ตอนที่ 1532 วาสนา
หลู่ไท่เว่ยได้ยินคำกล่าวนี้จึงตะลึงไปทันที ไม่นานเขาก็โมโหจนหน้าขาวซีด เขาผุดลุกจากเก้าอี้ หันมองซ้ายขวาเพื่อหาของเขวี้ยงใส่หลานชายตัวดี ทว่า หาไม่เจอจึงทำได้เพียงชี้นิ้วสั่นเทาไปที่ร่างของหลู่หยวนเผิง
“สารเลว! เจ้าไปล่วงเกินสตรีของตระกูลใดเข้า!”
หลู่ไท่เว่ยเข้าใจผิดคิดว่าหลู่หยวนเผิงล่วงเกินสตรีของตระกูลอื่น เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วจึงมาขอให้ปู่อย่างเขาช่วยไปสู่ขอสตรีผู้นั้นให้ตน
“ท่านปู่!”
หลู่หยวนเผิงตกใจกับท่าทีของปู่ตัวเองเช่นกัน เขาเบิกตาโพลงมองไปทางปู่ของตัวเอง
“เหตุใดท่านจึงคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นขอรับ แม้ปกติข้าจะไม่ค่อยเอาไหน ทว่า ข้าไม่มีทางข่มเหงรังแกสตรีแน่นอนขอรับ!”
หลู่ไท่เว่ยตั้งสติคิดตามแล้วก็เห็นด้วยกับคำกล่าวของหลานชาย ทว่า เมื่อลองคิดอีกด้านก็เริ่มปวดหัวขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าตกลงปลงใจกับนางแล้วอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า…มีสิ่งใดเกินเลยกันแล้วหรือไม่…”
หลู่หยวนเผิงเห็นปู่ของตนโมโหจนกล่าวคำไม่เป็นประโยคจึงรีบยกมือขึ้นสาบาน
“ไม่มีสิ่งใดเกินเลยแน่นอนขอรับ ข้าให้เกียรตินางมาก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลานของท่านชอบนาง ทว่า ตอนนี้ตระกูลของนางกำลังหาคู่ครองให้นาง ข้าจึงเริ่มร้อนใจ ท่านปู่ต้องช่วยข้านะขอรับ!”
หลู่หยวนเผิงก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง
ในที่สุดหลู่ไท่เว่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นท่าทีของหลานชายก็นึกสงสารขึ้นมา หลานชายของเขาควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ ฝ่ายสตรีไม่รู้ว่าหลานชายของเขาชอบนาง เช่นนี้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้จึงทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้กัน!
แม้หลู่ไท่เว่ยจะถูกใจบุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้ง ทว่า สุดท้ายก็ต้องให้เจ้าเด็กนี่เห็นด้วยถึงจะถูก โชคดีที่สองตระกูลยังไม่ได้ทำให้เรื่องโจ่งแจ้ง เขาแค่ส่งหลู่จิ้นไปสอบถามความเห็นของเว่ยปู้จิ้งเท่านั้น หากเขาไปสู่ขออย่างเปิดเผยแล้วหลานชายตัวดีของเขาเกิดมีสตรีในใจแล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อแต่งบุตรสาวของเว่ยปู้จิ้งเข้ามาเจ้าหลายชายของเขาคงไม่ใส่ใจนาง เช่นนั้นเขาคงรู้สึกผิดต่อเว่ยปู้จิ้งมาก
หลู่ไท่เว่ยซึ่งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกคิดว่าในเมื่อหลู่หยวนเผิงมีนางในดวงใจแล้วเช่นนั้นก็ทำให้เขาสมหวังก็สิ้นเรื่อง ทว่า อย่างน้อยเขาก็คงต้องไปขอขมาเว่ยปู้จิ้งด้วยตัวเอง
“เจ้าดูสภาพของเจ้าในตอนนี้สิ! แค่หาคู่ครองเท่านั้น ยังไม่ได้หมั้นหมายเสียหน่อย เจ้ารีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! บุรุษไม่ควรแสดงออกทางสีหน้าให้คนอื่นจับความรู้สึกได้เช่นนี้ เจ้าดูพี่ชายของเจ้าแล้วดูเจ้าในตอนนี้สิ ลุกขึ้นมากล่าวกับข้าดีๆ!”
หลู่ไท่เว่ยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การชอบสตรีของตระกูลอื่นดีกว่าการก่อเรื่องใหญ่เป็นไหนๆ หลู่ไท่เว่ยกล่าวเสียงสงบกว่าเดิม
“การมีสตรีที่ชอบมิใช่เรื่องใหญ่อันใด ขอเพียงพวกเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดประเพณี ตระกูลของฝ่ายหญิงเป็นตระกูลใสสะอาดก็พอ เจ้าส่งคนไปสอบถามความเห็นของนางก่อน หากนางตกลง ค่อยส่งคนไปสู่ขออย่างเป็นทางการ”
ในสายตาของหลู่ไท่เว่ยแม้หลู่หยวนเผิงจะไม่เอาไหนไปหน่อย ทว่า เขาไม่ใช่เด็กเลวร้าย ขอเพียงอีกฝ่ายเป็นคนดี ตระกูลสะอาด ด้วยฐานะของตระกูลหลู่ในตอนนี้พวกเขาก็ควรไปสู่ขอนางให้หลู่หยวนเผิงอย่างเป็นทางการ
หลู่จิ่นเสียนเดินเข้ามาด้านในก็ได้ยินบิดาของตัวเองกำลังเอ่ยเรื่องการแต่งงานของหลู่หยวนเผิง ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนว่าเจ้าตัวดีของพวกเขามีสตรีในดวงใจแล้ว…
หลู่จิ่นเสียนทำความเคารพบิดาของตัวเอง จากนั้นกล่าวกับหลู่หยวนเผิงยิ้มๆ
“เสี่ยวลิ่วของพวกเราโตแล้ว มีนางในดวงใจถือเป็นเรื่องดี เจ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้ายังนึกว่าเจ้าไปก่อเรื่องอันใดมาเสียอีก”
หลู่จิ่นเสียนคือลุงใหญ่ของหลู่หยวนเผิง เขารักและเอ็นดูหลู่หยวนเผิงมาโดยตลอด ปัญหาที่หลู่หยวนเผิงก่อส่วนใหญ่ล้วนเป็นหน้าที่ของหลู่จิ่นเสียนคอยตามแก้ กล่าวได้ว่าหลู่จิ่นเสียนเห็นหลู่หยวนเผิงเป็นดั่งบุตรชายแท้ๆ ของตน ในเมื่อตอนนี้หลานชายของเขามีสตรีในดวงใจแล้ว ลุงอย่างเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าสตรีผู้นั้นคือสตรีของตระกูลใด
หลู่จิ่นเสียนเป็นบิดาของตนนั่งจิบชาด้วยท่าทีสงบจึงเอ่ยถามแทนบิดาของตน
“เสี่ยวลิ่วหลงรักสตรีของตระกูลใดกัน ลองบอกให้ข้าฟังที หากตระกูลของนางใสสะอาด ข้าจะให้ป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้าไปลองหยั่งเชิงให้”
ได้ยินหลู่จิ่นเสียนกล่าวเช่นนี้หลู่หยวนเผิงก็ยิ่งหวาดกลัว เขาเม้มปากแน่น เมื่อเห็นสายตาของลุงใหญ่สื่อให้ตนรีบเอ่ยปากบอกท่านปู่ เขาจึงมองไปทางท่านปู่ที่กำลังนั่งดื่มชาด้วยท่าทีสงบ จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างตัดสินใจได้
“คุณหนูสี่ตระกูลไป๋…”
เมื่อหลู่ไท่เว่ยได้ยินคำว่าตระกูลไป๋ก็แทบพ่นน้ำชาในปากออกมา น้ำชาหกรดเสื้อของเขาจนเปียกชื้น ทว่า หลู่ไท่เว่ยผุดลุกขึ้นยืนโดยไม่สนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของตัวเอง เขามองไปทางหลานชายที่กำลังจ้องมาที่เขาด้วยความตกใจ จากนั้นเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งอย่างไร้มาดของไท่เว่ยแห่งแคว้น
“เจ้าว่าผู้ใดนะ ผู้ใดนะ!”
หลู่หยวนเผิงย่นคอลงพลางกล่าวด้วยเสียงเบาหวิว
“ท่านปู่ บุรุษไม่แสดงออกทางสีหน้าขอรับ ท่านกล่าวเองนะขอรับ!”
“สีหน้า?”
หลู่ไท่เว่ยไม่ได้กล่าวคำว่าบ้าบอออกมา เขาเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะ ชี้นิ้วไปทางหลู่หยวนเผิงจนหลู่หยวนเผิงรีบคลานถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัวพลางกล่าวขึ้น
“ท่านปู่ ท่านปู่ ข้าชอบเสี่ยวซื่อของตระกูลไป๋ขอรับ ชาตินี้ข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดนอกจากนาง เสี่ยวซื่อคือน้องสาวที่พี่สาวไป๋รักมากที่สุด! ยามออกรบพี่สาวไป๋จะพานางไปด้วยเสมอ พี่สาวไป๋เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนไปช่วยชีวิตเสี่ยวซื่อที่สงครามในต้าเหลียง ตระกูลสูงศักดิ์มากมายอยากแต่งงานกับนาง ทว่า พวกเขาไม่ได้รักนางจริงๆ มีเพียงข้าเท่านั้นที่รักนางจริงๆ ขอรับ!”
หลู่ไท่เว่ยได้ยินคำกล่าวของหลู่หยวนเผิงไม่เพียงไม่คลายโทสะ กลับเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม เขาหยิบแส้ที่วางอยู่ข้างกายเตรียมฟาดใส่หลู่หยวนเผิง
“ผู้ใดให้เจ้าเรียกฝ่าบาทว่าพี่สาวไป๋! นั่นคือจักรพรรดินีของต้าโจว คือเกาอี้อ๋องของต้าโจว! เจ้าเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! เกาอี้อ๋องใช่คนที่เจ้าจะอาจเอื้อมได้อย่างนั้นหรือ!”
หลู่จิ่นเสียตกใจเช่นเดียวกันที่รับรู้ว่าหลู่หยวนเผิงชอบเกาอี้อ๋อง ทว่า แม้หลู่ไท่เว่ยจะประกาศกร้าวแล้วว่าให้บุรุษของตระกูลหลู่แต่งงานกับสตรีที่มาจากตระกูลขุนนางที่ไม่สูงเกินระดับสาม แต่หลู่จิ่นเสียนก็อยากให้ตระกูลหลู่ไปได้ไกลกว่านี้อยู่ดี เขาคิดว่าในเมื่อฝ่าบาททรงไว้ใจตระกูลหลู่ ตระกูลหลู่ก็ยิ่งควรวางแผนอนาคตให้ตระกูลของตัวเองถึงจะถูก หากบุรุษในตระกูลได้เป็นดองกับราชวงศ์ อนาคตของตระกูลหลู่ถึงจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม
“ท่านพ่อขอรับ”
หลู่จิ่นเสียนรีบถลาเข้าไปปกป้องหลู่หยวนเผิง จากนั้นยืนเผชิญหน้ากับบิดาของตัวเอง
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งร้อนใจไปขอรับ ฟังหยวนเผิงกล่าวให้จบก่อนเถิดขอรับ ไม่แน่หยวนเผิงกับเกาอี้อ๋องอาจมีใจให้กันก็ได้นะขอรับ เช่นนั้นพวกเราก็ควรทำให้พวกเขาสมปรารถนานะขออับ พวกเราจะทำลายความสุขของเด็กๆ เพียงเพราะต้องทำทุกสิ่งด้วยความรอบคอบไม่ได้นะขอรับ การแต่งงานคือเรื่องใหญ่ แม้พ่อแม่จะมีอำนาจตัดสินใจการแต่งงานของลูกๆ ทว่า พวกเราก็ควรรับฟังความคิดของเด็กๆ ด้วยนะขอรับ”