บทที่ 792 มารดาผู้ให้กำเนิด [ภาค 6 เทพยุทธ์แห่งยุค]

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

[ภาค 6 เทพยุทธ์แห่งยุค] บทที่ 792 มารดาผู้ให้กำเนิด

สายลมฤดูใบไม้ผลิอันบริสุทธิ์พัดโชยเข้ามายังห้องน้ำชา ชายหนุ่มทั้งสองนั่งตัวตรงประจันหน้ากัน โดยมีโต๊ะชาสี่เหลี่ยมกั้นกลาง

“ฮึ…”

เว่ยเยวียนเป่าไอร้อนที่ลอยขึ้นจากถ้วยเบาๆ จิบน้ำชาสีใสด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม

“รสหวานอันหอมกรุ่น หลงเหลือกลิ่นกระจายทั่วปาก นึกไม่ถึงว่าชีวิตนี้ยังได้ดื่มใบชาของเทพดอกไม้ คุ้มค่าแล้ว”

ความคุ้มค่าในชีวิตนี้ของเจ้าราคาถูกเกินไปแล้ว…สวี่ชีอันตำหนิในใจ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“รู้ว่าเว่ยกงชอบดื่มชา จึงตั้งใจใส่ความกตัญญูลงไปเป็นพิเศษ”

อันที่จริงเป็นชาเก่าที่มู่หนานจือเหลือเอาไว้ในอดีต

เว่ยเยวียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วทอดถอนใจ

“ผู้นำมวลบุปผา งามสง่าหาใครเทียบ มู่หนานจือเป็นสาวงามเลิศล้ำไม่มีผู้ใดทัดเทียม ติดตามเจ้าอย่างไร้ตัวตน นับว่าไม่เป็นธรรมกับนาง ปัจจุบันลั่วอวี้เหิงเป็นเซียนครองพิภพ นางยอมให้เจ้าแต่งงานกับองค์หญิงหลินอันหรือ”

สวี่ชีอันคาดไม่ถึงว่าสิ่งแรกที่ทั้งสองพบหน้ากัน เขาจะสนใจเรื่องสำคัญในชีวิตของตนด้วย

เขาทอดถอนใจ

“เรื่องยุ่งยากมากทีเดียว พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ปวดหัว เว่ยกงมีอะไรชี้แนะหรือไม่”

…เว่ยเยวียนวางถ้วยชาในมือ แล้วมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เอ่อ นี่…สวี่ชีอันรู้ทันทีว่าคำพูดของตนไม่เหมาะสม ขณะที่กำลังจะทำเสียงแหะๆ แล้วพาเข้าประเด็นก็ได้ยินเว่ยเยวียนเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“ความสมดุลอยู่ท่ามกลางสรรพสิ่ง”

สวี่ชีอันครุ่นคิดบางอย่าง

เว่ยเยวียนวางสองมือลงบนโต๊ะ ใบหน้าประดับรอยยิ้ม

“ฝ่าบาททรงเล่าเรื่องหลังจากที่ข้าตายให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก”

สวี่ชีอันเปิดปากกำลังจะถ่อมตัว เว่ยเยวียนก็ยิ้มกริ่มพร้อมเอ่ย

“ข้าก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่า ขณะที่เจ้าอยู่ขั้นสี่จะต้านกองทัพทหารสำนักพ่อมดสองแสนนายเพียงลำพังด้วยดาบหนึ่งเล่ม เห็นว่าได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะโชคแต่เป็นคุณสมบัติของชาวสวรรค์”

นี่ท่านกำลังตอบโต้ที่ข้าพูดผิดไปเมื่อครู่สินะ ตอนนี้ท่านก็อยู่ในร่างสมบูรณ์แบบแล้ว…สวี่ชีอันพึมพำในใจ แล้วเอ่ยอึกอัก

“แค่ข่าวลือแพร่ไปทั่ว”

เขาไม่เอ่ยอะไรอีกพร้อมประคองถ้วยชาขึ้นจิบ บ่งบอกว่าเว่ยเยวียนตัดประเด็นนี้แล้ว

“เหล่าท่านทั้งหลายในท้องพระโรงกำลังถกเถียงว่าจะจัดการอวิ๋นโจวอย่างไรดี เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร” เว่ยเยวียนเอ่ยถาม

“ข้าไม่สนใจเรื่องการปกครอง” สวี่ชีอันออกตัวก่อน แล้วเอ่ยตาม

“ทหารชุดเกราะทุกคนต่างถูกสักหน้าและเนรเทศ ขุนนางอวิ๋นโจวและตระกูลผู้ดีของเสนาบดีเล็กที่สนับสนุนกองทัพกบฏทั้งหมดต่างก็ถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์”

นี่ไม่ใช่ความเห็นของเขา แต่เขาคาดเดาตามที่รู้จักฮว๋ายชิ่ง

ถูกสักหน้าและเนรเทศเป็นธรรมเนียม ปฏิบัติเป็นปกติ สำหรับขุนนางและตระกูลผู้ดีของเสนาบดีเล็กก็ใช้ชื่อของเศรษฐีบ้านนอกได้พอดี ชิงทรัพย์สินและที่นาของพวกเขามาปลอบขวัญประชาชน คลี่คลายปัญหาขาดแคลนเงินและอาหารของราชสำนัก

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เว่ยเยวียนก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากข้าตาย วิญญาณกลับไปที่ใด”

สวี่ชีอันส่ายหน้า

“ขณะที่ออกศึกในวันนั้น จ้าวโส่วจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมากเพื่อให้ข้าได้รับปราณชีวิต หลังจากที่ข้าตาย ดาบสลักและมงกุฎขงจื๊อจะพาวิญญาณของข้ากลับ แต่พากลับได้เพียงเศษวิญญาณ” เว่ยเยวียนเอ่ยอย่างอับจน “เทพพ่อมดพรากสองวิญญาณฟ้าดินของข้าไป แล้วผนึกอยู่ในรูปปั้นหิน ประเมินระดับสุดยอดต่ำไปอยู่ดี แม้เขาจะทำได้เพียงแทรกพลังส่วนหนึ่งออกมา”

ในใจของสวี่ชีอันหนักอึ้ง

เว่ยเยวียนปรายตามอง พยักหน้าพร้อมเอ่ย

“ถูกต้อง หลังจากวิญญาณของข้าหวนกลับ พลังปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์คลายลงอีกครั้ง เทพพ่อมดก็เริ่มโจมตีผนึกอีก ข้าเสริมความแข็งแกร่งให้ผนึก ข้าผสานรวมกับพลังปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ เทพพ่อมดจึงจับวิญญาณของข้า คิดจะใช้ประโยชน์จากข้าเปิดช่องให้เขา”

เมื่อเห็นสวี่ชีอันขมวดคิ้วเป็นปม เขาก็อธิบาย

“นอกจากนี้ ฝ่าบาททรงเรียกวิญญาณของข้าด้วยตนเอง ทำให้พลังปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์คลายลง ทั่วทั้งใต้หล้า นอกจากเจ้าที่งัดกับผนึกของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ได้ก็มีเพียงนางผู้เดียว”

พ่อมดพยากรณ์ได้ ไม่ใช่ว่าเทพพ่อมดรู้อยู่แล้วว่าข้าชุบชีวิตเว่ยเยวียนได้หรอกหรือ สวี่ชีอันคาดไม่ถึงว่าการเรียกวิญญาณของเว่ยเยวียนจะมีผลสืบเนื่องมหาศาลเช่นนี้

เทพพ่อมดเป็นหนึ่งในสามระดับสุดยอดในโลก พลังไร้เทียมทาน หากพระองค์สลัดหลุดจากผนึก นี่ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ช้าก่อน! เขาใจเต้นแรง พร้อมเอ่ยพึมพำ

“ในเมื่อการเรียกวิญญาณของเว่ยกงทำให้ผนึกของเทพพ่อมดคลายลง เช่นนั้นท่านโหราจารย์เห็นด้วยกับเรื่องนี้ได้อย่างไร”

“อย่าถามข้าไปเสียทุกอย่าง ลองคิดเองบ้าง” เว่ยเยวียนปรายตามองเขา “ตอนนี้เจ้าเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของต้าฟ่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะพลังต่อสู้หรือชื่อเสียงบารมีก็นำหน้าข้ากับท่านโหราจารย์ไปแล้ว”

“ข้าก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ป่าเถื่อนคนหนึ่งเท่านั้น” สวี่ชีอันทบทวนตนเอง เวลาที่มีเว่ยเยวียนอยู่ เขามักจะขี้เกียจใช้สมอง ไม่รู้ก็ถาม

เว่ยเยวียนเอ่ย

“จำ ‘จดหมายลาตาย’ ที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าได้หรือไม่ ข้าเคยบอกเจ้าเอาไว้…”

จะบอกว่าท่านพะวงเรื่องไทเฮาตั้งแต่วัยรุ่นงั้นหรือ สวี่ชีอันเอ่ยถามด้วยใบหน้าสุขุม “จิ่วโจวโหดร้ายกว่าที่ข้าจินตนาการไว้อีกหรือ”

เว่ยเยวียนวางถ้วยชาลงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ปลายฤดูร้อนปีที่แล้ว สำนักพ่อมดพยายามแทรกซึมเขตอิทธิพลทางแดนเหนือ ใช้สิ่งนี้เป็นฐานที่ตั้ง แล้วลงใต้ยึดต้าฟ่ง จ้าวโส่วหาข้าพบในเวลานั้น บอกว่าก่อนที่ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์จะจากไปด้วยโรคชราก็ทิ้งจดหมายเอาไว้ กล่าวว่าตนเป็นคนแห่งโชคชะตา ต้องกำจัดภัยพิบัติให้โลกมนุษย์ เวลานั้นข้าถึงได้รู้ว่า เมื่อหนึ่งพันสองร้อยกว่าปีก่อนปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ผนึกเทพเจ้ากู่ เทพพ่อมด และพระพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดสำนักพ่อมดถึงต้องแทรกซึมเขตอิทธิพลของคนเถื่อน พวกเขาอยากจะขยายอาณาเขตและรวบรวมโชคชะตาเพื่อช่วยให้เทพพ่อมดหลุดออกจากผนึกปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ หากเทพพ่อมดคลายผนึก ที่ราบลุ่มภาคกลางก็เป็นของที่อยู่ในถุงเก็บของสำนักพ่อมด”

สวี่ชีอันพยักหน้าช้าๆ

“ใช่ เทพเจ้ากู่ยังถูกผนึกอยู่ที่ซินเจียงตอนใต้ สถานการณ์ของพระพุทธเจ้าซับซ้อนที่สุด ทว่ามิอาจสลัดหลุดได้เช่นเดียวกัน หากสำนักพ่อมดตีแดนเหนือได้อย่างราบรื่น เทพพ่อมดก็อาจจะหลุดจากผนึกได้เป็นคนแรก”

เมื่อสัมผัสเข้ากับความลับสมัยโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเว่ยเยวียนถึงต้องผนึกเทพพ่อมดให้ได้แม้จะตายก็ตาม

“เว่ยกงรู้เหตุผลที่ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ผนึกระดับสุดยอดหรือไม่” สวี่ชีอันถาม

เว่ยเยวียนพยักหน้า

“ฝ่าบาทตรัสเหตุผลการสิ้นสุดของเทพมารกับข้าแล้ว รวมถึงไป๋ตี้มุ่งหน้าไปซินเจียงตอนใต้เพื่อสนทนากับเทพเจ้ากู่ ภัยพิบัติที่ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์หมายถึงน่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของเหล่าเทพมารในตอนนั้นตามคาด”

สวี่ชีอันลูบคาง

“เทพมารตายจากการฆ่าฟันกันเอง นอกจากสิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดอย่างเทพเจ้ากู่มีชีวิตรอด โดยพื้นฐานเทพมารก็คงตายไปในสมัยดึกดำบรรพ์แล้ว”

แม้จะเป็นเทพเจ้ากู่ก็เพียงโชคดีรอดตายเท่านั้น

เพราะยังมีเทพมารที่เปรียบได้กับเทพเจ้ากู่ในตอนนั้นอยู่ ความแตกต่างในโชคชะตาระหว่างเหล่าพระองค์กับเทพเจ้ากู่ บางทีเทพเจ้ากู่อาจจะแค่โชคดีเท่านั้น

ไม่ ไม่ใช่เทพเจ้ากู่โชคดี แต่พระองค์มีความสามารถล่วงรู้มุมหนึ่งของอนาคตได้…สวี่ชีอันจับจุดสำคัญที่เทพเจ้ากู่เอาตัวรอดไปได้

เว่ยเยวียนเอ่ย

“ฉะนั้นเจ้าน่าจะรู้ว่าท่านโหราจารย์ไม่เพียงปล่อยให้เจ้าชุบชีวิตข้า แต่กลับเข้าร่วมด้วย”

“ความสมดุลอยู่ท่ามกลางสรรพสิ่ง” สวี่ชีอันตอบกลับด้วยคำพูดของเว่ยเยวียน

ท่านโหราจารย์คิดเห็นว่าใช้เทพพ่อมดถ่วงดุลพระพุทธเจ้าและเทพเจ้ากู่ อ้างอิงจากการคาดเดานี้คือเทพมารในตอนนั้นตายหมู่จากการฆ่าฟันกันเอง

เว่ยเยวียนทอดถอนใจเอ่ย

“ดังนั้นข้าจึงเดาออกตั้งนานแล้ว การกระทำของสำนักพ่อมดกระตุ้นสำนักพุทธ บีบให้สำนักพุทธผูกพันธมิตรกับกับอวิ๋นโจว สำนักพ่อมดจะนั่งดูเสือกัดกันบนเขาเสียส่วนใหญ่ แทบอยากจะให้ทั้งสามฝ่ายดิ้นรนจนตายกันไปครึ่ง”

ในถุงปักดิ้นที่เขาเหลือให้หนานกงเชี่ยนโหรวเขียนถึงกองทัพอวิ๋นโจวกับภิกษุนักรบของดินแดนประจิมทิศอย่างชัดเจน

“เว่ยกงคาดเดาอะไรจากความจริงที่ว่าเทพมารบรรพกาลฆ่าฟันกันเอง”

ความสงสัยนี้ข้องใจสวี่ชีอันมานาน

“ในจดหมายที่ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ทิ้งเอาไว้ไม่ได้กล่าวถึง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับสวรรค์เสียส่วนใหญ่ จึงมิอาจเปิดเผยได้ ทุกวันนี้คนที่รู้ความลับมีน้อยนับนิ้วได้” เว่ยเยวียนส่ายหน้า

“คนเฝ้าประตูนั่นล่ะ”

สวี่ชีอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงพิจารณา

เว่ยเยวียนปรายตามองถ้วยชาที่ดื่มหมด สวี่ชีอันเติมให้อย่างรู้ใจ เขาพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมเอ่ย

“ในเมื่อเรียกคนเฝ้าประตู เช่นนั้นไม่ว่า ‘ประตู’ จะเป็นอะไร จะต้องไม่ให้เข้าหรือออก เมื่อพิจารณาถึงความลับที่เทพมารสมัยดึกดำบรรพ์ฆ่าฟันกันเอง เจ้าคิดว่าอะไรจะเป็นไปได้มากกว่ากัน”

ไม่ให้ออก…สวี่ชีอันครุ่นคิดบางอย่าง

“กองทัพกบฏอวิ๋นโจวสิ้นสุดแล้ว ประชาชนได้พักฟื้นและใช้ชีวิต ทว่าสงบสุขได้ไม่นาน ภัยพิบัติใหญ่แท้จริงกำลังจะมาเยือน” เว่ยเยวียนถอนใจ

“โชคชะตาเป็นสิ่งที่ระดับสุดยอดต้องช่วงชิง ดินแดนประจิมทิศมีพระพุทธเจ้า ตะวันออกเฉียงเหนือมีเทพพ่อมด เทพเจ้ากู่อยู่ที่ซินเจียงตอนใต้ มีเพียงแดนเหนือและที่ราบลุ่มภาคกลางไม่มีระดับสุดยอด หากเหล่าพระองค์หลุดออกจากผนึกทั้งหมด ที่ราบลุ่มภาคกลางจะต้องช่วงชิงและจัดการก่อนเป็นคนแรก เลือกบีบแต่ลูกพลับอ่อน หลักการนี้แม้แต่เด็กน้อยยังเข้าใจ หลังจากแบ่งอาหารที่ราบลุ่มภาคกลาง การแข่งขันระหว่างระดับสุดยอดจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง ตอนนี้เจ้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ทว่ายังห่างไกลจากระดับสุดยอดอยู่มาก คิดดีแล้วใช่หรือไม่ว่าจะรับมืออย่างไร”

สวี่ชีอันคิดตามอยู่แล้ว

“จัดดอกไม้ก่อน…อืม คิดเสียก่อนว่าจะก้าวไปสู่เทพยุทธ์ครึ่งขั้นเฉกเช่นเสินซูได้อย่างไร ไม่มีเทพยุทธ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ข้ามิอาจตั้งความหวังที่จะกลายเป็นเทพยุทธ์ได้ ดังนั้นต้องผูกมิตรกับเสินซู เทพยุทธ์ครึ่งขั้นทั้งสองน่าจะพอต้านระดับสุดยอดได้ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็นับว่ามีพลังป้องกันตัวแล้ว น่าเสียดายที่ข้าช่วยท่านโหราจารย์ออกมาไม่ได้”

แม้พลังต่อสู้ของปรมาจารย์ลิขิตฟ้าจะธรรมดาๆ ทว่าท่านโหราจารย์มีความสามารถในการเตรียมการแข็งแกร่งที่สุด สวี่ชีอันจึงยอมเป็นคนลงมือทำให้เขา

เว่ยเยวียนพยักหน้าพร้อมเอ่ย

“วันนี้พอเท่านี้ก่อน จริงสิ เชี่ยนโหรวพาหญิงสาวคนหนึ่งกลับมาจากอวิ๋นโจว เจ้าลองไปดูสิ”

สีหน้าของสวี่ชีอันแปลกไปทันที เงียบชั่วขณะก่อนจะเอ่ย

“ขอรับ!”

เขาออกจากหอเฮ่าชี่ หันกลับเขตที่พักที่ทำการด้านหลัง

ที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลแบ่งเป็นสองส่วน ลานหน้าเป็นสถานที่ทำงาน ลานหลังเป็นสถานที่พักผ่อน เหมือนหยางเยี่ยนและคนโสดอย่างหนานกงเชี่ยนโหรวก็อยู่ในที่ทำการปกครองตลอดปี

เขาทะลุผ่านสวนดอกไม้และสนาม มาถึงเรือนเล็กหลังหนึ่งที่ติดขอบเขตตะวันออกที่สุดตามที่อยู่ที่เว่ยเยวียนให้

สวี่ชีอันทอดมองประตูเรือน ปัญหาอยู่ตรงหน้า ลังเลสักพัก ไม่รู้ว่าเมื่อพบหญิงสาวด้านในแล้ว ตนควรจะทำสีหน้าท่าทางอย่างไรดี

………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท