บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1411 กลับสู่ภพมนุษย์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1411 กลับสู่ภพมนุษย์

เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่านภูเขา ขณะที่แสงไฟเริงระบำอยู่บนท้องฟ้า

ทันใดนั้น ซุ่ยเหรินถิงก็ลุกขึ้นยืน กลิ่นอายฆ่าฟันปรากฏบนหว่างคิ้ว

“เจ้าเด็กนี้ทำลายแผนการของเราในภูมิภาคบรรลุเทพซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เราไม่เพียงแต่พลาดโอกาสที่จะได้รับผลวิญญาณเต๋าเท่านั้น เรายังเกือบเสียชีวิตด้วย มันสมควรตายจริง ๆ!” เสียงที่อำมหิตอย่างเย็นชาดังก้องไปทั่วฟ้าดินราวกับเสียงฟ้าร้อง และมันก็น่าสะพรึงกลัวยิ่ง

เมื่อได้ยินคำนี้ ความเกลียดชังอันขมขื่นก็ผุดขึ้นในดวงตาของเจี้ยงหลิงเซียวที่อ่อนโยนราวกับน้ำ และหวนนึกถึงเหตุการณ์ในภูมิภาคบรรลุเทพ

“นับว่าโชคดีที่มันไม่สายเกินไป” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซุ่ยเหรินถิงก็หายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่แสงอันเย็นชาแวบขึ้นมาในดวงตา “ศิษย์น้องเจี้ยง เหตุใดถึงแนะนำให้ข้าใช้ตระกูลจั่วชิวจัดการกับเจ้าเด็กนี่”

เจี้ยงหลิงเซียวพยักหน้า “เจ้าเด็กนี่สังหารบุตรชายคนโตของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลจั่วชิว ศิษย์พี่ ท่านจำเหตุการณ์ที่ผู้นำตระกูลจั่วชิวคนก่อนเสียชีวิต และนิกายอำนาจเทวะของเราก็เข้าแทรกแซงเรื่องนี้ได้หรือไม่?

ซุ่ยเหรินถิงไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง “เจ้ากำลังพูดถึงจั่วชิวเป่ยหยง?”

“แน่นอน! เจ้าเฒ่านั้นตั้งใจจะเข้าร่วมกับตระกูลเจี้ยงของเราเมื่อหลายปีก่อน แต่ถูกผู้นำตระกูลคนก่อนหยุดไว้ เพื่อเป็นการลงโทษ ผู้นำตระกูลจั่วชิวคนก่อนจึงถูกสังหารและตำแหน่งผู้สืบทอดของจั่วชิวเสวี่ยก็ถูกแย่งชิง หลังจากนั้นนางก็ถูกตีตรวนแห่งภัยพิบัติ และคุมขังไว้ในคุกเนตรเซียน”

เจี้ยงหลิงเซียวกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งกล่าวถึงความลับที่น่าพรั่นพรึง “หากพวกมันไม่ได้รับการสนับสนุนจากนิกายอำนาจเทวะของเรา ผู้นำคนปัจจุบันของอย่างจั่วชิวเฟิง ก็คงไม่สามารถควบคุมตระกูลจั่วชิวได้อย่างแน่นอน”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ นางยิ้มบาง ๆ ดูมีลับลมคมในอย่างยิ่ง “นี่คือหมากที่ท่านประมุขได้วางเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมตระกูลจั่วชิวในอนาคต เพราะถึงอย่างไร ตระกูลจั่วชิวก็เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลโบราณที่ยิ่งใหญ่”

ซุ่ยเหรินถิงเอามือลูบคาง ท่าทางดูครุ่นคิด แล้วพลันกล่าวว่า “เจ็ดนิกายใหญ่และเจ็ดตระกูลโบราณของภพเซียนนั้น คือกองพลังที่นิกายอำนาจเทวะทุ่มกำลังหมายยึดครองมาโดยตลอด ปัจจุบันสามในเจ็ดนิกายใหญ่ได้เข้าร่วมกับนิกายอำนาจเทวะแล้ว แต่มีเพียงตระกูลเจี้ยงที่เข้าร่วมกับนิกายของเราอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่อีกหกตระกูลสงวนท่าที จากสิ่งที่เจ้ากล่าวมานี้ ดูเหมือนว่าตระกูลจั่วชิวจะตกเป็นเป้าหมายของท่านประมุขแล้วกระมัง?”

เจี้ยงหลิงเซียวเผยท่าทางนับถือจากใจจริงขณะที่กล่าวว่า “ถูกต้อง ความสามารถในการอนุมานของท่านประมุขนั่นไร้ผู้เปรียบ และความสามารถในการวางแผนก็เหนือล้ำใต้หล้า หลังจากผ่านไปเนิ่นนานหลายปีและด้วยความสามารถของท่าน ตอนนี้ก็คงจะแทรกซึมเข้าไปทุกซอกทุกมุมของภพเซียนแล้ว”

ซุ่ยเหรินถิงพยักหน้าและเห็นด้วยอย่างยิ่ง ในใจของเขา ประมุขนิกายนั้นมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง และแทบไม่มีสิ่งใดในจักรวาลที่สามารถท้าทายเขาได้

“เช่นนั้น เจ้าจงไปติดต่อตระกูลจั่วชิว และให้พวกเขาจัดการกับเจ้าเด็กนั้นซะ หากจำเป็น เจ้าสามารถช่วยเหลือพวกมันได้” ซุ่ยเหรินถิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนที่จะสั่ง “แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นิกายอำนาจเทวะจะกลับมาปรากฏตัวโดยสมบูรณ์อีกครั้ง ดังนั้นหากไม่จำเป็น ก็ให้ศิษย์คนอื่นไปจัดการ”

“วางใจได้เลยศิษย์พี่” เจี้ยงหลิงเซียวพยักหน้า ทั้งตระหนักดีว่าภพเซียนในปัจจุบันได้ถือนิกายอำนาจเทวะเป็นศัตรูร่วมของพวกมัน เมื่อร่องรอยของนางถูกเปิดเผย ก็คงไม่อาจหลีกภัยอันตรายได้

“ไปเถิด” ซุ่ยเหรินถิงโบกมือและมองดูหญิงสาวจากไป

กระบี่เต๋าวิบัติ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก เขาเทพพยากรณ์… ทั้งที่ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี่ธรรมดามาก แต่ทำไมโชคของมันถึงมากมายปานนี้? หรือมันจะเป็นศิษย์ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล? หรือบางทีอาจเป็นศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์?

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ซุ่ยเหรินถิงก็กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไปยังศิษย์บริวารเต๋าปิงซื่อเทียน ให้มาพบข้าโดยเร็วที่สุด!”

คำพูดของเขาดังก้อง ขณะที่มันแผ่กระจายออกไป พุ่งทะยานสู่สวรรค์ชั้นฟ้า

ในไม่ช้า ก็มีดวงแสงปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นร่างอันหล่อเหลาก็ปรากฏขึ้น แล้วโค้งคำนับให้ซุ่ยเหรินถิงซึ่งนั่งอยู่บนยอดเขา “ศิษย์บริวารเต๋าปิงซื่อเทียน คารวะท่านอาจารย์ลุงซุ่ยเหริน”

คนผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ดวงตาเปี่ยมประกายศักดิ์สิทธิ์อันไร้ตัวตน เขาคือปิงซื่อเทียนนั่นเอง!

“ข้าจำได้ว่าเมื่อเจ้าเข้ามาในนิกาย เจ้าเคยพูดถึงการเป็นปฏิปักษ์กับศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เจ้ารู้เฉินซีหรือไม่?” ซุ่ยเหรินถิงถามอย่างตรงไปตรงมา

ปิงซื่อเทียนตกตะลึง จากนั้นความเกลียดชังที่ถูกผนึกไว้ ณ ก้นบึ้งหัวใจก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของเขาดูมืดมนยิ่ง

หลังจากนั้น เขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์ลุงซุ่ยเหริน เฉินซีเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกของศิษย์!”

“โอ้?” ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซุ่ยเหรินถิง แล้วเขากล่าวด้วยท่าทางสนใจ “ไหนลองว่าสิ”

ปิงซื่อเทียนเล่าถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างตนกับเฉินซีโดยไม่ปิดบัง ถึงขั้นเล่าถึงความรักที่มีต่อชิงซิ่วอี้อีกด้วย

ทันที่ทีกล่าวจบ เขาก็ครุ่นคิดในใจ หรือเฉินซีมันจะล่วงเกินอาจารย์ลุงซุ่ยเหริน? หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว!

เมื่อได้ยินเรื่องราวในอดีตทั้งหมดนี้ ซุ่ยเหรินถิงก็ครุ่นคิดอยู่นานเนิ่น ก่อนจะกล่าว “เพราะเหตุนี้ มันจึงขึ้นสู่ภพเซียนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของแดนภวังค์ทมิฬ?”

ปิงซื่อเทียนรีบพยักหน้า “ถูกแล้วขอรับ”

“ข้ามีบางอย่างที่จะไหว้วานเจ้า หากเจ้าสามารถทำได้สำเร็จ เมื่อเจ้ากลับมาที่นิกาย ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าออกจากตำแหน่งศิษย์บริวารเต๋า เจ้าเต็มใจหรือไม่?” สายตาของซุ่ยเหรินถิงจับจ้องไปที่ปิงซื่อเทียน พลางถามด้วยเสียงทุ้มลึก

หัวใจของปิงซื่อเทียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ความยินดีฉายชัดอยู่บนใบหน้า “ศิษย์เต็มใจขอรับ!”

ตั้งแต่เข้าสู่นิกายอำนาจเทวะ เขาเป็นศิษย์บริวารเต๋าระดับแนวหน้ามาโดยตลอด และเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้เต็มที เมื่อโอกาสอันยิ่งใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้า แล้วจะปฏิเสธมันได้อย่างไร?

ซุ่ยเหรินถิงพยักหน้า จากนั้นก็โยนตราคำสั่งลงไป “นำสิ่งนั้นและมุ่งหน้าไปยังสภาเซียนกลางเพื่อพบกับจักรพรรดิเซียนจื่อเหิง ขอให้เขาช่วยให้เจ้าได้รับประกาศิตของภพเซียน แล้วจงกลับไปที่แดนภวังค์ทมิฬ”

ขณะที่กล่าว เขาก็ดึงแผ่นหยกออกมาอีกแผ่นแล้วส่งให้ปิงซื่อเทียน “สิ่งที่ข้าอยากให้เจ้าทำ ถูกบันทึกไว้ในนี้แล้ว”

แดนภวังค์ทมิฬ?

หรือว่าเขาต้องการให้ข้าจัดการกับนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง?

คำถามมากมายผุดขึ้นในใจของปิงซื่อเทียน แต่การกระทำกลับไม่ได้ช้าเลย เขารีบรับตราคำสั่งและแผ่นหยกก่อนจะโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์ลุงซุ่ยเหริ่นโปรดวางใจ ข้ารับประกันว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”

ซุ่ยเหรินถิงโบกมือแล้วกล่าว “ไปเถิด ระวังและอย่าเปิดเผยตัวตนของเจ้า”

ที่ดินแดนเร้นลับนั้นในส่วนลึกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า

จานโบราณลอยอยู่กลางอากาศและเผยให้เห็นจุดแสงมากมาย พวกมันเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ขอบเขต ทั้งยังเปล่งประกายแวววาวอันรุ่งโรจน์

“เมื่อเจ้ากลับสู่ภพมนุษย์ผ่านจานข่ายหมื่นดาราแล้ว พลังของเจ้าจะถูกผนึกไปเก้าส่วน ถึงเวลานั้นก็ต้องระวัง อย่าใช้สมบัติอมตะและเคล็ดวิชาที่ร้ายแรงเกินไป มิฉะนั้น เจ้าจะถูกทำลายจากพลังของเต๋าแห่งสวรรค์”

หัวเจี้ยนคงรีบอธิบายข้อจำกัดบางอย่าง “นอกจากนี้ เมื่อใดที่เจ้าต้องการกลับสู่ภพเซียน เจ้าเพียงต้องวาดค่ายกลนี้ ซึ่งมันจะสร้างประตูที่นำไปสู่จานข่ายหมื่นดารา”

ขณะที่กล่าว เขาก็ส่งแผ่นหยกไปให้เฉินซี

ชายหนุ่มรับมันมา และพินิจจานข่ายหมื่นดาราด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วพลันถามว่า “ผู้อาวุโส แล้วข้าสามารถนำผู้บ่มเพาะจากภพมนุษย์กลับสู่ภพเซียนได้หรือไม่?”

หัวเจี้ยนคงเหลือบมองเฉินซี คล้ายเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้ “ผู้บ่มเพาะของภพมนุษย์ที่แอบเข้าสู่ภพเซียน จะถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมโดยเต๋าแห่งสวรรค์ และจะถูกทำลายล้างอย่างไร้ปรานี ทว่าทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้า”

เฉินซีตกตะลึงและสับสนเล็กน้อย

“ถ้าข้าจำไม่ผิด หม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์นั่นตกอยู่ในความครอบครองของเจ้าไม่ใช่หรือ?” หัวเจี้ยนคงย้ำเตือน

เฉินซีเข้าใจบัดดล “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”

หัวเจี้ยนคงยิ้มแล้วกดนิ้วเข้าหากัน เพื่อสร้างตราประทับที่ดูคลุมเครือ ก่อนจะแตะเบา ๆ ลงบนจุดแสงบนจานข่ายหมื่นดารา

โอม!

แสงริบหรี่ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นทางเดินที่ทอดยาวออกไปในอวกาศ

“จงรีบกลับมาล่ะ” หัวเจี้ยนคงกำชับ

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้า จากนั้นหยุดลังเลและก้าวเข้าสู่ทางเดิน แสงสว่างวาบ และเลือนหายไปพร้อมกับร่างของเฉินซี

หัวเจี้ยนคงตกอยู่ในห้วงภวังค์ ในท้ายที่สุด เขาก็นั่งขัดสมาธิและทำสมาธิต่อหน้าจานข่ายหมื่นดารา

วู~ วู~ วู~

เฉินซีรู้สึกราวกับว่ากำลังบินผ่านกาลเวลา ไม่เห็น และไม่รู้สึกสิ่งใด พร้อมกันนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังค่อย ๆ ถูกผนึกทีละน้อย

ชายหนุ่มพยายามต้านทานมัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดพลังผนึกได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าตนอยู่บนเส้นทางสู่ภพมนุษย์

ราชวงศ์ซ่ง!

ดินแดนทางใต้!

เมืองหมอกสน!

เหตุการณ์ที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในใจมากมาย ทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหวังเล็กน้อย เฉินฮ่าวและคนอื่น ๆ จะสบายดีหรือไม่?

การฝึกฝนของอวี๋เอ๋อร์และอันเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรบ้าง?

แล้วผู้อาวุโสจี้อวี๋ล่ะ?

ตู้ชิงซี ซ่งหลิน ต้วนมู่เจ๋อ ราชาเต่าเฒ่า ราชาจิ้งจอกเก้าหาง พี่ใหญ่เป่ยเหิง มู่เหยา และน้องชายของนางที่ชื่อเหยียนเยียน… พวกเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

ใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายฉายอยู่ในใจ ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลอยู่ในใจราวกับน้ำพุ มันทำให้หัวใจของเฉินซีเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันจนมึนงง

กาลเวลาผันผ่าน

เด็กหนุ่มจากเมื่อหลายปีก่อน ได้เติบโตจนกลายเป็นดาวดวงใหม่ที่น่าตื่นตาที่สุดในภพเซียน แต่ผู้คนเหล่านั้นจะยังจำเขาได้หรือไม่?

โอม!

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เฉินซีก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน พลังที่พยุงตัวเขาไว้หายไปฉับพลัน ร่างสูงใหญ่ตกลงไปในแม่น้ำจนเกิดเสียงดังกระหึ่ม

“กรี๊ดดดด!!!” เสียงร้องแหลมดังทะลุแก้วหู เผยให้เห็นถึงความตกใจและความหวาดกลัว มันทำให้เฉินซีตื่นตัว และทันทีที่ลืมตาขึ้น ก็พบกับปราณกระบี่ที่ฟันฉับลงมา

ทว่าประกายกระบี่นี้กลับอ่อนแอยิ่งนัก…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท