ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 283 นางกำลังคิดอะไรอยู่?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 283 นางกำลังคิดอะไรอยู่?

สุดท้ายหลิงเยว่ก็รับภารกิจที่ฟังดูแล้วเป็นไปไม่ได้นี้อย่างจนใจ

“มีความคิดอะไรบ้างหรือยังล่ะ? มีอะไรให้ข้าช่วยบ้าง?”

“ไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ…”

หลิงเยว่มองซากศพอสูรทั่วพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่านนั้น เพื่อให้นางได้ศึกษาเนื้ออสูรหรือสุราปราบมารอย่างเต็มที่ พวกเขาจึงลงสนามรบด้วยตนเอง แล้วนำซากศพเหล่านี้มากองให้นางมากมาย

เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้ออสูรเน่าเสีย พวกเขายังใช้ม่านพลังที่ดีที่สุดป้องกันพวกมันเอาไว้

“นอกจากเนื้ออสูรแล้ว ยังต้องการอย่างอื่นอีกไหม?”

หลิงเยว่ส่ายหัว ตอนนี้สมองของนางว่างเปล่าจริง ๆ ใครจะทำให้วัตถุดิบปรุงอาหารมีสติปัญญาและแข็งแกร่งได้กัน?!

มันยากยิ่งกว่าภารกิจจากระบบเสียอีก อย่างน้อยภารกิจจากระบบส่วนใหญ่ยังสามารถทำสำเร็จได้

“ระบบ ช่วยออกความคิดหน่อยสิ?”

ระบบแกล้งตายเฉย?

“ระบบ ทำไมช่วงนี้ไม่ออกมาประกาศภารกิจเลยล่ะ?”

[ยังไม่ถึงเวลา]

“ระบบ คิดว่าส่วนไหนของร่างกายอสูรแข็งแกร่งที่สุด?”

[ฟัน]

หลิงเยว่ ถามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างชิงยวนและอาจารย์ใหญ่อีกครั้ง

“ต้องดูว่าเป็นอสูรร้ายประเภทไหน”

“เต่าน้ำแข็งเกราะเหล็กมีเปลือกแข็งที่สุด ส่วนอสูรที่มีเขี้ยว แน่นอนว่าฟันจะแข็งแกร่งกว่า…”

สิบกว่าคนพูดคนละอย่างสองอย่าง อสูรร้ายแต่ละประเภทมีส่วนที่แข็งแกร่งของร่างกายแตกต่างกัน

“ไม่สู้เอามาลองดูก่อนดีไหม?”

ลู่เว่ย อดีตอาจารย์ใหญ่สำนักกลั่นโอสถเหอตงเสนอ

“ใช่ ๆ ดูซิว่าจะกลั่นมันเข้าด้วยกันได้ไหม?”

เหล่านักกลั่นโอสถอาวุโสมีความสามารถในการลงมือทำสูง เมื่อพูดถึงการกลั่น พวกเขาก็เริ่มการกลั่นทันที

“งานนี้ควรให้ยอดเขาหลอมศาสตรามาทำมากกว่า” ชิงยวนไม่พอใจ เกล็ด ฟัน และกระดูก โดยปกติเป็นวัสดุที่ยอดเขาหลอมศาสตราใช้กลั่นเพื่อสร้างศาสตราวุธ

“อาจารย์ เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ!” หลิงเยว่จับมือชิงยวนด้วยความตื่นเต้น

ชิงยวนพูดซ้ำอีกครั้ง

“งั้นศาสตราวุธพวกนั้นจะใช้เป็นจุดศูนย์กลางของม่านพลังได้ไหมเจ้าคะ?”

“ได้”

ผู้อาวุโสมู่ตอบ

“พวกเรารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ การใช้วัสดุจากปีศาจมากลั่นเป็นศาสตราวุธ ไม่เพียงแต่ไม่มีผลในการขับไล่พลังปีศาจ แต่ยังจะทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปีศาจด้วย วิธีนี้ใช้ไม่ได้”

ผู้ที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่มานาน จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะไม่เคยคิดถึงปัญหานี้?

อาวุธปีศาจนั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่น่าเสียดายนัก…

“แล้วถ้าเติมสุราปราบมารสูตรพิเศษลงไปในกระบวนการผลิตอาวุธปีศาจล่ะเจ้าคะ?”

“สุราปราบมารสูตรพิเศษมีผลน่าทึ่งยิ่งกว่าสุราปราบมารงั้นหรือ?”

“คิดว่าเป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ…”

หลิงเยว่มองซากศพสัตว์อสูรมานานหลายวัน นางมีความคิดบางอย่างจริง ๆ แต่จะทำเป็นสูตรพิเศษได้หรือไม่ คงต้องลองใช้สุราปราบมารที่มีฤทธิ์ในการปราบปีศาจเป็นหลักก่อนถึงจะรู้

“ข้าจะไปลองดูเจ้าค่ะ!”

ก่อนจะจากไป หลิงเยว่ยังเอาแหวนมิติของพวกสัตว์อสูรติดตัวไปด้วย

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่จึงหยุดกลั่นวัตถุดิบเหล่านั้นด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่จำเป็นต้องให้เหล่านักกลั่นโอสถลงมือแล้ว การผลิตศาสตราวุธนั้น แน่นอนว่าต้องให้พวกหลอมศาสตราวุธมาทำเองสิ!

ดังนั้น เหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังฆ่าอย่างบ้าคลั่งในสนามรบจึงถูกลากมาที่กองซากศพสัตว์อสูร และถูกขอให้เอาวัสดุที่ใช้ได้ออกมา ส่วนเนื้อนั้นก็ไม่ปล่อยให้เสียเปล่า ศิษย์ของสำนักและเหล่านักกลั่นโอสถจัดการแปรรูปให้เป็นอาหารขับไล่พลังปีศาจแสนอร่อยเอง!

“ให้หลอมศาสตราวุธปีศาจแถมยังเป็นสิบแปดชิ้นระดับสูงสุดขึ้นไปอีกหรือ?!” เจ้าสำนักยอดเขาหลอมศาสตรารู้สึกว่าข้อเรียกร้องของผู้อาวุโสมู่นั้นไร้เหตุผลเกินไป!

“เจ้าแค่บอกมาว่าทำได้หรือไม่ก็พอ ถ้าทำไม่ได้ข้าจะไปขอความช่วยเหลือจากนักหลอมศาสตราวุธสำนักอื่น”

ท่านอาจารย์มู่พูดจบก็กำลังจะเดินจากไป

ไปขอความช่วยเหลือจากนักหลอมศาสตราวุธสำนักอื่นงั้นหรือ? ในเมื่อนิกายของตัวเองมียอดเขาหลอมศาสตราอยู่ แต่กลับจะออกไปขอความช่วยเหลือจากนิกายอื่น นั่นไม่ใช่การเหยียบหน้าพวกเขาหรอกหรือ?

“รอก่อนเถิด ท่านผู้อาวุโส แน่นอนว่าพวกข้าทำได้ ถ้าท่านต้องไปขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่น คงต้องใช้หินวิญญาณไม่น้อย แต่สำนักของเราท่านไม่ต้องเสียเงินเลย” เจ้าสำนักยอดเขาหลอมศาสตรายิ้มแหย

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาจะไม่ยุ่งกับอาวุธปีศาจเด็ดขาด เพราะการสร้างอาวุธปีศาจนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกปีศาจครอบงำ แต่ตอนนี้มีอาหารขับไล่พลังปีศาจแล้ว ความกังวลในเรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

สองเดือนผ่านไป ลูกศิษย์ของยอดเขาหลอมศาสตราได้เตรียมวัสดุสำหรับอาวุธปีศาจเรียบร้อยแล้ว แต่หลิงเยว่ที่กำลังเก็บตัวบำเพ็ญนั้นยังไม่ปรากฏตัว

เดือนที่สาม เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฏเมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณที่หลิงเยว่เก็บตัว แม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือน

ท่ามกลางเปลวไฟและหมอกควันหนาทึบ ร่างมนุษย์สีดำสนิทกำลังคลานออกมาอย่างยากลำบาก

ผู้คนที่กำลังจะไปช่วยเหลือต่างเงียบกริบ

ชิงยวนและโม่จวินเจ๋อรู้สึกว่าภาพนี้คุ้นตานัก เหล่าศิษย์จากเมืองฮั่วหยางก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก คนที่ระเบิดจวนเจ้าเมืองกลับมาแล้ว

“ศิษย์น้องห้า เจ้าเก็บตัวบำเพ็ญเพื่อจะกลั่นโอสถหรอกหรือ?”

หลงหว่านโหรวช่วยพยุงหลิงเยว่ที่กลายเป็นคนผมระเบิดตัวดำขึ้นจากพื้น

กลั่นโอสถงั้นหรือ? ไม่ใช่ ๆ หลิงเยว่ไม่ได้กลั่นโอสถ เพียงแต่พยายามกลั่นอาวุธปีศาจอยู่ต่างหาก น่าเสียดายที่เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการ นางคงทำไม่ได้แล้ว นางไร้ประโยชน์เกินไป…

“หรือว่ากำลังหลอมศาสตราวุธ?”

หลิงเยว่ชูนิ้วโป้งให้โม่จวินเจ๋อ เขาช่างฉลาดจริง ๆ!

ในตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่บรรยายได้ยาก นางไม่เคยเรียนการหลอมศาสตราวุธมาก่อน แต่กลับคิดจะหลอมศาสตราวุธงั้นหรือ? ช่างน่าขำ!

คิดว่าการกลั่นโอสถและการหลอมศาสตราวุธมีขั้นตอนเหมือนกันหรือไง?

“เจ้าทำสุราปราบมารสูตรพิเศษเสร็จแล้วหรือ?”

ผู้อาวุโสมู่ที่กระตือรือร้นที่สุดกล่าวขึ้น ตามหลังเขายังมีปรมาจารย์ด้านการหลอมศาสตราวุธที่มีชื่อเสียงในโลกผู้บำเพ็ญเซียนติดตามมาอีกหลายคน

“ทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลิงเยว่เกาหัวด้วยความรู้สึกผิด “แต่ว่าข้าเพิ่งลองดูเมื่อกี้ มันไม่สำเร็จ…”

พอพูดประโยคหลังจบ หลิงเยว่ก็โดนดูถูก

นางจึงต้องยอมส่งมอบสุราปราบมารสูตรพิเศษอย่างว่าง่าย มีเพียงโถเล็ก ๆ ใบเดียว แต่โถนี้มีค่าเท่ากับสุราปราบมารหมื่นโถ “อย่าใช้เยอะเกินไปนะเจ้าคะ มากสุดแค่หยดเดียวก็น่าจะพอแล้ว”

ผู้อาวุโสมู่ที่ได้รับสุราปราบมารสูตรพิเศษมาแล้ว เขาจึงพาปรมาจารย์ทั้งหลายเริ่มต้นหลอมศาสตราวุธทันที

ดังนั้น ภายในค่ายของสำนักหลานเทียนจึงมีเสียงระเบิดดังขึ้นทุกวัน

“เห็นไหม พวกปรมาจารย์ก็ระเบิดเตาเหมือนกัน แล้วยังจะมาหัวเราะเยาะข้าอีก ฮึ่ม!”

หลิงเยว่ที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่นักเรียนนำมาให้พูดอย่างสะใจ

“ศิษย์น้องหลิง เจ้ายังมีสุราปราบมารอะไรนั่นอยู่อีกไหม?” ลู่เป่ยเหยียนถามอย่างลังเล แต่สายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

“ศิษย์พี่อยากลองเหรอ?”

ลู่เป่ยเหยียนพยักหน้าอย่างแรง

หลิงเยว่จึงให้เขาไปสองหยด

“เอาอะไรให้เขา เสียของหมด!”

อวี้เจินที่กำลังกัดขาของสัตว์อสูรรู้สึกไร้คำพูด มีหลายคนที่เป็นปรมาจารย์หลอมศาสตราวุธยังทำไม่สำเร็จเลย ลู่เป่ยเหยียนที่เพิ่งจะเป็นนักหลอมศาสตราวุธระดับกลางจะทำได้อย่างไร?

“หากทำสำเร็จขึ้นมาล่ะ!” ว่านอวี้เฟิงยังคงเชื่อใจเพื่อนรักของตน

“อืม เผื่อเขาจะทำได้ขึ้นมา” โม่จวินเจ๋อคล้อยตาม

“ไม่ได้ ข้าต้องไปดูแลเขา!”

อวี้เจินพูดจบก็วิ่งไป หลิงเยว่ที่สนใจเรื่องการหลอมศาสตราวุธอยู่แล้วจึงตามไปด้วย

ในตอนที่ทั้งสองมาถึงพื้นที่หลอมศาสตราวุธ มีชายชราผมยุ่งเหยิงกอดลูกสีดำกลม ๆ ตะโกนว่า “สำเร็จแล้ว! ข้าสามารถหลอมศาสตราวุธขับไล่ปีศาจชั้นยอดได้แล้ว!”

“ฮ่า ๆ ๆ! ไม่คิดว่าชีวิตนี้ของข้าจะใช้สัตว์อสูรมาทำศาสตราวุธขับไล่ปีศาจได้สำเร็จ ฮ่า ๆ ๆ! พวกปีศาจจงหวาดกลัวเสียเถิด!”

ชายชราตกอยู่ในภาวะคลุ้มคลั่งทันที

นักหลอมศาสตราวุธทุกคนหยุดการเคลื่อนไหว สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ พวกเขาทำสำเร็จจริง ๆ เหรอ?!

“ศาสตราวุธชิ้นนี้มีพลังขับไล่ปีศาจที่ทรงพลัง แต่น่าเสียดายที่… ไร้จิตวิญญาณ”

ผู้อาวุโสมู่มีสีหน้าผิดหวังยิ่งนัก

หากศาสตราวุธไร้จิตวิญญาณ หมายความว่า มันไม่สามารถเป็นแกนกลางของม่านพลังสิบแปดชั้นได้

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท