บทที่ 571 ต้อนให้เข้าไปในหุบเขาวิญญาณ ซ้ำรอยเดิม
ค่ำคืนที่มืดมิด แสงสีเงินของชุดเกราะก็เปล่งประกายขึ้นมา
ระหว่างที่ทั้งหกเมืองอยู่ในความสับสนวุ่นวายและไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เผยยวนก็ได้รวบรวมกองทัพหลายกองออกเดินทัพไปยังเมืองซู่โจว
ระหว่างที่กองทัพของซู่โจวกำลังต่อสู้กับกองทัพของอู่โจวและฉงโจวอยู่นั้น
‘ตู้ม!’ จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจนฟ้าดินสั่นสะเทือน
ทุกคนต่างหันไปมองจนเป็นตาเดียว
“บุกมาแล้ว! กองทัพทหารเกราะเหล็กโจมตีเมืองแล้ว!!!”
ทหารปกป้องเมืองซู่โจวรีบวิ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองทันที ก่อนจะเห็นว่าด้านล่างกำแพงเมืองเวลานี้มืดฟ้ามัวดินไปหมด มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดและมีเพียงเกราะเหล็กที่ส่องแสงแวววาวเท่านั้น
ที่ประตูเมืองได้มีคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันอย่างเงียบ ๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย แต่ละกลุ่มยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ บางครั้งก็มีเสียงหมาป่าและเสือคำรามในหมู่พวกเขาด้วย
คนที่เป็นผู้นำถือดาบยาวที่เปล่งประกายเย็นเยียบพร้อมธงคำสั่ง
เมื่อเขายกมือขึ้น ทหารราบที่อยู่ด้านหน้าก็เปิดทางให้ เครื่องยิงหินหนักถึงร้อยชั่งและหน้าไม้ต่างเรียงรายอยู่นอกประตูเมือง มือธนูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยใช้คันธนูที่ได้รับการปรับปรุงจากจีฝูเย่ ซึ่งยิงหนึ่งครั้งลูกธนูจะแบ่งออกเป็นสามดอกบนอากาศ ระยะการยิงไกลขึ้นและมีพลังทำลายล้างมากขึ้นด้วย
สายลมยามค่ำคืนพัดมา ขอเพียงธงคำสั่งนั่นตวัดลง ประตูเมืองซู่โจวก็จะพังทลายลงทันที!
ทหารยามจิตใจว้าวุ่นไปหมด ก่อนจะตะโกนเสียงดังหนึ่งครั้งและวิ่งหนีลงจากกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
“เร็วเข้า! รีบไปรายงานท่านเจ้าเมือง กองทัพทหารเกราะเหล็กบุกมาประชิดประตูเมืองแล้ว!!”
ทันใดนั้นธงคำสั่งก็ถูกชี้ไปยังกำแพงเมืองที่สูงตระหง่านด้านหน้า เผยยวนพลันตะโกนขึ้นมา “ยิง!”
ทันใดนั้นลูกธนู ตะขอเหล็ก ปืนใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกเล็งไปที่ประตูเมืองทันที!
กลองศึกถูกตีจนดังก้องราวกับเสียงฟ้าคำราม เมื่อเสียงยิงปืนใหญ่หายไป ก็ราวกับเสียงนั้นได้กระแทกลงบนหัวใจของทุกคนในเมืองซู่โจว!
การยิงแต่ละครั้ง ราวกับว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา
การข่มขวัญที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ราวกับไม่มีทางหนีสำหรับพวกเขาอีกแล้ว
เมื่อเสียงกลองรัวเร็วขึ้น เสียงคร่ำครวญจากทั้งบนและล่างของกำแพงเมืองก็ทำให้ผู้คนในเมืองต่างหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง กองทัพซู่โจวที่เพิ่งจะมารวมตัวกันก็กระจัดกระจายไปในทันใด
ส่วนเนี่ยเทียนโฉวที่เวลานี้ยังคงเกลี้ยกล่อมหลิ่วเผิงด้วยเหตุและผลอยู่ ก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!
เขามองดูไฟที่ลุกโชน ก่อนจะคว้าคอเสื้อของหลิ่วเผิงพร้อมตาที่แดงก่ำ แล้วชี้ไปที่ประตูเมือง “เห็นหรือไม่! เมืองต่อไปก็คือเมืองอู่โจวของพวกเจ้า ตอนนี้หากยังอยากจะสู้กันเองอีกละก็ เชิญเจ้าโวยวายต่อไปก็แล้วกัน ไอ้คนเสียสติ!”
หลังจากเนี่ยเทียนโฉวด่าเสร็จ ก็รีบขึ้นม้าเตรียมจะกลับไปสั่งการรบ
หลิ่วเผิงเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งทหารให้ไปช่วยซู่โจวทันที
แต่จะทันหรือไม่!?
การสู้รบในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนที่กองทัพทหารเกราะเหล็กปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ที่ประตูเมืองซู่โจว! สัญญาณความพ่ายแพ้ก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน!
เมื่อเนี่ยเทียนโฉวกลับมา ชาวบ้านและทหารจำนวนมากก็เริ่มล่าถอย และถึงขนาดที่ว่าทหารบางคนหากมีคนขวางหน้า ก็จะกวัดแกว่งดาบสังหารทันที!
นอกจากกำแพงเมืองจะไร้คนประจำการแล้ว ก็มีเสียงต่อสู้ที่นอกเมืองดังก้องไปทั่ว พร้อมกับเสียงทุบประตูเมืองของทหารยามที่อยู่นอกเมือง เพื่อขอให้พวกเขาเปิดประตูดังขึ้นไม่ขาดสาย
ประกอบกับเสียงปืนใหญ่ที่อยู่ข้างนอก กำแพงเมืองนั่นก็แทบจะถูกเผาจนกลายเป็นกำแพงไฟแล้ว!
กองทัพทหารเกราะเหล็กยังคงโจมตีเมืองไม่หยุด และกองทัพซู่โจวที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้เหล่านั้นก็ทำได้เพียงยกมือและยอมจำนน ไม่เช่นนั้นก็จะถูกระเบิดตายทั้งเป็น!
เนี่ยเทียนโฉวโกรธจนดวงตาแดงก่ำ และสังหารทหารซู่โจวที่แปรพักตร์ไปหนึ่งคน!
“ฆ่าให้หมด! ใครถอยแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะฆ่าทิ้งด้วยมือของข้าเอง!”
เมื่อเห็นเนี่ยเทียนโฉวกลับมาแล้ว หลายคนจึงได้ย้อนกลับมา
ด้านนอกเมือง เผยยวนก็ได้สั่งโจมตีอีกครั้ง!
ภายใต้การสั่งการของเขา ปืนใหญ่สองกระบอกเล็งมาที่ประตูเมืองทันที และด้วยการโจมตีของปืนใหญ่ทั้งสองกระบอก ประตูเมืองที่เดิมใกล้จะพังอยู่แล้ว เมื่อถูกโจมตีอีกครั้งจึงพังทลายลงในทันที
โดยมีรองแม่ทัพหลี่เป็นกองหน้า ทหารม้าสองพันนายพุ่งไปที่ประตูเมืองและเริ่มสังหารฝ่ายตรงข้าม เพื่อเปิดทางให้กองทัพทหารเกราะเหล็กที่ตามหลังมา
ส่วนหมาป่าหิมะนั้นรวดเร็วอย่างมาก พวกมันจึงวิ่งตรงไปและอยู่ด้านหน้าสุด มีเสียงหมาป่าหอนขึ้นมา ก่อนที่พวกมันจะกระโจนเข้าใส่ทัพหน้าของซู่โจวในเวลาต่อมา!
“มีหมาป่า!”
“มีเสือด้วย!”
ในเมืองของพวกเขามีสัตว์ที่อันตรายเช่นนี้ที่ใดกัน เท่าที่เคยเห็นก็ถูกเอามาทำอาหารเท่านั้น และที่สำคัญเบื้องหลังของเสือและหมาป่าเหล่านี้ยังมีกองทัพทหารเกราะเหล็กที่กล้าหาญที่สุดของต้าจิ้นด้วย และพวกเขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน!
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เนี่ยเทียนโฉวเผชิญหน้ากับกองทัพเกราะเหล็กแบบซึ่ง ๆ หน้า
ตอนนั้นทหารของต้าจิ้นกับตระกูลกู้แห่งหลงซีถูกฝังอยู่ในดินแดนแห่งนี้! ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันแห่งการล้างแค้น!
กองทัพทหารเกราะเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนเปรียบเสมือนมังกรยักษ์ที่ทะยานเข้าหาแสงไฟ แค่ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา ประสบการณ์ในการต่อสู้ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เพียงพอที่จะทำให้กองทัพทหารซู่โจวเหล่านี้ล่าถอยได้แล้ว
“เหล่าทหารกล้า! เด็ดหัวของเนี่ยเทียนโฉวมาสังเวยดวงวิญญาณนับแสนดวงของพี่น้องเราชาวต้าจิ้นซะ! สวรรค์รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ต้าจิ้นจะยึดดินแดนของเราคืนมา! เทพยดาฟ้าดินจงรับรู้ กองทัพทหารเกราะเหล็กขอสาบาน ณ ที่นี้ พวกเราจะสู้ไม่ถอย สู้กับศัตรูให้ถึงที่สุด! ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน!”
ขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม เสียงกลองศึกดังสนั่น ทุกที่ที่พวกเขาเคลื่อนผ่านต่างก็มีหัวคนกระเด็นไปทั่ว เพื่อเป็นเครื่องยืนยันพวกเขาจึงได้ตัดหัวตัดหูของคนเหล่านั้นมาด้วย!
หลังจากยึดครองได้แล้วก็ปักธงทหารลงไป เพียงพริบตากำแพงเมืองทั้งสี่ด้านก็พังลงมาสามด้านแล้ว ความเร็วในการล่าถอยของเนี่ยเทียนโฉวก็ยังสู้ความเร็วของกองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ได้
“เทียนโฉว!” หลิ่วเผิงนำทหารมาสมทบ
ส่วนเซียงโจวและหลินโจวก็กำลังรีบมาช่วยเช่นกัน
ส่วนทัพใหญ่ของเผ่าถูกู่หุนก็กำลังรอพวกเขาอยู่ที่ป้ายหลักเขตแดน!
แต่ฉงโจวนั้นตั้งอยู่ห่างไกล พวกเขายังไม่ทันรวมพล ก็ได้ยินเสียงกองทัพถู่เจียมาประชิดอยู่ที่นอกเมืองแล้ว
ทางด้านซุนเฉียนกับติงหม่านก็ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย จนแทบจะเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อรุ่งเช้ามาถึง พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ!
เมื่อมองไกลออกไปก็พบว่า ธงทหารสีดำของกองทัพทหารเกราะเหล็กได้ปักอยู่บนจุดสูงสุดของกำแพงเมืองซู่โจวแล้ว!
ขณะที่เนี่ยเทียนโฉวได้ไปกับหลิ่วเผิงและละทิ้งเมืองเพื่อหนีไปที่อู่โจว ทว่าเบื้องหน้านั้นกองทัพเจิ้นเป่ยที่กำลังรอพวกเขาอยู่ก็มองมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย!
“แย่แล้วขอรับ! มีการซุ่มโจมตีที่ด้านหน้าขอรับ!” สายลับของหลิ่วเผิงมารายงาน และเมืองที่เหลือเหล่านั้นก็เอาตัวเองไม่รอดแล้ว เผ่าถูกู่หุนแปรพักตร์ก่อนการสู้รบ ส่วนพวกถู่เจียจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ทว่ากลับไม่ได้บุกโจมตีแต่อย่างใด เพียงแต่ประจำการอยู่ที่ตรงนั้นและคอยสกัดกั้นไม่ให้คนที่เหลือเหล่านั้นมาสมทบได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้ทีละเมืองแล้ว!
“เผยยวน! เผยยวน เจ้า!!” เนี่ยเทียนโฉวเอ่ยด้วยความเคียดแค้นใจ
หลิ่วเผิงเองก็โมโหไม่น้อย ตอนนี้เขากลับเมืองไม่ได้อีกแล้ว และนึกเสียใจเป็นอย่างมาก ตอนนั้นไม่ควรขัดแย้งกับติงหม่านเลยจริง ๆ
“ไป ไปที่หุบเขาวิญญาณ!”
หุบเขาวิญญาณเป็นอาณาเขตของพวกเขา! ไปที่นั่นอาจจะสามารถหลบหนีจากการล้อมจับของกองทัพทหารเกราะเหล็กได้!
และที่ตอนนั้นหลงซีทั้งแปดเมืองสามารถสังหารทหารจำนวนมากได้ ก็เพราะมีหุบเขาวิญญาณ
‘หุบเขาวิญญาณ’ คือหุบเขาที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาขนาดใหญ่หลายลูก มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก หน้าผาทั้งสองด้านสูงตระหง่าน เต็มไปด้วยหินที่ขรุขระและแหลมคม หลังจากเข้าไปแล้วอาจหลงทางได้ง่าย ทั้งยังมีพิษตามธรรมชาติซ่อนอยู่อีกด้วย หากถูกขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาที่ต้องอยู่ติดกับหุบเขาวิญญาณ จึงได้ทำการค้นคว้ายาถอนพิษเอาไว้นานแล้ว
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ มู่หรงเจี๋ยและมัวเอ๋อร์เก๋อซางก็เป็นพวกเดียวกับเผยยวนด้วย ดังนั้นจึงบีบให้พวกเขาสองคนออกมาจากเมืองและต้องเข้าไปหลบในหุบเขาวิญญาณ
ที่นั่นมีคนวางกับดักเอาไว้ตั้งนานแล้ว รอให้คนพวกนั้นจิตใจพังทลายลงแล้วเริ่มหันไปเข่นฆ่ากันเอง พวกเขาก็แค่รอตัดหัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เผยยวนต้องการให้พวกเขาได้ลิ้มรสเหมือนในตอนนั้น ที่พวกเขาบีบให้ทหารต้าจิ้นเข้าไปในหุบเขาแห่งนี้ โดยไม่มีน้ำหรืออาหาร เผยยวนอยากให้พวกเขาได้สัมผัสดูกับชัยชนะที่พวกเขาเคยภาคภูมิใจว่าได้สังหารเหล่าทหารที่ปกป้องบ้านเมืองเหล่านั้น!
เขาจะต้องเอาคืนให้หมด!