ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 401 จักรพรรดิเผ่ามนุษย์

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 401 จักรพรรดิเผ่ามนุษย์

ชายชราเสียงเย็นเยียบ มาพร้อมกับความเคร่งขรึม

ยิ่งแผ่ปราณพิฆาตออกมาตามสัญชาตญาณ เมื่อรวมกับท่าทางเข้มงวดและความโหดเหี้ยมที่แฝงอยู่ของเขา จึงดูน่าสะพรึงมาก

สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าชายชราคนนี้ก็มีพลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิดเช่นกัน แต่เหมือนกลิ่นอายจะแข็งแกร่งกว่าผีขี้โรค จึงพยักหน้า

“ดีมาก” ชายชรามองไปทางสวี่ชิง เสียงหัวเราะแฝงแววเยือกเย็น

“ผีขี้โรคอาศัยลักษณะเฉพาะที่ร่างของตนเองมีพิษของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์อยู่ มักจะปล่อยพิษออกมา ส่วนตัวเองก็มีความรู้วิถีพิษครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น ผู้ครองกระบี่รุ่นนี้ไม่เลวเลย!

“เจ้าชื่อสวี่ชิงสินะ เจ้ามานี่ ถือเป็นรางวัลที่เจ้าใช้พิษเล่นงานผีขี้โรค ข้าอนุญาตให้เจ้ามาช่วยข้าในการอธิบายเกี่ยวกับหมื่นเผ่าแล้วกัน”

สวี่ชิงลุกขึ้นเดินออกไปด้านหน้า ไปยืนเคร่งขรึมอยู่ข้างกายชายชรา

สายตาของชายชราละจากสวี่ชิง มองไปทางกลุ่มคนในตำหนักใหญ่

“พวกเจ้าเรียกข้าว่ามือผีได้ ข้ารับผิดชอบในการอธิบายลักษณะพิเศษของหมื่นเผ่าที่พบเห็นบ่อยรวมถึงจุดตายของพวกเขาให้กับพวกเจ้า”

ชิงชิวกวาดสายตามองสวี่ชิงตามสัญชาตญาณ

สวี่ชิงจ้องเพ่ง เขาสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นจากตัวชายชราผู้นี้ ขณะเดียวกันก็ยังสังเกตเห็นว่าข่งเสียงหลงทางนั้น ความศรัทธาในสายตามีมากกว่าที่มองผีขี้โรคเมื่อครู่เสียอีก

ขณะที่สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด สื่อเสียงจากขงเสียงหลงก็ดังที่ข้างหูเขา

“พลทหาร”

สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง เขารู้ความหมายของพลทหาร หมายความว่าชายชราตรงหน้าคนนี้มาจากกรมราชทัณฑ์

ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสนใจเนื้อหาบรรยายของอีกฝ่ายถัดจากนี้อย่างมาก

ตอนที่เขาอยู่ในกรมปราบพิฆาตก่อนหน้า เคยได้พูดคุยกับต่างเผ่ามาบ้าง รู้มาว่ามีชนเผ่ามากมายที่โครงสร้างแตกต่างกับเผ่ามนุษย์อย่างมาก จึงทำให้จุดตายไม่เหมือนกัน

อย่างเช่นเผ่าพรางมารยา หรือเผ่าดาราสมุทรก็เช่นกัน

“เผ่าควันขจร เผ่านี้เกิดใต้ดวงอาทิตย์ มีกลิ่นอายมาแต่กำเนิด ดูเหมือนจะไม่มีจุดตาย แต่ที่จริงทั่วทั้งตัวเป็นจุดตายทั้งหมด พวกเจ้าต้องใช้วิชาเวทลม…”

“สวี่ชิง รับ”

ชายชราเอ่ยเรียบๆ ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งก็ปรากฏลอยอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง

สวี่ชิงโบกมือรับมันเอาไว้ทันที

ระยะใกล้เช่นนี้ เขาสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งกว่าคนอื่น

น้ำแข็งนี้โปร่งใส มองเห็นหมอกควันกลุ่มหนึ่งถูกผนึกเอาไว้ด้านในรางๆ

“การรับมือกับเผ่าควันขจร ง่ายได้สักหน่อยก็อย่างที่ข้าทำ แช่แข็งเสียเลย”

เมื่อแนะนำเผ่าควันขจรเสร็จ ชายชราก็สะบัดแขนเสื้อ เก็บก้อนน้ำแข็ง แนะนำเผ่าอื่นต่อ

“เผ่าเชิดผ้า ลักษณะพิเศษของเผ่านี้คือมีพรสวรรค์ในการทำให้ศัตรูกลายเป็นตุ๊กตาผ้า จุดตายของมันคือนิ้วที่สาม เป็นตำแหน่งของชีพจรชีวิต”

ชายชราโบกมืออีกครั้ง ตรงหน้าปรากฏศพผอมแห้งร่างเล็กร่างหนึ่ง ลอยขึ้นมาเบื้องหน้าสวี่ชิงเช่นกัน มีสวี่ชิงคอยควบคุมการหมุนของศพตามที่ชายชราต้องการ

ศพนี้ทั้งร่างเป็นสีเขียว บนหัวมีเขาเดียว ทั่วร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยย่น

“สวี่ชิง หานิ้วที่สามของเขา”

เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็ยกมือขวาของศพนี้ขึ้น ให้เห็นนิ้วที่สามที่ถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่งให้เหล่าผู้ครองกระบี่ทั้งหมดดู

“และยังมีเผ่าสองหน้า ซึ่งเป็นเชื้อสายแยกใกล้ชิดของเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์

“เนื่องจากพันธสัญญาพันธมิตร เผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ห้ามสังหารซี้ซั้ว แต่เผ่าสองหน้านั้นทำได้ พวกเขาเป็นเหมือนกับเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ มีกายเนื้อแข็งแกร่ง จุดตายของพวกเขาคือต้องหาจังหวะที่พวกเขาหมุนหน้าทั้งสองจนมุมตรงกัน และแทงไปที่หน้าผากของหน้าทั้งสอง”

ชายชราโบกมืออีกครั้ง หยิบศพเผ่าสองหน้าสูงกว่าสองจั้งร่างหนึ่งออกมา ยังเห็นได้ว่ามีเลือดสดไหลมาจากหน้าผากของเขา

สวี่ชิงสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งกว่า เขามองออกว่าบาดแผลของใบหน้าสองดวงนี้คือรอยกระบี่แทง กระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุศีรษะ ทะลุหน้าผากทั้งสอง

ผู้คุมกระบี่รอบๆ ต่างสีหน้าเคร่งขรึม แต่ละคนยิ่งเผยความจริงจังออกมา ไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย ตั้งใจฟัง

และช่วงเวลาถัดจากนี้ ชายชราก็บรรยายต่างเผ่ามานับร้อย และทุกการอธิบาย ล้วนนำศพของเผ่านั้นๆ ออกมา และทุกร่างก็เหมือนว่าจะเพิ่งตายได้ไม่นานอีกด้วย

มีบางส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถูกชายชราสังหารที่จุดตายต่อหน้าทุกคน

ตำหนักใหญ่ค่อยๆ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น

ในระหว่างนี้ สวี่ชิงได้ประโยชน์มากมายมหาศาล

เขาไม่เพียงแต่มองเห็นอย่างชัดเจน สัมผัสได้อย่างชัดแจ้ง ยิ่งจับรายละเอียดเล็กๆ ได้ไม่น้อย

“สุดท้าย คือเผ่าเคียงเซียน” ชายชราพูดถึงจุดนี้ ก็ยกมุมปากขึ้น ราวกับก่อนหน้านี้สังหารอย่างมีความสุข เขาหยิบน้ำเต้าสุราออกมาดื่มอึกใหญ่

“ที่พวกเจ้าเห็นไปก่อนหน้านี้เหล่านั้น ล้วนเป็นพวกที่ข้าออกไปค้นหาและสังหารมาเพื่อการเรียนในวันนี้ พวกเขาทุกคนสังหารเผ่ามนุษย์ของพวกเราไปนับไม่ถ้วน กระทั่งผู้ครองกระบี่ที่ถูกพวกเขาสังหารไปก็มี ล้วนอยู่ในประกาศจับของวังครองกระบี่

“ข้าดีใจมาก ที่รุ่นพวกเจ้าไม่มีพวกที่เห็นครึ่งหนึ่งก็เกิดเห็นอกเห็นใจต่างเผ่าขึ้นมา เจ้าพวกปัญญาอ่อนก่อนหน้านี้ก็มีโผล่มาบ้าง

“เผ่าเคียงเซียนจัดการได้ยาก ตนนี้ที่ข้านำตัวออกมาจากกรมราชทัณฑ์ น่าเสียดายที่เป็นเช่นเดียวกับเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ ห้ามสังหาร” ชายชราพูดพลางโบกมือ จากนั้นผู้บำเพ็ญเผ่าเคียงเซียนตนหนึ่งก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าคนทั้งหมด

ผู้บำเพ็ญเผ่าเคียงเซียนกำลังสลบไสล ลอยอยู่กลางอากาศตำหนักใหญ่

“ดูให้ชัดๆ เผ่าเคียงเซียนคล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ แต่มีหัวใจทั้งหมดห้าดวง นี่คือความแข็งแกร่งของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการกำเนิดใหม่ก็ยอดเยี่ยม จุดตายมีน้อย เมื่อเทียบกับหัวใจแล้วข้าคิดว่าไตของพวกเขาน่าจะเป็นจุดตาย

“แน่นอนว่าข้าจะแนะนำพวกเจ้าว่าหลังจากนี้ถ้าพบเจอ ลองแยกแขนขาดูได้ เช่นนี้ก็จะไม่มีผิดพลาด

“ที่ข้าพูดมาเหล่านี้คือจุดตายทางกายภาพของแต่ละเผ่า ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญ เนื่องจากวิชาเวทที่ต่างกันจึงมีหลายสิ่งที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจของพวกเจ้าในตอนนั้น

“สำหรับเผ่าเคียงเซียน ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ข้าอยากจะเตือนพวกเจ้า หุ่นเชิดเซียนของเผ่าเคียงเซียนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนในเผ่า นั่นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สร้างมาเพื่อล่าสังหารโดยเฉพาะ

“หุ่นเชิดเซียนทุกตัวมีพลังระดับปราณก่อกำเนิดเป็นอย่างน้อย ส่วนขั้นตอนการสร้างอย่างละเอียดข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าเป็นการใช้คนของเผ่าเคียงเซียนหลอมทั้งเป็นสร้างออกมา ซึ่งจินตนาการได้ว่าโหดเหี้ยมเพียงใด เป้าหมายคือการกระตุ้นความโกรธและความบ้าคลั่งของพวกเขา เมื่อผสานกับไอพลังประหลาดพิเศษเล็กน้อย ก็จะมีความสามารถในการจู่โจมสรรพชีวิตได้”

พูดจบ ชายชราก็เก็บผู้บำเพ็ญเผ่าเคียงเซียนไป จากนั้นก็ดื่มสุราอีกอึกใหญ่ จึงลุกขึ้นยืน

“น่าเสียดายที่แยกชิ้นส่วนแขนขาเผ่าเคียงเซียนตนนี้ต่อหน้าพวกเจ้าไม่ได้ ทั้งสามเผ่ามีสัญญาพันธมิตรกันอยู่ ในนี้มีข้อหนึ่งกำหนดว่าหากทั้งสามฝ่ายก่ออาชญากรรมแล้วถูกจับในเผ่าใดเผ่าหนึ่ง อย่างมากสุดคือคุมขังเอาไว้สิบปี หลังจากนั้นต้องส่งกลับเผ่า

“เผ่ามารศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นนี้ เผ่าเคียงเซียนเป็นเช่นนี้ เผ่ามนุษย์ของเราก็เป็นเช่นนี้”

ชายชราส่ายหัว ไม่สนใจผู้ใดอีก เดินออกไปด้านนอก

สวี่ชิงก็กลับมาที่นั่งของตน นั่งลงขัดสมาธิ

ด้านนอกเป็นช่วงบ่าย เกือบถึงยามเย็นแล้ว แต่แสงสายัณห์มาถึงก่อนล่วงหน้า สาดส่องบนฟากฟ้า

ตอนที่แสงสายัณห์ค่อยๆ เข้มขึ้น เงาร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในวังครองกระบี่

เป็นชายชราคนหนึ่ง อยู่ในชุดคลุมยาวสีเขียว ผมสีขาวดอกเลา แววตาเปล่งประกาย ความเป็นนักปราชญ์เด่นชัดอย่างมาก

ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดที่เห็นเขา ก็ล้วนทำการคารวะด้วยสีหน้าศรัทธานอบน้อมจากที่เขาเดินเข้ามา

“คารวะใต้เท้าปลัดเขตปกครอง”

ในเมืองหลวงเขตปกครอง เจ้าวังของวังใหญ่ทั้งสามคือผู้มีอำนาจรองจากเจ้าเขตปกครอง และระดับที่อยู่รองลงมาก็คือปลัดเขตปกครอง

ใบหน้าของปลัดเขตปกครองประดับด้วยรอยยิ้ม เดินตรงไปยังตำหนักประสิทธิ์วิชา ระหว่างทางก็มองไปยังกลุ่มตำหนักรอบๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มให้กับผู้ครองกระบี่ที่เดินอยู่ข้างกายเขา

“คิดๆ ดูแล้วข้ามาที่นี่เมื่อสิบปีก่อน เมื่อวานได้ยินเจ้าเขตปกครองบอกว่าผู้ครองกระบี่รุ่นใหม่ของวังครองกระบี่ไม่เลวเลย ข้าจึงถือโอกาสตอนที่เข้าเรียนนี้ มาดูเหล่าอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมแห่งเผ่ามนุษย์ของเราเสียหน่อย”

สี่หัวหน้าผู้ดูแลวังครองกระบี่ที่อยู่ข้างการปลัดเขตปกครอง เมื่อได้ยินก็ยิ้ม

“เด็กๆ เหล่านี้ยังต้องขัดเกลา ใต้เท้าปลัดเขตปกครองเป็นพหูสูต ถ้าหากช่วยชี้แนะพวกเขาได้สักเล็กน้อย จะถือเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาขอรับ”

ปลัดเขตปกครองพยักหน้าอย่างชื่นมื่น เดินมาถึงตำหนักประสิทธิ์วิชาโดยมีผู้ดูแลจากวังครองกระบี่ติดตามมา

ตอนที่เดินเข้ามา เมื่อคนในตำหนักเห็นว่าผู้ดูแลเข้ามา ก็พากันลุกขึ้นคารวะ สวี่ชิงก็เช่นกัน มองสองคนที่เดินเข้ามา

“ท่านนี้คือปลัดเขตปกครองแห่งเขตปกครองผนึกสมุทรของเรา นับจากนี้ ท่านปลัดเขตปกครองเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เผ่ามนุษย์รวมถึงวิธีการเอาตัวรอดท่ามกลางอันตรายด้วยหญ้าสมุนไพรแก่พวกเจ้า”

ผู้ดูแลเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“ใต้เท้าปลัดเขตปกครองเป็นใจดีเปี่ยมคุณธรรม บุญกุศลเหลือล้น หกปีก่อนทำการปรับปรุงยาลูกกลอนขาว ค้นคว้าลูกกลอนแก่นแท้ออกมา ยกระดับประสิทธิภาพการกำจัดไอพลังประหลาดของลูกกลอนนี้มากกว่าเดิมเท่าตัว ถือเป็นวีรกรรมยิ่งใหญ่ ทำให้ความทุกข์ทรมานจากการมีไอพลังประหลาดมากเกินไปของประชาชนในเมืองหลวงเขตปกครองลดลง”

ผู้ดูแลพูดถึงจุดนี้ ก็ประสานหมัดคารวะปลัดเขตปกครอง

ปลัดเขตปกครองคารวะกลับ เอ่ยอย่างทอดถอนใจ

“ไม่เหมาะสมกับคำกล่าวที่ว่ามีบุญกุศลเหลือล้น การเพาะเลี้ยงสมุนไพรลูกกลอนแก่นแท้ยังต้องใช้เวลา ปัจจุบันทำได้แค่มอบให้แค่ประชาชนในเมืองหลวงเขตปกครองเท่านั้น หากสามารถแจกจ่ายออกไปทั้งสิบสามมณฑลรวมถึงทุกดินแดนเผ่ามนุษย์ได้ ถึงจะเรียกว่าบุญกุศลเหลือล้น”

“ใต้เท้าถ่อมตนเกินไปแล้ว” ผู้ดูแลเอ่ยอย่างนับถือ จากนั้นจึงบอกลาเดินออกมา จนเขาออกจากตำหนักประสิทธิ์วิชา ปลัดเขตปกครองที่ถูกพวกของสวี่ชิงจับจ้อง ก็ยิ้มแล้วเดินไปประจำตำแหน่ง หลังจากนั่งลงก็เอ่ยอย่างอบอุ่น

“นั่งลงเถิด ผู้ดูแลของพวกเจ้ากล่าวชมเกินไป ข้าเป็นแค่ผู้เรียนคนหนึ่งเท่านั้น”

กลุ่มคนคารวะอย่างนอบน้อม ถึงได้นั่งลง เงยหน้ามองปลัดเขตปกครองเบื้องหน้า

สวี่ชิงมองอีกฝ่าย สัมผัสถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับปรมาจารย์ไป่และผู้อาวุโสใหญ่ที่โถงครองกระบี่จากตัวปลัดเขตปกครอง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกดีตามสัญชาตญาณ

โดยเฉพาะลูกกลอนแก่นแท้ที่พูดถึงก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเกิดสนใจ เตรียมว่าหลังจากนี้จะซื้อไปสักเม็ดเพื่อค้นคว้าเสียหน่อย

และบทเรียนของปลัดเขตปกครองก็น่าสนใจมากเช่นกัน เขาบรรยายถึงประวัติศาสตร์ของเผ่ามนุษย์ ตั้งแต่ความรุ่งโรจน์ของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ความศรัทธาของเผ่าต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ จนกระทั่งการมาถึงของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์พบกับความหายนะ

และจุดสำคัญส่วนหลังพูดถึงจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ในยุคสมัยต่างๆ หลังจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือน

พวกเขามีทั้งโง่เขลาและฉลาดเฉลียว มีทั้งที่วางแผนฟื้นฟูเผ่ามนุษย์ มีทั้งที่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่

“ศักราชตงเซิ่งปีที่สามหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยสามสิบแปด จักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่งมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่สนใจคำเตือนของบรรพชน ยกกำลังของทั้งเผ่าเข้าเปิดศึกกับเผ่านภาคิมหันต์ ศึกนี้พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สิ่งที่สั่งสมมานับหมื่นปีของเผ่ามนุษย์เราสูญเปล่า ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องฝังร่างไว้ใต้ธุลีดินต่างถิ่นต่างแดน นับจากนั้นอำนาจรัฐก็ตกต่ำ กลายเป็นจุดเปลี่ยนดั่งดวงตะวันตกลับฟ้าที่ภูเขาทิศตะวันตกแห่งเผ่ามนุษย์ของเรา ประวัติศาสตร์เรียกมันว่าการเปลี่ยนแปลงแห่งนภานิล

“ศักราชเซิ่งเทียนปีที่สองหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบห้า ผลพวงหนึ่งที่สะสมมาจากการเปลี่ยนแปลงแห่งนภานิลก็ปะทุขึ้น เผ่ามนุษย์สูญเสียดินแดนไปสามสิบเก้าผืน เผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วนไร้ที่อยู่อาศัย กลายเป็นทาสของต่างเผ่า กระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ ในดินแดนต้องประสงค์

“ประชาชนที่กระจัดกระจายไปยังดินแดนต่างเผ่าเหล่านี้ หลายยุคหลายสมัยใช้ชีวิตโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองคือเผ่าใด ตายไปก็ยังไม่รู้ว่าบ้านอยู่ที่ใด ในหมู่มวลพวกเขาที่ดีหน่อยก็สร้างรัฐเล็กๆ ขึ้นมา แต่ก็ต้องเผชิญกับการกดขี่และเข่นฆ่าสังหารอยู่ตลอดเวลา

“จนกระทั่งหลายปีต่อมาในศักราชจิ้งอวิ๋น เผ่ามนุษย์ของเราก็ได้โอกาสที่จะผงาดขึ้นครั้งหนึ่ง จักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นฉลาดหลักแหลม มีรัฐเล็กๆ แห่งหนึ่งในแผ่นดินใหญ่ม่วงครามที่ลุกขึ้นต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ ยึดครองดินแดนมาได้ผืนหนึ่ง

“รัฐนี้มีชื่อว่าม่วงคราม เจ้ารัฐดาษดื่นสามัญ ทว่ารัชทายาทของเขากลับเยี่ยมยุทธ์ ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ปรีชาสามารถอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามนุษย์หลังเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือน เขาเกิดมาเพื่อแบกรับชะตากรรมของเผ่ามนุษย์ ช่วงที่เกิดพื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ส่งเสียงร้องระงม มีเลือดประหลาดหลั่งริน ไหลหลากไปด้านนอกพื้นที่ต้องห้าม

“จากการค้นคว้าของรุ่นหลัง คิดว่าเป็นการกอบกู้ครั้งหนึ่งของโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลผืนนี้ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ รวมพลังจากทั้งโลก เพียงเพื่อให้เขาจุติลงมายังฟ้าดิน เขาได้รับภารกิจรวมแผ่นดินต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งเดียว

“องค์รัชทายาทจื่อชิงที่สามารถสยบยุคสมัยได้องค์นี้ เมื่อเหนือใต้บรรจบกับจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋น ภายใต้การพยายามของทั้งสอง ในที่สุดก็ทำให้เผ่ามนุษย์ที่สูญเสียแผ่นดินไม่หยุดมั่นคงมีเสถียรภาพ

“ทั้งสามแผ่นดินใหญ่เผ่ามนุษย์เวลานี้มียี่สิบเจ็ดเขตปกครอง ในนี้แผ่นดินใหญ่ม่วงครามอยู่ใต้เท้าของพวกเรา หรือก็คือแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันนี้เอง

“ต่อมา อัจฉริยะฟ้าประทานที่ยอดเยี่ยมผู้นี้ก็ดับสูญไป

“ดับสูญที่แผ่นดินรัฐม่วงคราม ตอนนั้นผู้ที่มาสังหารจากหลายเผ่าล้วนเป็นบุคคลที่พลังน่าตกตะลึง และมีเทพที่หลับใหลในแผ่นดินใหญ่ด้วย ทว่าจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นมาช่วยไม่ทัน ด้วยเหตุนี้…บนโลกจึงไม่มีจื่อชิงอีกต่อไป สุดท้ายอัจฉริยะฟ้าประทานคนนั้นก็ต่อสู้จนตัวตายในต่างแดนแห่งหนึ่งที่ห่างไกลมากจากที่นี่

“วันที่เขาตาย ขุนเขาต้องประสงค์สั่นสะเทือนราวกับเปล่งเสียงกู่ก้อง แม่น้ำไหลย้อนกลับราวกับร้องไห้อย่างโศกา เสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าก็ยังลืมตาเพราะเรื่องนี้

“จวบจนหลายปีต่อมา จากการดับสูญของจื่อชิง จากการที่ต้ากงแห่งคลื่นศักดิ์สิทธิ์ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าแผ่นดิน ศักราชเต้าซื่อปีที่หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยเจ็ดสิบแปด แม้ว่าจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อจะทรงพระปรีชาเปี่ยมคุณธรรม แต่ก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง เผ่าฟ้าทมิฬรุกรานเผ่ามนุษย์แห่งเรา!

“จักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อเคลื่อนพลออกปราบปรามด้วยตนเอง ทั้งชนเผ่าต่อต้าน เดิมโจมตีให้เผ่าฟ้าทมิฬล่าถอยไปได้ แต่ในช่วงเวลาสำคัญต้ากงแห่งคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็ทรยศ มอบแผ่นดินให้และผสมสายเลือดของตนกับสายเลือดของเผ่าฟ้าทมิฬ ทรยศเผ่ามนุษย์!

“หลังจากศึกนั้น เผ่ามนุษย์ก็สูญเสียอีกยี่สิบมณฑล…ประวัติศาสตร์เรียกว่าการทรยศแห่งคลื่นศักดิ์สิทธิ์

“นับแต่นั้น แผ่นดินใหญ่ม่วงครามก็เปลี่ยนชื่อเป็นคลื่นศักดิ์สิทธิ์”

เสียงของปลัดเขตปกครอง เหมือนนำผู้คนเข้าสู่แม่น้ำแห่งกาลเวลา เป็นพยานในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของเผ่ามนุษย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เนื้อเรื่องทั้งหมดสะเทือนอารมณ์ ทั้งตื่นเต้นและโศกเศร้า

“แผ่นดินใหญ่เผ่ามนุษย์เราตั้งแต่มีอยู่ทั่วแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่หนึ่งแผ่นดินใหญ่เจ็ดเขตปกครองเช่นนี้ ปัจจุบันคือศักราชเสวียนจั้นปีที่สองพันเก้าร้อยสามสิบเอ็ด หวังว่าจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น จะเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอีกครั้ง”

พูดจบ ปลัดเขตปกครองก็ถอนหายใจแผ่วเบา

“อนาคตก็ต้องดูพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้ครองกระบี่ที่สืบทอดประเพณี กลายเป็นผู้คุ้มครองแห่งเผ่ามนุษย์ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนอย่างแท้จริง!”

ในตำหนักใหญ่เงียบสนิท คนทั้งหมดล้วนนิ่งเงียบ

สวี่ชิงก้มหน้า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาบีบมือทั้งสองของแน่นจนขาวซีด บีบจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท