’ ที่มีเขี้ยวพันกันก็พ่นแสงเจิดจ้าออกมา

หุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ที่มืดมิดถูกส่องสว่างราวกับเป็นเวลากลางวัน

‘ตูม!’

พริบตาที่กระบี่เหล็กสัมผัสกับแสงอันโชติช่วงชัชวาลนั้น มันก็ระเบิดตัวทันที กลายเป็นน้ำเดือดพล่านนับพันนับหมื่นตัน เกิดแผ่นดินไหวที่ก้นทะเล ชั้นโคลนอ่อนในรอบรัศมีหลายสิบลี้ถูกยกขึ้นพร้อมกัน เลนทรายที่ตกตะกอนหมักหมมมานับร้อยปีกลายเป็นหมอกควันและภัสมธุลีสีเทาพุ่งขึ้นฟ้า น้ำทะเลใสแจ๋วกลายเป็นน้ำแกงขุ่นข้นในพริบตา

หุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ที่สวี่ผิงเฟิงอยู่พังทลายลง หินยักษ์แต่ละก้อนกลิ้งลงพื้น

เขารีบเคลื่อนย้ายไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองเห็นกระบี่เหล็กที่มีเปลวไฟลุกโชน พุ่งทะลุน้ำแกงขุ่นข้น และลากหางเปลวไฟสว่างพร่างพรายแทงใส่หน้าผากของสัตว์ประหลาดที่หลับใหลอยู่

กระบี่เหล็กแทงเข้าไปได้ครึ่งเดียว พลังก็ถูกใช้จนหมด

ขณะนี้ พลังกำปั้นที่รุนแรงอย่างหาที่เปรียบมิได้ก็ตามเข้ามาติดๆ น้ำขุ่นตามทางระเหยเป็นไอ พลังกำปั้นระเบิดตัวบนด้ามจับกระบี่ ผลักให้กระบี่อีกครึ่งส่วนเข้าไปในร่างของสัตว์ประหลาดที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์และร่างเป็นแพะ

เปลือกตาของสัตว์ประหลาดที่หลับใหลอยู่สั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับจะตื่นขึ้นมา

สวี่ผิงเฟิงหวาดผวา หนังศีรษะด้านชา อานุภาพกดดันบางอย่างเพิ่มขึ้นพร้อมกับการฟื้นตัวของสัตว์ประหลาด แรงกดดันชนิดนี้ พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่ยังไม่มีเลย

มีความคล้ายวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ และร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ

บนผิวทะเล สวี่ชีอันกับลั่วอวี้เหิงสบตากันทีหนึ่ง ต่างก็มองเห็นความตื่นตระหนกของอีกฝ่าย

พวกเขาที่มีขอบเขตพลังขั้นหนึ่งแล้ว สัมผัสถึงความน่ากลัวของอานุภาพกดดันนี้ได้ชัดเจนกว่าสวี่ผิงเฟิง

สวี่ชีอันไม่เคยเห็นวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์และร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ แต่เขาเคยเห็นเสินซูที่ขาดแค่ศีรษะก็จะประกอบร่างขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ เคยเห็นความน่ากลัวในตอนที่เขาบ้าระห่ำ

ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสถึงพลังระดับเดียวกันจากกลิ่นอายของ ‘ฮวง’

นี่คือพลังไร้ขีดจำกัดที่ใกล้เคียงกับระดับสุดยอด

เกิดอะไรขึ้น ร่างเดิมของ ‘ฮวง’ น่ากลัวเช่นนี้เชียวหรือ…สวี่ชีอันใจสั่นสะท้าน

ขณะนั้นเอง เขากับลั่วอวี้เหิงและสวี่ผิงเฟิงก็ได้ยินเสียงดัง ‘เป๊าะ’

เขาโค้งบางเขาบนหัวสัตว์ประหลาดใบหน้ามนุษย์ร่างแพะก็หักลง

บนเขาโค้งยาวและลวดลายที่มีมาแต่กำเนิดสว่างขึ้นมา มันกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ รวมถึงน้ำทะเล แสง และพลังจิตวารี เป็นต้น ราวกับเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหวในตำนานที่กำลังกลืนกินสรรพสิ่งบนโลก

ก็ด้วยเขาหนึ่งเขาแบบนี้แหละ ที่เคยสังหารท่านโหราจารย์ที่ชิงโจวจนตาย และนำวิญญาณของเขามาผนึกไว้ในเขา

‘ฮวง’ ยอมจ่ายในราคาจำนวนหนึ่ง เป็นฝ่ายหักเขาหนึ่งเขาเพื่อเอามาใช้รับมือสวี่ชีอันและลั่วอวี้เหิง

นี่คืออดีตระดับสุดยอดท่านหนึ่ง ซึ่ง ‘อาวุธ’ ที่ผาดโผนในยุคบรรพกาล แฝงไปด้วยพลังวิเศษฟ้าประทานของมัน คือรูปธรรมของจิตวิญญาณ

เขาที่หักค่อยๆ ลอยขึ้น ปลายเขาชี้ตรงไปที่สวี่ชีอันกับลั่วอวี้เหิง

ชั่วขณะนี้ กระดิ่งเตือนภัยในใจสวี่ชีอันก็สั่นอย่างรุนแรง นอกจากลางสังหรณ์วิกฤตของจอมยุทธ์แล้ว เขามีความรู้สึกลึกๆ ว่าการโจมตีนี้ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

เนื่องจากลักษณะพิเศษของเซียนครองพิภพ ลั่วอวี้เหิงรับรู้ได้ละเอียดและลึกซึ้งกว่านั้น นาง ‘มอง’ เห็นอักขระแปลกประหลาดลึกลับแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว กลายเป็น ‘กระแสน้ำวน’ ที่กวาดล้างทุกสิ่งรวมถึงพวกเขาด้วย

“ข้าเคยได้ยินทายาทเทพมารท่านหนึ่งพูดว่า พลังวิเศษฟ้าประทานของต้าฮวงคือกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ยิ่งกลืนกินสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากเท่าไร พลังวิเศษฟ้าประทานของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

สวี่ชีอันกล่าวเบาๆ

ลั่วอวี้เหิงขมวดคิ้วไม่พูดอะไร พลังวิเศษฟ้าประทานของต้าฮวงไม่ใช่วิชาในความหมายทั่วไป ร่างทองของนางไม่อาจป้องกันได้

‘คิดไม่ถึงว่าร่างเดิมของมันจะน่ากลัวเช่นนี้…’ สวี่ผิงเฟิงแอบรู้สึกหวาดกลัว

แต่พันธมิตรยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผลประโยชน์ต่อเขา

ไม่แข็งแกร่งจะต้านทานเซียนครองพิภพกับจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งได้อย่างไร

‘หวึ่ง!’

พื้นที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับผ้าม่านที่ถูกเจาะทะลุ เขาที่หักพุ่งยิงออกไป เป้าหมายคือลั่วอวี้เหิงกับสวี่ชีอัน

ลวดลายลึกลับแปลกประหลาดกลายเป็นกระแสน้ำวนที่หมุนติ้วๆ มันกลืนกินทุกอย่างโดยมีเขาหักเป็นจุดศูนย์กลาง

ลั่วอวี้เหิงดวงตาเปล่งประกาย ขณะที่กำลังจะรับมือกับเขาหัก สายคาดเอวก็ถูกรัดแน่น สวี่ชีอันหิ้วนางไปด้านหลัง

“หลบไป”

ไม่เปิดโอกาสให้ลั่วอวี้เหิงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพุ่งลงด้านล่าง มือทั้งสองประกบกันและจับเขาหักไว้แน่น

‘ฟู่!’

พายุหมุนแปลกประหลาดและน่ากลัวขยายตัวในฉับพลัน สวี่ชีอันราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ยากจะสลัดตัวให้หลุดออกจากพายุหมุนได้

………………………………………

 

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท