บทที่ 791 จัดการเหตุต้นผลกรรมเสร็จสิ้น (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 791 จัดการเหตุต้นผลกรรมเสร็จสิ้น (2)

เขาหักสูงเท่าครึ่งหนึ่งของกำแพงเมือง เมื่อเทียบกันแล้ว ร่างของสวี่ชีอันไม่อาจเทียบกับแมลงเม่าได้ เป็นได้แค่แมลงวันตัวหนึ่ง แมลงวันที่ถูกกระบี่เล่มหนึ่งแทง

ผิวหนังบนมือทั้งสองลอกออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีแดงอ่อน และกล้ามเนื้อก็ลอกออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน

พลังปราณกับพลังชีวิตของเขาหมดลงอย่างรวดเร็ว ถูกพายุหมุนยึดเอาไป

ภายในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ สวี่ผิงเฟิงมองดูฉากนี้ด้วยตาที่เป็นประกาย

พลังวิเศษของ ‘ไป๋ตี้’ เหนือความหมายของเขาจริงๆ ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว เหมือนจะทำให้สวี่ชีอันเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

“อย่าเข้ามา!”

สวี่ชีอันตะคอกใส่ลั่วอวี้เหิงที่จะเข้ามาช่วย และแสยะปากกล่าว

“ดูให้ดีนะ ให้เจ้าได้เห็นถึงพลังดุเดือดของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง”

น้ำเสียงเพิ่งสิ้นสุดลง เสื้อผ้าบนตัวสวี่ชีอันก็ระเบิดออก เผยให้เห็นร่างกายที่สะอาดและแข็งแรง กล้ามเนื้อที่เรียบลื่นและบึกบึนเปิดเผยต่อหน้าลั่วอวี้เหิง

กล้ามเนื้อรอบตัวเขาเคลื่อนไหวขยุกขยิกอย่างไร้สุ้มเสียง พลังอันน่าหวาดกลัวส่งจากลำแข้งไปยังต้นขา พุ่งขึ้นมาบนเอว และถูกผลักเข้าไปที่แขนโดยตรง

“อ๊าก อ๊าก อ๊ากกก…”

สวี่ชีอันแหงนหน้าแผดเสียงคำรามดังก้องจนหูแทบหนวก

แขนทั้งคู่ของเขายิงแสงสีทองพุ่งทะลุท้องฟ้า

ทั่วทั้งมหาสมุทรเดือดพล่านขึ้นมา น้ำทะเลมหาศาลพวยพุ่งม้วนตัวขึ้นกลางอากาศ ฟองสีขาวพุ่งทะลัก

เมฆดำพวยพุ่งบนฟ้า ฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นประกายวูบวาบบนชั้นเมฆ ราวกับเป็นภาพเหตุการณ์วันสิ้นโลก

ลั่วอวี้เหิงตกใจมาก ในขอบเขตการมองเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง ส่วนประกอบต่างๆ ทั่วทั้งฟ้าดินยุ่งเหยิง ราวกับปรากฏสรรพสิ่งที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ทำให้ระเบียบของมหามรรควิถีเกิดความผิดพลาด

ลั่วอวี้เหิงมองไปที่สวี่ชีอันอีกครั้ง ‘มอง’ เห็นองค์ประกอบฟ้าดินหลบเลี่ยงเขา ไม่กล้าเปื้อนตัวเขา ลวดลายลึกลับแปลกประหลาดที่เขาหักแผ่ขยายออกมา ก็ค่อยๆ ถูกเขาผลักออก

นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับจอมยุทธ์ที่เคยได้ยินมาก่อน

ขั้นสุดยอดของจอมยุทธ์ก็คือมุ่งบ่มเพาะตนเอง ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก กลายเป็นฟ้าดินของตนเอง

‘เปรี๊ยะๆ!’

ท่ามกลางเสียงแตกหักที่ดังชัดเจน เขาแกะที่สูงเท่ากับครึ่งหนึ่งของกำแพงเมืองก็เกิดรอยแตกร้าวเล็กๆ นับไม่ถ้วน และลวดลายลึกลับที่ปกคลุมบริเวณรอบๆ ก็สลายไปก่อนหน้านั้นแล้ว

‘เป๊าะ!’

ปลายแหลมของเขาแพะแตกเป็นเสี่ยงๆ ถูกจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งหักด้วยพลังที่ดุดัน

พายุหมุนที่กลืนกินทุกสรรพสิ่งสลายไป

เขาแกะโค้งงอร่วงลงไปทางหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ตรงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว กลับสู่หน้าผากของ ‘ฮวง’ อีกครั้ง บริเวณที่หักถูกประกบร่องอย่างสนิทแน่นราวกับไม่เคยหักมาก่อน แต่ปลายเขาแหลมที่ถูกสวี่ชีอันหัก ยากที่จะหายสนิทได้

สวี่ชีอันยืนอยู่ท่ามกลางระหว่างท้องฟ้ากับทะเลด้วยความภาคภูมิ มือทั้งสองสูญเสียเลือดเนื้อไปทั้งหมด เหลือแค่กระดูกสีขาวโพลนเท่านั้น กลิ่นอายของเขาไม่แข็งแกร่งอีกต่อไป ตกร่วงลงสู่ขั้นสองอยู่รำไร แน่นอนว่าระดับขั้นยังอยู่ที่ขั้นหนึ่ง

หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สวี่ชีอันก็คำรามไปที่ก้นทะเลด้วยสีหน้าดุร้าย

“สังหารเขา!”

เสียงคำรามดุเดือดราวกับฟ้าร้อง

ภายในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ตรงก้นทะเล ลวดลายบนเขาแพะตรงหัวของฮวงเปล่งแสงออกมาฉับพลัน ‘ฟู่!’ พายุหมุนถือกำเนิดขึ้นมา

‘สังหารข้าหรือ’ สวี่ผิงเฟิงใจสั่นสะท้าน เขาต้องการแสดงวิชาเคลื่อนย้ายโดยสัญชาตญาณ

แต่สายไปเสียแล้ว พายุหมุนห่อหุ้มและตรึงเขาไว้กับที่

จากนั้นเลือดเนื้อของเขาก็ลอกออกอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ก่อนถูกกลืนเข้าไปกลางพายุหมุน

เสียงถอนหายใจของฮวงดังก้องในหุบเขารอยแยกขนาดใหญ่

“สถานการณ์ในอวิ๋นโจวผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าไม่ได้สำคัญอย่างที่เจ้าคิด…จิตวิญญาณของข้าเสียหาย ยังไม่ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ สำหรับข้าแล้วการประนีประนอมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเหนือกว่าที่ข้าจินตนาการไว้…รอสวี่ชีอันสิ้นอายุขัยในอีกร้อยปีให้หลังหรือ ไม่ทันการณ์แล้ว กระแสของยุคสมัยเริ่มวิ่งห้อตะบึงกันอุตลุด มหาเคราะห์กำลังจะมาถึง…เจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นพันธมิตรกับข้าเลย มีแค่ขั้นหนึ่งที่สามารถเข้าร่วมในมหาเคราะห์ได้ สำหรับข้าแล้วการกลืนกินเจ้าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว โชคชะตากับจิตวิญญาณสำคัญเท่ากัน และเจ้าก็เป็นโหรหลอมปราณ!”

ท่ามกลางเสียงพูดละเมอของฮวง ร่างของสวี่ผิงเฟิงค่อยๆ ละลาย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง จิตเดิมคำรามออกมาอย่างกระหืดหอบ

“ไม่ เจ้าสังหารข้าไม่ได้ อย่าสังหารข้า…”

ความไม่พอใจและสีหน้าอาฆาตแค้นนั้น หนาแน่นราวกับเป็นธาตุแท้

ทันใดนั้น เขาเงยหน้ามองผ่านแกนกลางพายุหมุน มองเห็นสวี่ชีอันกำลังมองดูรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของเขาอย่างเมินเฉย

“เรื่องที่ข้าเสียใจที่สุดในชีวิตก็คือ ไม่ได้บีบคอเจ้าให้ตายตั้งแต่แรก”

สวี่ชีอันยกฝ่ามือขึ้น พลังปราณเกาะตัวเป็นหอกยาว และกล่าวขึ้นเบาๆ

“วันนี้สังหารเจ้า! จะมีชื่อว่าสังหารทรราชคนหนึ่ง ไม่ได้มีชื่อว่ากระทำปิตุฆาต”

เขาใช้พลังเขวี้ยงหอกพลังปราณแทงทะลุหน้าอกสวี่ผิงเฟิง

ร่างของสวี่ผิงเฟิงสลายอย่างสมบูรณ์ จิตเดิมดับสูญ

ดูเหมือนโหรหลอมปราณระดับสุดยอดของขั้นสองผู้นี้ จะคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีจุดจบเช่นนี้

ภายใต้การผลักดันของบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก ทำให้เขาเสียชีวิตในเงื้อมมือของทายาทเทพมาร

น้ำทะเลที่กระเพื่อมค่อยๆ สงบลง เมฆครึ้มที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าก็สลายไป

สวี่ชีอันยืนอยู่กลางอากาศ โค้งเอวและหอบหายใจอย่างรุนแรง

เหตุผลที่เขาเป็นฝ่ายไปรับเขายาวของ ‘ฮวง’ ก่อน ด้านหนึ่งคือไม่อยากให้ลั่วอวี้เหิงเสี่ยงอันตราย อีกด้านหนึ่งคือต้องการ ‘กำราบ’ มัน ทำให้มันเข้าใจสิ่งหนึ่ง

แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่หากข้าต้องการเสี่ยงชีวิตกับเจ้า เจ้าก็ต้องเสี่ยงชีวิตกับข้าด้วยเช่นกัน

เมื่อมองผ่านพายุหมุนที่ลั่วอวี้เหิงสร้างขึ้นมา จะเห็น ‘ฮวง’ นอนหลับใหล และชี้ขาดได้ว่าเกิดปัญหากับร่างเดิมของมันจริงๆ ในใจสวี่ชีอันจึงวางแผนนี้ขึ้นมา

อีกทั้งรู้ว่าจะต้องได้ผล!

แกนกลางสำคัญก็เหมือนกับที่เจียหลัวซู่ถอยออกจากที่ราบกลาง เหตุใดข้าต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับพันธมิตรผู้หนึ่งอย่างย่อยยับเช่นนี้

อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรที่หมดสิ้นหนทางแล้ว

ตั้งแต่ตอนที่กองทัพอวิ๋นโจวพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทั้งสามของพวกเขาก็ไม่มั่นคงแล้ว เพราะไม่มีเป้าหมายร่วมกันในระยะเวลาสั้นๆ

เป็นดังที่คาดไว้จริงๆ ตอนที่เขาขยี้เขายาวของ ‘ฮวง’ จนแหลกละเอียด และแสดงท่าทีไม่ตายไม่เลิกรานั้น ‘ฮวง’ ก็เลือกที่จะประนีประนอมแล้ว

“จัดการต้นเหตุผลกรรมเสร็จสิ้นแล้ว เรื่องราวในอดีตลบล้างหมดสิ้น!”

สวี่ชีอันอ้าแขนไปทางท้องฟ้าสีคราม ราวกับโอบกอดชีวิตใหม่ไว้

คิ้วและตาของลั่วอวี้เหิงดูอ่อนโยน เป็นครั้งแรกที่นางเผยรอยยิ้มนุ่มนวลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ดูเหมือนนางจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงขมวดคิ้วกล่าว

“ท่านโหราจารย์ตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่”

สวี่ชีอันอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง

“คงจะยังมีชีวิตอยู่นะ ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา ก็แค่ปรมาจารย์ลิขิตฟ้าผู้หนึ่ง ไม่มีประโยชน์ใดๆ ”

ท่านโหรจารย์ไม่สามารถช่วยกลับมาได้อย่างแน่นอน อีกอย่างสวี่ชีอันคิดว่าจะห่วงใครก็อย่าได้ห่วงเฒ่าเหรียญปากผี

เจ้าจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

ก้นบึ้งทะเลที่มือเอื้อมลงไปไม่ถึง ร่างขนาดมหึมาลอยอยู่ในน้ำ และล่องลอยไปยังโพ้นทะเลที่ไกลออกไป

มันหลับตาราวกับหลับลึก ล่องลอยตามกระแสน้ำไปยังทิศทางที่ไกลออกไป

มีเสียงถอนหายใจของท่านโหราจารย์ดังออกจากหนึ่งในเขาแพะที่โค้งงอ

“ก็บอกแล้ว เขาไม่สังหารบิดาผู้ให้กำเนิดก็จะไม่เลิกรา เจ้าดันไม่เชื่อความชั่วร้าย ครั้งนี้สบายใจแล้วล่ะสิ จิตวิญญาณขาดเขาไปหนึ่งเขา”

ฮวงกล่าวราบเรียบ

“รสชาติของโหรไม่เลวเลยจริงๆ พลังของข้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”

ท่านโหราจารย์พูดฉอดๆ ไม่หยุด

“มหาเคราะห์ใกล้จะมาถึง เจ้ายังจะไปโพ้นทะเลอีกหรือ”

น้ำเสียงอันเลื่อนลอยของฮวงดังเข้ามา

“เจ้าอยากรู้ว่าโพ้นทะเลมีอะไรหรือไม่ พาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง ข้าจะเตรียมการสำหรับมหาเคราะห์ที่ใกล้มาถึง”

ลั่วอวี้เหิงมองดูชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงที่อยู่บนฝ่ามือ และกล่าว

“เกาะหลังเต่ามีเงินและเสบียงสำรองอยู่มากมาย กำลังจะถูกนำกลับไปบรรเทาสถานการณ์ขาดแคลนเสบียงและเงินของราชสำนักได้พอดี”

สวี่ชีอันยกกระดูกนิ้วที่แฝงไปด้วยเส้นเลือดสะกิดแก้มนุ่มลั่วอวี้เหิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านราชครู ข้าบาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องบำเพ็ญคู่เพื่อรักษาเร่งด่วน”

ลั่วอวี้เหิงเผยสีหน้าไร้ความรู้สึก และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนงานราชก็ทำไปตามหน้าที่

“ข้าเป็นเซียนครองพิภพแล้ว เรื่องบำเพ็ญคู่ไม่ต้องพูดถึง เจ้ากับข้าไม่มีความสัมพันธ์แบบชายหญิงอีก”

เทพบุปผาพี่น้องที่แสนดีของเจ้าก็พูดทำนองเดียวกัน แต่หันหลังกลับแป๊บเดียวก็หนีบเอวข้าทำเสียงอี๊อ๊าแล้ว…สวี่ชีอันพูดแขวะในใจไปหนึ่งประโยค

เขตตงไห่

ตำหนักมังกรตงไห่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา

ในห้องโถงด้านใน ตงฟางหว่านหรงที่มีใบหน้าสวยหยาดเยิ้มและสวมกระโปรงยาวสีเขียวยกถาดไม้เข้ามา หลังจากวางน้ำชาไว้ตรงหน้าน่าหลันเทียนลู่แล้ว ก็กล่าวอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์ที่ปั้นกายเนื้อขึ้นมาใหม่”

น่าหลันเทียนลู่มีผมสีขาวเป็นดอกเลา ใบหน้าผ่ายผอม เขายิ้มและพยักหน้า

เขามองดูใบหน้ารูปไข่สวยหยาดเยิ้มของศิษย์รัก และถอนหายใจในบัดดล

“เดิมทีหลังจากข้าคิดหาวิธีฟื้นฟูกายเนื้อได้แล้ว ก็จะส่งเจ้าไปนิกายสวรรค์ ในเมื่อเจ้าเด็กนั่นสัญญาหมั้นหมายกับเจ้าตลอดชีวิต ต่อให้อาจารย์จะล่วงเกินต่อนิกายสวรรค์ ก็ต้องให้เขาแต่งเจ้าให้ได้ แต่เมื่อครู่พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ส่งข่าวให้ข้า เรียกข้ากลับไปเมืองจิ้งซานโดยไว”

ตงฟางหว่านหรงขมวดคิ้ว

“เพราะเหตุใด”

น่าหลันเทียนลู่เผยสีหน้าแปลกๆ หลังจากเรียบเรียงถ้อยคำอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นมา

“สงครามในที่ราบกลางได้ยุติลงแล้ว สวี่ชีอันเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า เทพพ่อมดถ่ายทอดคำสั่งเรียกพ่อมดในใต้หล้ากลับเมืองจิ้งซาน เจ้าก็ต้องตามไปด้วย”

เขามองดูสีหน้างงงวยของตรงฟางหว่านหรง และกล่าวทีละคำ ทีละประโยค

“มหาเคราะห์กำลังจะมา”

อรัญตา

ใต้ต้นโพธิ์ พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่มองดูพระโพธิสัตว์หลิวหลีที่สวมชุดสีขาวราวหิมะ และมีผมดำราวกับน้ำตกก่อนกล่าวว่า

“ต่อไปข้ากับกว่างเสวียนจะประสานพลังช่วยเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บ ให้เจ้าฟื้นฟูตบะของเจ้า”

พระโพธิสัตว์หลิวหลีถาม

“เจ้าเคยไปเจอเขาแล้วหรือ”

เจียหลัวซู่ตอบรับ “อืม”

“มหาเคราะห์ในยุคเทพมารใกล้มาถึงแล้ว พวกเราเตรียมตัวรับมือกับมหาเคราะห์ให้ดี อีกอย่างสวี่ชีอันเบียดตัวเข้าไปสู่ขั้นหนึ่ง กลายเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุค โอกาสที่เผ่าพันธุ์ปีศาจรอคอยมาถึงแล้ว อรัญตาจะเผชิญหน้ากับภัยสงครามก่อน”

พระโพธิสัตว์หลิวหลีกับพระโพธิสัตว์กว่างเสียนที่มีภาพลักษณ์เป็นภิกษุหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึม

เมืองชิงโจว

บรรดาผู้ลี้ภัยที่สวมชุดขาดรุ่งริ่ง ผมยุ่งเป็นกระเซิง หน้าตาสกปรกมอมแมม ยืนเบียดเสียดอยู่ตรงประตูเมือง เพื่อฟังเจ้าพนักงานอธิบายเนื้อหาบนประกาศ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชิงโจวจะสร้างสมุดปกเหลืองขึ้นมาใหม่ ผู้ที่ลงทะเบียนในสมุดไม่พัวพันกับอดีตอีก…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ราชสำนักจะเปิดคลังเสบียง ผู้ใดก็ตามที่เข้าร่วมการสร้างชิงโจวขึ้นมาใหม่ ล้วนได้รับการจัดสรรที่นา ก่อนเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เพิงโจ๊กจะไม่ถูกถอนออก”

ใบหน้าสกปรกและเคยด้านชาเหล่านั้นเปล่งประกายความหวังขึ้นมาใหม่ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

กำแพงติดประกาศทั้งหมดในสิบสามโจวของต้าฟ่ง ล้วนติดประกาศเหมือนกัน

ความมืดมิดสิ้นสุดลง รุ่งอรุณเข้ามาเยือน

พระราชวัง

จักรพรรดินีสวมชุดคลุมมังกรที่มีความน่าเกรงขามไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ เดินขึ้นไปบนหอสูง ใบหน้าปะทะกับลมเบาๆ ในฤดูใบไม้ผลิ เย็นชุ่มชื่นแต่ไม่หนาวยะเยือก

นางยืนเอามือไพล่หลัง เชิดคางขาวผ่องขึ้น ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก

มีหัวใจเพื่อโลกหล้า มีชีวิตเพื่อปวงประชา

สร้างสันติสุขชั่วลูกชั่วหลาน!

หอเฮ่าชี่

‘ตึกตัก…’

ท่ามกลางเสียงฝีเท้าอันเชื่องช้า สวี่ชีอันสวมชุดเครื่องแบบของฆ้องเงินเดินขึ้นชั้นเจ็ด มองเห็นห้องน้ำชาที่คุ้นเคย การจัดวางที่คุ้นเคย ด้านหลังโต๊ะน้ำชามีคนชุดสีเขียวที่คุ้นเคยนั่งขัดสมาธิอยู่

ชายที่มีผมจอนเป็นสีขาวเล็กน้อยเผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างอบอุ่น

“มาแล้วหรือ”

น้ำตาพร่ามัวในดวงตา สวี่ชีอันจัดระเบียบเสื้อผ้าที่สวมใส่ เสร็จแล้วก็กุมมือโค้งตัวคารวะอย่างในตอนนั้น

“ข้าน้อยคารวะเว่ยกง!”

โลกใบนี้มีผู้คนมากมาย มีแค่ท่านยังเป็นดังเช่นวันวาน

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท