ตอนที่ 467 สำเร็จ
เทียบกับความสงบของลั่วเซิงแล้ว ลั่วเย่ว์ประหม่ากว่ามาก
พี่สามบอกว่าต้องทำให้องค์หญิงฉางเล่อเห็นว่านางหวั่นไหวต่อลี่ว์ฉี่ แต่นั่นคือองค์หญิงฉางเล่อนะ แม้จะรู้ว่านางคิดอย่างไรแล้วองค์หญิงจะมอบบุรุษคนโปรดให้แก่นางหรือ
องค์หญิงฉางเล่อไม่รู้ว่าลั่วเย่ว์จิตใจกระสับกระส่าย หลังจากที่หมดความสนใจในมันเทศเผาแล้ว นางก็ดึงลั่วเซิงนั่งลง
“อาเซิง ข้าอยากกินขนมฟักทอง”
“องค์หญิงโปรดรอสักครู่เพคะ” ลั่วเซิงพยักหน้าให้โค่วเอ๋อร์
โค่วเอ๋อร์เดินไปที่ครัว ไม่นานก็ยกถาดใบหนึ่งออกมา วางขนมฟักทองที่กำลังร้อนลงตรงหน้าทั้งสอง
องค์หญิงฉางเล่อทรงหยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาแล้วเสวยอย่างเนิบช้า
เหมือนกับว่าจวนองค์หญิงจะน่าเบื่อขึ้นทุกวัน
หลังจากที่ผนึกเว่ยเหวินเข้าไปในรูปปั้นแล้ว เมื่อนางมองไปที่ใบหน้างดงามของโซ่วเซียนเหนียงเหนียงในเรือนวิเวกก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจและภาคภูมิ ด้วยเหตุนี้วันเวลาที่น่าเบื่อหลังจากนั้นก็ยากที่จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก
ตอนนี้คงมีเพียงซูเย่าที่ทำให้นางกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้เล็กน้อย
องค์หญิงฉางเล่อที่กินขนมฟักทองที่หอมและนุ่มก็อดมองไปที่สหายสนิทที่นั่งตรงข้ามไม่ได้
สหายสนิทยังคงมีหน้าตาเหมือนในความทรงจำของนาง แต่กลับเปลี่ยนไปมาก
อย่างเช่นความสงบนิ่งต่อชายหนุ่มรูปงามและความสนใจในเรื่องอาหาร…
องค์หญิงฉางเล่อพบว่า นอกจากซูเย่าที่นางยังไม่ได้มาแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่สนใจชายหนุ่มรูปงามอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกหลงใหลในสิ่งอื่นแทน
ขณะที่ลั่วเซิงกำลังคุยเล่นกับองค์หญิงฉางเล่อ ลี่ว์ฉี่ที่ยืนข้างหลังองค์หญิงฉางเล่อก็เผยสีหน้าย่ำแย่
ตู๋โยวพบความผิดปกติจึงส่งสายตาถาม
ลี่ว์ฉี่หน้าซีด หน้าผากที่ใสสะอาดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร่างกายขยับไปมาเล็กน้อย
ในที่สุดตู๋โยวก็อดปริปากไม่ได้ เขาขยับปากโดยไม่ส่งเสียงถามว่า ‘เป็นอะไร’
ลี่ว์ฉี่หน้าซีดกว่าเดิม ดวงตาปรากฏม่านหมอก
เขาจะทนไม่ไหวแล้ว!
หลังจากที่กินมันเทศเผาไป ไม่รู้ว่าเหตุใดท้องไส้จึงปั่นป่วน ทรมานมากขึ้นทุกที
แต่หากพุ่งไปห้องสะอาดต่อหน้าองค์หญิง… ลี่ว์ฉี่หน้าดำคล้ำ ไม่กล้าจิตนาการถึงปฏิกิริยาขององค์หญิงฉางเล่อ
ทว่ายามที่คนเรามีทุกข์ ไม่ใช่สิ่งที่สติจะสามารถยับยั้งได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นทำลายความสุขในห้องโถง
ห้องโถงเงียบงันในทันใด ทุกคนพากันหาต้นตอของเสียง
เสียงเมื่อครู่นี้… ไม่ใช่หรอกนะ!
ลี่ว์ฉี่รู้สึกว่าเลือดทะลักขึ้นมา จู่ๆ ก็หน้าแดงก่ำ เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวออกห่างจากองค์หญิงฉางเล่อมากขึ้นเล็กน้อย กัดฟันเอ่ยว่า “องค์ องค์หญิง…บ่าวอยากไปห้องสะอาด…”
องค์หญิงฉางเล่อใบหน้าสงบนิ่งดุจน้ำ รู้สึกขยะแขยง นางพูดเสียงเย็นชาว่า “ไป”
ลั่วเซิงมองชายหนุ่มด้วยสายตาเวทนา สั่งสือเยี่ยนว่า “พาเขาไปห้องสะอาด”
ลี่ว์ฉี่กุมท้องไว้ เดินตามสือเยี่ยนไปข้างหลังอย่างยากลำบาก
เกิดเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ ทุกคนในห้องโถงราวกับหมดอารมณ์กินดื่มต่อไป
โดยเฉพาะองค์หญิงฉางเล่อ นางหน้านิ่งขรึม อดกลั้นความโมโหไว้
บุรุษที่นางพามาทำเรื่องอับอายเช่นนี้ ช่างทำให้นางเสียหน้าจริงๆ หากจวนองค์หญิงเกิดเรื่องแบบนี้ เขาคงถูกลากไปลงโทษแล้ว
องค์หญิงฉางเล่อยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด นางลุกพรวด
“องค์หญิง?” ลั่วเซิงเผยสีหน้าประหลาดใจ
องค์หญิงฉางเล่อเม้มริมฝีปากล่างแน่น พูดเสียงราบเรียบว่า “อาเซิง ข้ากลับจวนก่อนแล้ว”
“องค์หญิงไม่ทรงนั่งต่อหรือเพคะ”
ลั่วเซิงลุกขึ้นไปส่ง เมื่อถึงหน้าประตูหอสุราก็นึกขึ้นได้ว่า “องค์หญิง ลี่ว์ฉี่ยังอยู่ข้างหลัง…”
องค์หญิงฉางเล่อชะงักฝีเท้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ให้เขาอยู่ที่นี่เถอะ”
เจ้าคนน่าขยะแขยงแบบนี้ จะให้นางพากลับไปอีกหรือ
ลั่วเซิงกลับประหลาดใจเล็กน้อย “อยู่ที่นี่?”
องค์หญิงฉางเล่อตั้งสติได้ว่าแบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะสม สายตาของนางหยุดอยู่ที่ลั่วเย่ว์ นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อยกล่าวว่า “ถือว่าเป็นของขวัญให้คุณหนูสี่แล้วกัน”
“ให้… ให้หม่อมฉันหรือเพคะ” ลั่วเย่ว์มององค์หญิงฉางเล่ออย่างตะลึงงัน แม้แต่พูดยังพูดตะกุกตะกัก
ตกตะลึงน่ะตกตะลึงจริงๆ ไม่ต้องเสแสร้ง
พี่สามล่วงรู้ทุกเรื่องราวกับเทพเจ้า!
โอ้ สวรรค์ นางมีบุรุษแล้ว ไม่ต้องเข้าไปรับใช้ตาแก่ในวังแล้ว!
เมื่อเห็นความตื่นเต้นดีใจของลั่วเย่ว์ องค์หญิงฉางเล่อก็ยกมุมปากยิ้ม “ข้าชอบคุณหนูสี่ ถือว่าเป็นของขวัญให้เจ้าแล้วกัน”
“หม่อม หม่อมฉัน…” ลั่วเย่ว์แกล้งพูดวกไปวนมา ทำท่าทีไม่อยากจะเชื่อ “องค์หญิง นะ นี่ไม่ได้…”
จู่ๆ องค์หญิงฉางเล่อก็สีหน้าขรึมลง “ทำไมรึ ของที่ข้าให้ คุณหนูสี่ไม่ชอบหรือ”
ลั่วเย่ว์หน้าซีด รีบย่อเข่าขอบคุณ “ขะ ขอบพระทัยองค์หญิง…”
เสียงที่สั่นเผยให้เห็นความคับข้องใจเล็กน้อย
องค์หญิงฉางเล่อยิ้มหยัน
เหตุใดนางจึงเข้ากับอาเซิงได้เพียงคนเดียว นี่ก็คือเหตุผลอย่างไรเล่า
สตรีสูงศักดิ์เหล่านี้หน้าซื่อใจคดยิ่งนัก ทั้งๆ ที่ชอบกลับไม่กล้ารับไว้ มอบให้นางแล้วยังแสดงท่าทีคับข้องใจอีก
นี่มันดัดจริตชัดๆ
“ขอบคุณน่ะไม่ต้องหรอก ขอเพียงคุณหนูสี่ชอบก็พอ” องค์หญิงฉางเล่อเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แล้วเดินออกจากหอสุราไป
ลั่วเซิงและคนอื่นๆ ย่อมเดินไปส่งถึงหน้าประตู
เมื่อรถม้าขององค์หญิงฉางเล่อจากไปแล้ว ลั่วเย่ว์ก็กอดแขนของลั่วเซิงร้องไห้
เป็นเวลาบ่าย ผู้คนเดินผ่านไปมามากมาย ทันทีที่ลั่วเย่ว์ร้องไห้ ทุกคนก็หยุดลง
เอ๋ คุณหนูที่ดึงคุณหนูลั่วไว้แล้วร้องไห้คือใครกัน
ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมรีบไขปริศนาให้ทุกคน “น้องสาวของคุณหนูลั่ว!”
ครานี้เองลั่วเซิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญเล็กน้อย “ร้องอะไรกัน”
ลั่วเย่ว์พูดสะอึกสะอื้นว่า “พี่สาม องค์หญิงทรงมอบบุรุษคนหนึ่งให้ข้า หากข้าพากลับไป ท่านพ่อจะตีข้าตายหรือไม่”
อะไรนะ องค์หญิงทรงมอบบุรุษให้คุณหนูสี่ลั่วเป็นของขวัญรึ
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเรื่องแบบนี้ ต่างตั้งใจเงี่ยหูฟัง
ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “ในเมื่อองค์หญิงตบรางวัลให้เจ้าก็จงรับไว้ด้วยความยินดี ท่านพ่อจะตีเจ้าตายได้อย่างไร ข้ามีบุรุษมากมายเช่นนั้นก็ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลยมิใช่หรือ”
ลั่วเย่ว์หยุดร้องไห้ ราวกับว่าได้รับการปลอบประโลมแล้ว
“พอแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่สมควรร้องไห้หน้าประตู ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะเอา เข้าไปเถอะ” ลั่วเซิงอดกลั้นความรังเกียจพลางปลอบประโลม นางหันหลังเดินเข้าไปในห้องโถง
หงโต้วเห็นลั่วเย่ว์ยังคงยืนนิ่งก็พูดปลอบตามนายหญิงว่า “คุณหนูสี่ท่านจะกลัวอะไร ทุกอย่างยากตอนเริ่มต้น ต่อไปก็จะรู้สึกว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดี”
จนเมื่อคนของหอสุราเข้าไปในหองโถง คนที่มามุงดูยังคงไม่อยากแยกย้ายไป
น้องสาวของคุณหนูลั่วเริ่มเลี้ยงบุรุษแล้วเช่นกันหรือ พวกเขาอยากเห็นว่าบุรุษคนนั้นมีหน้าตาอย่างไร!
ลี่ว์ฉี่ออกมาจากห้องสะอาด กลับมาในห้องโถงด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ เขาตะลึงงันในทันที
องค์หญิงและพวกตู๋โยวเล่า
ลั่วเซิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องเป็นแบบนี้ องค์หญิงตบรางวัลเจ้าให้น้องสาวข้าแล้ว ต่อไปเจ้าจงรับใช้นางให้ดีๆ”
ลี่ว์ฉี่มองลั่วเย่ว์ด้วยความตะลึงงัน
ลั่วเย่ว์ก้มหน้า ทำให้ผู้คนเดาอารมณ์ของนางไม่ออก
หลังจากเงียบไปนาน ลี่ว์ฉี่ก็กำหมัดประสานมือให้ลั่วเย่ว์ “บ่าวคารวะคุณหนู”
ลั่วเย่ว์ไม่ได้สนใจลี่ว์ฉี่ นางมองลั่วเซิงด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ “พี่สาม ข้ากลัวท่านพ่อจะด่าข้าอยู่ดี หรือไม่ท่านพี่กลับจวนไปอธิบายต่อหน้าท่านพ่อพร้อมข้าเถอะนะ”
ลั่วเซิงตอบทันที “ไปเถอะ”
ทุกคนออกจากหอสุรา ฝูงชนที่ยังไม่ยอมแยกย้ายจากไปไหนรู้สึกพึงพอใจในครานี้
เห็นแล้ว เห็นบุรุษของคุณหนูสี่แล้ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินคำรายงานของลูกน้อง น้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนไป “อะไรนะ คุณหนูสี่พาบุรุษคนหนึ่งกลับมา?”