ตอนที่ 576 ดูถูก(2)
เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ มองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาทั้งสองเข้าใจทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น จึงทราบว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น จึงมองนักศึกษาจีนแสนสวยที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกว่าใช้ได้เลยทีเดียว
และหลินไคจงเห็นว่าฉินมู่หลานไม่เพียงแค่ชิงตำแหน่งคืนได้เท่านั้น แต่ยังเอาชนะได้อย่างสวยงาม สีหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากขึ้น เพียงแต่ตอนนี้คนอยู่เยอะ เขาจึงไม่ได้ยกยิ้มให้มองออกได้ชัดเจนนัก แล้วกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ทุกคนตามพวกเรามานะครับ ที่พักอยู่อีกไม่ไกลแล้ว อีกไม่นานเราก้จะถึงแล้ว”
ชิโยโกะและเอลล่าถูกฉินมู่หลานทำให้อับอาย ถึงแม้ว่าจะโกรธมากก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงก้าวเดินต่อไป
หลังจากคนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่พัก หลินไคจงก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เตรียมห้องให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว พวกคุณสามารถไปพักผ่อนก่อนได้ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะพาทุกคนไปกินอาหารกันครับ”
“ครับ รบกวนอาจารย์หลินแล้ว”
หวังโหย่วเหรินถือกระเป๋าเดินทาง ยิ้มแล้วกล่าวลาหลินไคจง จากนั้นก็เข้าไปพักผ่อนในห้อง
แต่เยวี่ยจงจีหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามว่า “นักศึกษาฉิน พวกเราเพิ่งเคยมาปักกิ่งครั้งแรก ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายนี้พวกเธอพาพวกเราไปเดินเล่นรอบ ๆ หน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย ตอนแรกเธอคิดว่าวันนี้แค่ไปรับคงจะพอแล้ว พวกเขายังอยากจะให้เราพาไปเดินเล่นชมเมืองปักกิ่งอีกเหรอ?
แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้กล่าว หลัวซงผิงก็ยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้แน่นอน การประชุมแลกเปลี่ยนจะเริ่มในอีกสองวัน เพราะฉะนั้นสองวันนี้ถ้าพวกเธออยากจะไปเที่ยวเล่น พวกเราก็พาพวกเธอไปได้”
เห็นหลัวซงผิงกล่าวแบบนั้น เยวี่ยจงจีก็ยกยิ้มขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณอาจารย์หลัวมากเลยครับ”
อาจารย์จากประเทศอังกฤษที่เงียบมาตั้งแต่แรกก้ยังเปิดปากกล่าวว่า “พวกเราก็อยากไปเดินเล่นเหมือนกัน ถึงเวลาพวกเราขอไปด้วยนะ”
“ได้ครับ”
หลินไคจงแปลตามแล้วตอบกลับโดยตรง
ฉินมู่หลานเห็นอาจารย์ทั้งสองกล่าวแบบนั้น เธอก็เลยไม่พูดอะไรมาก
แต่อาจารย์และนักศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาไม่ได้พูดอะไร เมื่อสักครู่พวกเขาเพิ่งผ่านช่วงเวลาอันแสนเลวร้าย ตอนนี้จึงไม่อยากไปที่นั่น เพราะมันคงดูเหมือนพวกเขาหน้าด้านไร้ยางอาย
“อาจารย์หลิน ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอเก็บข้าวของก่อน แล้วค่อยมาเจอกันที่นี่” ถึงแม้ไม่ได้วางแผนว่าจะกินข้าวด้วยกัน แต่ก็ยังต้องไปร่วมโต๊ะด้วย
หลังจากหลายคนกลับไปที่ห้องตัวเองแล้ว ฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้
ในที่สุดเซี่ยปิงหรุ่ยก็มีโอกาสได้คุยกับฉินมู่หลาน
“มู่หลาน เธอเรียนภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ พูดได้ดีมากเลย” เซี่ยปิงหรุ่ยรู้เพียงภาษาอังกฤษและรัสเซียเท่านั้น ส่วนภาษาอื่นไม่รู้เลย
แม้แต่หลัวซงผิงและหลินไคจงก็มองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย
ฉินมู่หลานบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้เคยเรียนมานิดหน่อย ก็เลยพูดได้”
“นักศึกษาฉินโดดเด่นมากเลย”
หลัวซงผิงทราบมาตลอดว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานดีมาก ขณะเดียวกันก็ยังพัฒนายาพิเศษอีกหลายชนิดด้วย แต่เขานึกไม่ถึงว่าฉินมู่หลานจะเก่งด้านอื่นด้วย
ขณะหลายคนพูดคุยกัน พวกหวังโหย่วเหรินก็มากันแล้ว และอาจารย์นักศึกษาคนอื่นก็ออกมาตรงหน้าล็อบบี้เช่นกัน หลังจากนั้นหลัวซงผิงและหลินไคจงก็พาพวกเขาไปที่ภัตตาคารปักกิ่ง
“วันนี้สั่งอาหารจานเด็ดของทางปักกิ่งให้กับทุกกคน หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”
ทางกลุ่มฮ่องกงไม่ได้มีปัญหากันตั้งแต่ตอนแรก จึงคุยกับพวกฉินมู่หลานได้เยอะมาก ส่วนอาจารย์และนักศึกษาจากประเทศอื่น ไม่ค่อยพูดมากเท่าไหร่ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร หลินไคจงก็ค่อนข้างยุ่ง ทำหน้าที่แนะนำอาหาร และเชื้อเชิญให้ทุกคนกิน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พพวกฉินมู่ลานก็ไปส่งอาจารย์และนักศึกษาจากอเมริกาและญี่ปุ่นกลับที่พัก หลังจากนั้นก็พาพวกอาจารย์และนักศึกษาจากฮ่องกงและอังกฤษออกไปอีกครั้ง
อาจารย์ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยอังกฤษก็เป็นอาจารย์ผู้ชายเหมือนกัน ตอนนี้พวกฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ รู้แล้วว่าเขาชื่ออีธาน ส่วนนักศึกษาอีกสองคนชื่อมัลฟอยและเซลิน่า เมื่อได้มาเยือนพระราชวังต้องห้าม ส่วนใหญ่แล้วก้จะเป็นหวังโหย่วเหรินและเยวี่ยจงจีพูดคุยกัน
“ที่นี่ช่างงดงามเหลือเกิน เคยไดเยินเกี่ยวกับพระราชวังต้องห้ามมานานแล้ว วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาชมสักที”
หลินไคจงเห็นพวกเขาชอบ สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น
“พวกคุณชอบก็ดีแล้วครับ วันนี้เวลาไม่พอ พวกเราทำได้แค่เดินวนรอบ ๆ เท่านั้น เดี๋ยวไว้มีโอกาสจะพาพวกคุณเข้าไปชม”
ในตอนนี้ เซเลนาที่นิ่งเงียบอยู่ตั้งนานก็หันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถาม “ที่นี่มีคนถ่ายรูปให้หรือเปล่าคะ พวกเราอยากจะถ่ายรูปสักหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”
ตอนนี้พวกร้านถ่ายรูปยังไม่ค่อยเยอะ เธอจึงไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีคนเข้ามารับถ่ายรูปที่นี่บ้างหรือเปล่า
เมื่อเห้นแบบนี้ หลัวซงผิงจึงเอ่ยถาม หลังจากทราบว่าอยากจะถ่ายรูป ก็รีบหันไปมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน จริง ๆ แล้วที่นี่มีคนมารับถ่ายรูปนะ เธอเดินตรงไปตรงนั้นแล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอ”
หลังจากฉินมู่หลานจำเอาไว้ ก็ก้าวเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
ที่นี่มีคนมารับถ่ายรูปจริง ๆ เพียงแต่ราคาไม่ถูกเลย เทียบกับค่าจ้างคนงานในปัจจุบันนี้ ราคานี้ถือว่าสูงมาก แต่ฉินมู่หลานก็ยังพาคนมมาที่นี่
“เจอแล้วค่ะ พวกคุณลองดูนะคะว่าอยากจะถ่ายหรือเปล่า”
เซเลน่าซึ่งเป็นคนแรกที่พูดออกมาทันที “ฉันอยากถ่ายค่ะ”
“โอเค”
เมื่อช่างภาพได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้อย่างเป็นมิตร นี่เป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้
เมื่อมีคนเริ่มไปหนึ่งคน คนอื่นก้เริ่มอยากถ่ายเหมือนกัน สุดท้ายแม้แต่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังได้ถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน
“เอาล่ะครับ วันนี้พวกเราก็เสร็จธุระกันแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราจะไปพบทุกคนอีกครั้งครับ” หลินไคจงเพียงแค่อยากให้ทุกคนรีบกลับไป เขาก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนด้วย
ฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ก็อยากกลับเหมือนกัน หลังจากไปส่งคนที่ห้องพักแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน