ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 284 เจ้าดอกไม้สีดำนั่นหมายความว่ายังไง?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 284 เจ้าดอกไม้สีดำนั่นหมายความว่ายังไง?

แม้ว่าศาสตราวุธนี้จะไร้วิญญาณ แต่ไม่ได้ดับความกระตือรือร้นของเหล่านักหลอมศาสตราวุธเลย หลังจากได้รับสูตรศาสตราวุธที่ถูกต้องจากผู้อาวุโสแล้ว พวกเขาก็เริ่มแสดงฝีมืออย่างเต็มที่

หลิงเยว่ได้แส้ขับไล่ปีศาจชั้นยอดมาหนึ่งชิ้น นางลูบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ถือเป็นอาวุธชิ้นแรกของนาง ความรู้สึกเมื่อได้สัมผัสนั้น ช่างสะดวกสบายมาก

ในขณะที่นางกำลังจะเข้าสู่สนามรบพร้อมกับอาวุธใหม่ เพื่อเตรียมทดสอบพลังของมัน ดอกไม้เจ็ดสีก็กลืนแส้ลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

หลิงเยว่มองมือที่ว่างเปล่าทันใด นางตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!

เดี๋ยวก่อน… เจ้าดอกไม้สีดำนั่น หมายความว่ายังไงกัน!?

“ไม่อร่อยเลย!”

พูดจบ ดอกไม้เจ็ดสีก็คายแส้ออกมา เครื่องมือวิเศษกลายเป็นขยะสีดำสนิท แถมยังเปื้อนของเหลวใสน่ารังเกียจอีกด้วย

หลิงเยว่โกรธมาก นางชี้ไปที่ดอกไม้สีดำด้วยมือสั่นเทา

เมื่อดอกไม้เจ็ดสีรับรู้ได้ถึงความโกรธของหลิงเยว่ มันก็กลายเป็นแส้ขับไล่ปีศาจที่เหมือนกับอันเมื่อครู่ บินเข้าไปในมือที่สั่นเทานั้นทันที

“ข้าเก่งกว่ากองขยะนั่นตั้งเยอะ!”

หึ จริงหรือ? นางต้องลองดูสักหน่อยแล้ว!

หลิงเยว่กำแส้แล้วฟาดใส่ฝูงสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด แส้สีดำยาวปรากฏเงาลางของงูยักษ์กลืนฟ้า มันอ้าปากกลืนปีศาจโดยรอบจนหมดสิ้น

“???”

ไม่รู้สึกถึงประสบการณ์การต่อสู้เลย

หลิงเยว่คิดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า เพียงแค่โบกมือเบา ๆ โดยไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ มันก็ตีเองแล้ว

ศาสตราวุธนี่แข็งแกร่งเกินไป จนทำให้นางดูไร้ประโยชน์!

ดอกไม้สีดำตัวน้อยดูเหมือนจะพบว่าสัตว์อสูรก็ไม่แย่ มันลอยอยู่กลางอากาศ อ้าปากกว้างรอให้อาหารเข้าปากของมันเอง

“โอ้! ศิษย์น้องหลิง ศาสตราวุธของเจ้าช่างแข็งแกร่งนัก!”

อวี้เจินตกใจมาก จากนั้นก็น้ำลายไหลด้วยความอิจฉา นางยื่นคำร้องขอศาสตราวุธขับไล่ปีศาจเช่นกัน แต่สุราปราบมารนั้นหายากมาก และหากต้องการใช้การสังหารสัตว์อสูรแลกเปลี่ยนสักชิ้น ต้องใช้คะแนนถึงหนึ่งพันล้าน

สัตว์อสูรระดับต่ำมีตั้งแต่สิบถึงหนึ่งร้อยตัว ระดับกลางอยู่ที่หนึ่งหมื่นถึงหนึ่งล้าน นางต้องฆ่านานแค่ไหนกว่าจะแลกศาสตราวุธขับไล่ปีศาจสักชิ้น!

และหลิงเยว่ก็ให้สุราปราบมารสูตรพิเศษแก่อวี้เจินที่กำลังยืนน้ำลายไหล… “ท่านไปหาคนทำศาสตราวุธให้ โดยใช้เงินของตัวเองเถิด”

“ฮือ ๆ ศิษย์น้องหลิงช่างใจดีเหลือเกิน!” อวี้เจินซาบซึ้งจนน้ำตาไหล นางดึงหลิงเยว่เข้าไปในอ้อมกอดทันที จากนั้นนางจึงนำสุราปราบมารไปหาคนหลอมศาสตราวุธขับไล่ปีศาจให้อย่างกระตือรือร้น

ศาสตราวุธขับไล่ปีศาจมีประสิทธิภาพมากกับพวกปีศาจ และปีศาจที่ถูกสังหารจะไม่กลายเป็นหมอกปีศาจแล้วก่อตัวขึ้นใหม่ เพราะมันสามารถชำระหมอกปีศาจได้ด้วย!

หลิงเยว่ถอนหายใจ นางคิดจะเก็บดอกไม้สีดำตัวน้อยไว้ก่อน

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะกินต่ออีกสักพัก”

ถึงแม้จะพัฒนาแล้ว แต่ยังเลิกนิสัยตะกละไม่ได้อยู่ดี!

หลิงเยว่ไม่ได้สนใจมันแล้วหันหลังเดินจากไปทันที แต่ในตอนนั้นนางก็เผชิญหน้ากับดวงตาที่แทบจะหลุดออกมาของเจ้าสำนักยอดเขาหลอมศาสตราพอดี

เขาจำได้ว่าแส้ขับไล่ปีศาจที่ตนมอบให้หลิงเยว่ไปนั้นไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นเงาลวงตาของอสรพิษที่กลืนกินปีศาจได้สักหน่อย ตอนนี้ตนตาฝาดไปเองหรือ?

“ท่านไม่ได้ตาฝาดหรอกเจ้าค่ะ นั่นคือศาสตราวุธที่ท่านให้ข้ามา…”

เจ้าสำนักต้วนมองตามสายตาของหลิงเยว่ เห็นวัตถุสีดำที่ไม่รู้ว่าคืออะไรนอนอยู่ข้างเท้าของนาง เขาเกือบจะหายใจไม่ออก เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา แต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากส่งมอบไป มันก็กลายเป็นแบบนี้แล้วหรือ?

หลิงเยว่รู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตากับเขา มันเป็นความผิดของเจ้าดอกไม้สีดำนั่นแท้ ๆ แต่ทำไมนางต้องมารับผิดชอบด้วย!

“ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ ท่านเจ้าสำนัก”

หลิงเยว่ยิ้มแหย พร้อมกับยื่นขวดสุราปราบมารขนาดเล็กให้ คนที่กำลังจะเป็นลมจึงสงบลงได้

“ท่านมีอะไรจะให้ข้าทำหรือเจ้าคะ?”

เจ้าสำนักต้วนที่กำลังมึนงงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีธุระกับหลิงเยว่ “เลือดของสัตว์เทพผู้พิทักษ์…”

ยังพูดไม่ทันจบ หลิงเยว่ก็หายตัวไปแล้ว แม้แต่ดอกไม้สีดำก็ไม่สนใจ ทิ้งให้เจ้าสำนักยอดเขาหลอมศาสตราอยู่ตรงนั้น จ้องมองศาสตราวุธที่กำลังคลั่ง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ยิ่งมอง…

“เถาวัลย์ปีศาจ?”

เงาของงูยักษ์ได้ยินคำนี้ มันค่อย ๆ หันมาทางเจ้าสำนักยอดเขาหลอมศาสตรา และแก้ไขคำพูดของเขา “ข้าคือดอกไม้เกล็ดหิมะเจ็ดสี”

ดอกไม้เกล็ดหิมะเจ็ดสีจะมีพลังเหนือธรรมชาติของเถาวัลย์ปีศาจได้อย่างไร?!

เจ้าสำนักต้วนไม่เชื่อ แต่เขายินดีที่จะเชื่อมากกว่าว่านี่คือเถาวัลย์ที่สวมหน้ากากดอกไม้!

ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกอิจฉา แม้แต่เถาวัลย์ปีศาจที่ว่ากันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว หลิงเยว่ยังหาเจอ นางช่างเป็นผู้ที่โชคดีอย่างแท้จริง!

เมื่อเทียบกับเถาวัลย์ปีศาจแล้ว แส้ขับไล่ปีศาจนั่นคงกลายเป็นแค่ขยะ เจ้าสำนักต้วนจึงไม่รู้สึกโกรธแล้ว…

เมื่อเขากลับมา หลิงเยว่ก็ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าอ่างเลือดสัตว์เทพโบราณทั้งสามอ่าง ขณะที่ด้านหน้าอ่างเลือดมีสัตว์เทพโบราณสี่ตัวยืนอยู่ นั่นคือชิงหลง กิเลนไฟ เสวียนอู่และอิงหลง

“การทำชานั่นมีอะไรที่พวกข้าดูไม่ได้หรือ?” หนึ่งในหนุ่มหล่อเย็นชาผมยาวสีแดงเข้มที่เป็นกิเลนไฟพูดอย่างไม่พอใจ

“ใช่แล้ว พวกข้าแค่อยากดูไม่ได้เลยเหรอ?”

หลิงเยว่ยังคงลังเล เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงย และวิธีการกลั่นของเธอก็ค่อนข้างประหลาดเหมือนกัน…

“พวกท่านอยากดูจริง ๆ หรือ?”

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่พยักหน้า โดยมีชิงหลงพูดว่า “ถ้าปล่อยให้พวกเราดู แล้วพวกเรามีความสุข เจ้าอาจจะได้เลือดมากขึ้นก็ได้”

หลิงเยว่ใจอ่อนยวบอย่างน่าอับอาย การสร้างกองทัพสัตว์เทพโบราณกลุ่มหนึ่งช่างทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน ในที่สุดนางจึงพยักหน้า

หลิงเยว่พาสัตว์เทพโบราณทั้งสี่เข้าไปในห้องบำเพ็ญ แม้จะเรียกว่าห้องบำเพ็ญ แต่มันก็เป็นเพียงถ้ำที่ขุดเจาะเข้าไปในภูเขา ดูแล้วธรรมดามาก

หลิงเยว่หยิบเมล็ดพืชวิญญาณและดินเบญจธาตุออกมา เพื่อเริ่มเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ เมื่อสัตว์เทพโบราณทั้งสี่รับรู้ถึงพลังชีวิตที่หนาแน่นในอากาศ ร่างกายก็สั่นสะเทือนไปพร้อมกัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ เหล่าสัตว์เทพโบราณต่างหันมองหน้ากัน…

หลิงเยว่ดูเหมือนจะรู้สึกว่าความตกใจที่มอบให้สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ยังไม่เพียงพอ จึงหยิบไข่สัตว์วิญญาณออกมา แล้วเร่งให้ฟักเป็นลูกเสือตัวเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงป้อนเลือดสัตว์เทพโบราณให้มัน

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ “???”

ลูกสัตว์วิญญาณแบบนี้จะทนรับเลือดสัตว์เทพโบราณได้อย่างไร?

ควรจะระเบิดร่างตายไปแล้วสิ!

นี่คือเหตุผลที่หลิงเยว่ลังเล ไม่อยากให้สัตว์เทพโบราณมาดู ชาแปลงร่างสัตว์เทพโบราณไม่เพียงแต่ต้องใช้เคล็ดวิชาเร่งการเจริญเติบโต แต่ยังต้องใช้วิชาเร่งการฟักไข่ด้วย

และนางก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมลูกสัตว์วิญญาณธรรมดาถึงกินเลือดสัตว์เทพโบราณได้โดยไม่ระเบิดตัวตาย นี่อาจจะเป็นความน่ากลัวของวิชาเร่งการฟักไข่กระมัง?

เสือตัวน้อยที่ถูกป้อนเลือดสัตว์เทพโบราณมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เดิมทีมันเป็นเสือตัวน้อยขนสีเหลือง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นลูกสัตว์วิญญาณกิเลนไฟตัวเล็ก ๆ

กิเลนไฟตัวจริง “?”

กิเลนไฟตัวน้อยไม่ต้องให้หลิงเยว่ชี้นำ มันก็เดินไปหาสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์แล้วกินเข้าไปเคำใหญ่

“เจ้ากำลังจะใช้ลูกสัตว์เป็นตัวทดลองเพื่อทำชาเปลี่ยนร่างกิเลนไฟใช่ไหม?”

หลิงเยว่พยักหน้าให้อิงหลง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ขนาดตัวของลูกกิเลนไฟโตขึ้นมาก และสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ที่กินเข้าไปในร่างกายก็ย่อยหมดแล้ว ตัวของมันจึงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง…

กิเลนไฟที่ดูน่าเกรงขามตัวหนึ่งกลายเป็นหมอกสีแดงเข้มต่อหน้าทุกคน แล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างของหลิงเยว่ ส่วนหมอกที่เหลือรวมตัวกันเป็นหยดเลือดสีทองแดงเล็ก ๆ หยดหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

หลิงเยว่รีบใช้ขวดมารองรับไว้

ไม่คิดว่าครั้งแรกจะสำเร็จ ไม่มีการผิดพลาดแม้แต่น้อย!

“สำ… เร็จ?” กิเลนไฟไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้

ดูแล้วค่อนข้างง่ายทีเดียว…

“น่าจะสำเร็จแล้ว ลองออกไปหาคนลองดูสิ!”

หลิงเยว่ตื่นเต้นวิ่งออกไปข้างนอก

นางเพิ่งจะออกมาก็เจอติงหลิวหลิ่ว ผู่ตานและลู่เป่ยเหยียนที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอก ทั้งสามคนต่างจ้องมองขวดเล็กในมือของหลิงเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท