ตอนที่ 620 คนอื่นที่น่าสงสัย
ในตอนแรกสถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการหาใครสักคน ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะพินิจวิเคราะห์อะไร เวลานั้นเฉินเจียเหอบอกเธอแค่ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของหู่จือน่าจะเป็นคนทำ แล้วพวกเขาก็รีบออกไป จนเธอไม่มีเวลาแสดงความคิดเห็น ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเสมอ
โดยเฉพาะยิ่งตอนนี้ที่ไร้เบาะแส ลางสังหรณ์ภายในใจหลินเซี่ยเองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ
“เสิ่นอวี้อิ๋ง?” เซี่ยไห่พูดขึ้นมา
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ ฉันไม่ได้บอกไว้หรอกเหรอ? สามคนนั้นมาลงทะเบียนฝึกอบรม และรู้แล้วว่าฉันเป็นคนดูแลคลาสอบรม ตอนนั้นพวกเราไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ แถมช่วงนี้ก็ไม่มีข่าวคราวพวกหล่อนอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา อาจเป็นเราที่ไม่ระวังให้ดีพอ ฉันเลยคิดว่าพวกหล่อนอาจจะเป็นคนทำเรื่องนี้”
เซี่ยไห่ตอบกลับ “สิ่งที่เราสงสัยตอนนี้คือแม่แท้ ๆ ของหู่จือ เพราะหล่อนเคยปรากฏตัวที่สถานีรถไฟจริง แต่ไม่ต้องกังวล ฉันจะบอกเบาะแสนี้ให้จวิ้นเฟิงและเจียเหอด้วย เราจะได้ช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหาได้หลายวิธี“
เซี่ยไห่ไปพบถังจวิ้นเฟิงและเฉินเจียเหอ เพื่อบอกถึงข้อสันนิษฐานของหลินเซี่ย
เฉินเจียเหอพูดว่า “พวกหล่อนอาจมีแรงจูงใจให้ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน เราควรช่วยกันสืบให้กว้างกว่านี้ ไม่ใช่แค่มุ่งความสนใจไปที่แม่ของหู่จืออย่างเดียว”
ถังจวิ้นเฟิงตอบว่า “เอาอย่างนี้ ฉันจะกลับไปที่สำนักงานก่อนแล้วบอกให้เพื่อนร่วมงานตามสืบเกี่ยวกับเบาะแสนี้ จากนั้นฉันจะส่งคนไปสอบสวนสามคนนั้นด้วย”
ตำรวจจากสถานีไปพบเสิ่นอวี้อิ๋งเพื่อสอบสวนถึงสถานการณ์คับขัน ซึ่งตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเซี่ยหลาน
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เซี่ยหลานแนะนำให้หล่อนไปทำงานส่งยาให้กับโรงพยาบาล แม้จะเหนื่อยเล็กน้อย แต่เงินเดือนก็ถือว่ามากทีเดียว
เสิ่นอวี้อิ๋งยังสัญญาด้วยว่าหล่อนจะตั้งใจทำงาน ซึ่งงานนี้แทบไม่มีเวลาว่างจนกว่าจะถึงปีหน้าเลย
เวลานี้ เสิ่นอวี้อิ๋งยังคงกำลังนอนหลับเป็นตายอยู่ที่บ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนอยู่นานโข เสิ่นอวี้อิ๋งได้แต่บอกว่าหล่อนรู้สึกไม่สบายและกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน เช้านี้หล่อนตื่นนอนตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ซึ่งเซี่ยหลานแม่ของหล่อนก็เป็นพยานให้ได้
เมื่อเซี่ยหลานได้ยินจากตำรวจว่าลูกชายของเฉินเจียเหอหายไป หล่อนก็รู้สึกเป็นกังวลมาก แถมยังกังวลเรื่องสุขภาพของหลินเซี่ยเป็นหลักด้วย เพราะกลัวว่าเธอจะไม่สามารถรับไหว
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเสร็จสิ้นก็กลับออกไป หล่อนจึงหันมาซักไซ้เสิ่นอวี้อิ๋งต่อ
เสิ่นอวี้อิ๋งระเบิดอารมณ์ทันที “แม่ ตกลงแม่เป็นแม่ใครกันแน่? ทำไมถึงใส่ใจแต่นังนั่นนักหนา จู่ ๆ มาสงสัยฉันเพราะลูกชายหล่อนหายไปเนี่ยนะ? แม่ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าฉันหลับเป็นตายอยู่แต่บ้าน จะให้แบกร่างไปลักพาตัวใครไหว?”
เสิ่นอวี้อิ๋งตะคอกใส่เซี่ยหลานจนพูดไม่ออก และไม่พูดอะไรอีกจากนั้นเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเยี่ยมตระกูลเสิ่นต่อเพื่อตามหาเสิ่นเสี่ยวเหมย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงบ้านตระกูลเสิ่น มีแค่ผู้เฒ่าเสิ่นคนเดียวที่นอนส่งเสียงโอดโอยอยู่บนเตียง
เมื่อได้ยินว่าตำรวจกำลังตามหาเสิ่นเสี่ยวเหมย ผู้เฒ่าเสิ่นซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงก็ทำอะไรไม่ถูก “เกิดอะไรขึ้นกับหล่อน?”
ทำไมถึงโดนตำรวจตามตัวอีกแล้วล่ะ?
“คืออย่างนี้นะครับ ทางเราสงสัยว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยอาจเกี่ยวข้องกับคดีเด็กหาย และเราจำเป็นต้องดำเนินการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ตำรวจพูด ผู้เฒ่าเสิ่นส่ายหน้าอย่างสับสน “คดีเด็กหาย ลูกใครหายไป?”
“คุณผู้ชายครับ คุณแค่ต้องบอกเราว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่ที่ไหน?”
เมื่อกล่าวถึงชื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกครั้ง ผู้เฒ่าเสิ่นตอบกลับอย่างเศร้า ๆ ว่า “หล่อนไม่กลับมาตั้งแต่เเมื่อคืนแล้ว ฉันไม่รู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน”
ล่าสุดเสิ่นเสี่ยวเหมยออกจากบ้านไป บอกแค่ว่าได้งานแล้ว ซึ่งโดยพื้นฐานหล่อนเองก็ไม่ได้อยู่ดูแลเขาที่บ้านสักเท่าใด
ผู้เฒ่าเสิ่นจึงวางแผนจะจ้างคนมาคอยดูแลเขา แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยกลับเก็บบัญชีบำนาญที่ได้รับหลังเกษียณของเขาเอาไว้ และบอกว่าผู้เฒ่าเสิ่นไม่มีปัญหาสุขภาพและสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องจ้างใครมาดูแล ส่วนเธอจะกลับมาหลังเลิกงาน
ส่งผลให้ไม่มีใครเห็นหล่อนตลอดทั้งวัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจขอหมายเลขโทรศัพท์ของเสิ่นเสี่ยวเหมยจากผู้เฒ่าเสิ่น และกดหมายเลขของหล่อน แต่ก็ไร้คนรับสาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบถังหลิงต่อ หล่อนเปลี่ยนงานไปเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานข้อแก้ตัวชัดเจน ก่อนที่พวกเขาพบเสิ่นเสี่ยวเหมยผ่านทางถังหลิง ซึ่งเสิ่นเสี่ยวเหมยนั้นทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารเช่นกัน และยุ่งอยู่กับงานตั้งแต่ตอนเช้า
ดังนั้น ต่อให้พวกหล่อนจะมีแรงจูงใจจริง แต่มันก็ไม่มีหลักฐานมากพอว่าพวกหล่อนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เมื่อเฉินเจียเหอ เซี่ยไห่ และคนอื่น ๆ กลับมา ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
ตำรวจเปลี่ยนกะไปตรวจที่สถานีรถไฟก่อนกลับไปพักผ่อน
หลินเซี่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่แต่ในบ้านได้ จึงสวมแจ็กเก็ตบุผ้าฝ้ายตัวใหญ่ และไปรอข่าวที่สถานีตำรวจ
“เสิ่นอวี้อิ๋ง เสิ่นเสี่ยวเหมย และคนอื่นต่างมีหลักฐานที่ใช้เป็นข้อแก้ตัวได้ทั้งหมด และเราไม่สามารถระบุได้ว่าพวกหล่อนเป็นผู้ต้องสงสัย”
เพื่อนร่วมงานของถังจวิ้นเฟิงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้เช่นกัน ขณะอธิบายเหตุผลให้ฟังเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของหลินเซี่ย
“วางใจได้ครับ ทางเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาตัวเด็กให้เจอ ตอนนี้ขอเชิญครอบครัวคุณกลับไปพักผ่อนกันก่อน และเราจะรีบแจ้งให้คุณทราบทันทีเมื่อได้ข่าวดีแล้ว”
แต่หลินเซี่ยยังไม่ต้องการออกไป และยืนยันจะรอข่าวที่สถานีตำรวจ โดยหวังว่าพวกเขาจะสอบสวนเสิ่นอวี้อิ๋ง และคนอื่น ๆ อีกครั้ง
“เซี่ยเซี่ย กลับไปพักผ่อนเถอะ คุณอยู่ที่นี่มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก เราจะหาทางและเอาเบาะแสจากคุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาลู่ทางอื่น”
เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่พาหลินเซี่ยขึ้นรถ หลินเซี่ยเตือนถังจวิ้นเฟิงว่าถ้ามีข่าวคืบหน้า เขาจะต้องบอกเธอโดยเร็วที่สุด
เฉินเจียเหอส่งหลินเซี่ยที่บ้านตระกูลเซี่ย ขณะนี้ทุกคนยังตื่นตัวและรอข่าวที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยไม่มีเด็กชายกลับมาด้วย สีหน้าของทุกคนก็ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังไว้ได้
“ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง มันเป็นความผิดฉันทั้งหมด”
วันนี้หลินเซี่ยพูดประโยคเหล่านี้วนซ้ำไปซ้ำมาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง ดวงตาบวมช้ำและพร่ามัว ไม่รู้เลยว่าจะเผชิญหน้ากับเฉินเจียเหอต่อไปอย่างไรดี
“ทุกคนไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
เฉินเจียเหอส่งหลินเซี่ยเข้าห้องนอน และบังคับเธอให้นอนพักบนเตียงไปก่อน “เซี่ยเซี่ย คุณต้องพักผ่อนได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ผมจะพาลูกชายเรากลับมาแน่นอน”
หลินเซี่ยกุมมือเขาและมองหน้าทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “เฉินเจียเหอ ฉันขอโทษจริง ๆ”
“เซี่ยเซี่ย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ผมสงสัยว่าแม่ของหู่จือนี่แหละเป็นคนทำ เข้มแข็งไว้นะคุณ ถ้าผู้หญิงคนนั้นพาหู่จือไปจริง ๆ หล่อนคงไม่ทำร้ายลูกชายตัวเองแน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เฝ้าอยู่ที่สถานีรถไฟแล้ว แถมยังส่งคนไปสอบสวนมีคนที่อยู่สถานีปลายทางที่คาดว่าหล่อนจะไปด้วย ตราบใดที่หล่อนปรากฏตัวที่สถานี เราจะต้องตามหล่อนเจอแน่นอน”
เฉินเจียเหอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหลินเซี่ยเบา ๆ พลางมองเธออย่างเศร้าโศกและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแผ่วว่า “เซี่ยเซี่ย ฟังผมนะ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป และอย่าโทษตัวเองด้วย ไม่มีใครที่เจ็บไปกว่าคุณหรอกผมรู้ดี ผมรู้ความรู้สึกของคุณที่มีต่อหู่จือดีกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่า ผมรู้ว่าเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้คุณจะรู้สึกยังไง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ และไม่เคยสงสัยความรู้สึกของคุณที่มีต่อหู่จือเลยด้วย และผมก็จะไม่โทษคุณแน่นอน เชื่อผมนะ เราจะต้องได้ลูกชายกลับคืนมา”
เฉินเจียเหอจูบหน้าผากเธอ ปิดไฟ และขอให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ ขณะที่เขากำลังจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง
เซี่ยไห่บอกว่าจะไปกับเขา โดยให้หลินจินซานเฝ้าห้องเต้นรำแทน ทางลู่เจิ้งอวี่เองก็ออกช่วยตามหากันอีกแรง
เนื่องจากเขาเคยเห็นหน้าค่าตาแม่ของหู่จือมาก่อน จึงคอยประจำอยู่ที่สถานีรถไฟเพื่อที่จะสามารถระบุว่าผู้หญิงคนไหนคือหล่อน เมื่อใดที่หล่อนปรากฏตัวจะได้ระบุตัวได้ง่ายด้วย
หลินเซี่ยนอนอยู่บนเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงเลย
แม้เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ จะมุ่งเป้าไปที่แม่ของหู่จือ แต่สัญชาตญาณของหญิงสาวบอกเธอว่า เรื่องนี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับผู้หญิงสามคนนั้นจริง ๆ
เนื่องจากการลงทะเบียนครั้งล่าสุดถูกปฏิเสธ จึงไม่มีข่าวคราวจากผู้หญิงทั้งสามคนนั้นอีก เธอคิดเสมอว่าพวกหล่อนจะโจมตีร้านค้าและคลาสอบรม จึงทุ่มเทความระแวดระวังไปกับปัญหาเหล่านี้
ช่วงนี้ธุรกิจของทั้งสองที่ดำเนินไปตามปกติ และยังมีคนมาสอบถามเรื่องการลงทะเบียนเข้าคลาสอบรมต่างอีกมากมาย ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบ แต่จู่ ๆ เรื่องใหญ่นี้ก็เกิดขึ้น
หลินเซี่ยตกอยู่ในอาการเหม่อลอยจนถึงรุ่งสาง รู้สึกว่าไม่สามารถนั่งรอความตายได้อีกต่อไป
ตำรวจดำเนินการสอบสวนตามปกติ และกล่าวว่าผู้หญิงทั้งสามคนต่างมีหลักฐานที่ใช้เป็นข้อแก้ตัวในขณะนั้นได้ทั้งหมด แต่พวกหล่อนสามารถจ้างใครสักคนมาทำเรื่องนี้ได้ และพวกหล่อนจะไม่โง่พอจะออกมาทำเรื่องแบบนี้ด้วยตนเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ กลับมา แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย
เป็นเวลายี่สิบชั่วโมงแล้วที่หู่จือหายตัวไป
หัวใจของทุกคนจมดิ่งถึงก้นบึ้งทะเลลึก หลินเซี่ยใกล้จะพังทลายลงไปทุกที
ตระกูลเฉินเองก็กำลังมองหาแพะสักตัว เฉินเจียซิ่งถึงกับดุด่าหยางหงเสีย โดยบอกว่าหล่อนไร้ประโยชน์ หลินเซี่ยเป็นหญิงตั้งครรภ์ หล่อนช่วยดูแลเด็กแทนได้เสมอ แต่กลับพึ่งพาหล่อนไม่ได้เลย
ดวงตาของหยางหงเสียนั้นบวมแดงเพราะร้องห่มร้องไห้
เมื่อคืนไม่มีเบาะแสใด ๆ เพิ่มเข้ามา หลินเซี่ยยิ่งมั่นใจมากขึ้นในการคาดเดา “เฉินเจียเหอ ฉันคิดว่าคุณควรมุ่งเป้าไปที่เสิ่นอวี้อิ๋งและเสิ่นเสี่ยวเหมย เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเธอแน่นอน”
ถังจวิ้นเฟิงอธิบายว่า “พี่สะใภ้ แต่เมื่อวานนี้เราตรวจสอบพวกหล่อนแล้ว ความจริงคือพวกหล่อนไม่ได้โผล่หน้ามาแถวร้านคุณเลย เสิ่นอวี้อิ๋งและเซี่ยหลานอยู่บ้านด้วยกันทั้งวัน ส่วนเสิ่นเสี่ยวเหมยและถังหลิงก็ทำงานเหมือนกัน”
หลินเซี่ยตอบกลับว่า “แต่พวกหล่อนจ้างคนทำแทนได้”
“จริงสิ ยังมีเจิ้งต้าหมิงคนนั้นที่เสิ่นอวี้อิ๋งเคยติดต่อด้วย คุณช่วยตามสืบเจิ้งต้าหมิงได้ไหม?” หลินเซี่ยมองไปทางถังจวิ้นเฟิงแล้วถาม
ชีวิตก่อนหน้าของเจิ้งต้าหมิงเป็นหุ่นเชิดของเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขานี่แหละที่เป็นคนคอยจัดการเรื่องลับ ๆ บางอย่างให้กับเสิ่นอวี้อิ๋งตลอด
หลินเซี่ยให้ข้อมูลของเจิ้งต้าหมิงแก่ถังจวิ้นเฟิง เธอพูดอย่างกังวลว่า “เจ้าหน้าที่ถัง ได้โปรดช่วยตรวจสอบชายคนนี้ทีเถอะ เขาเป็นคนที่รักเสิ่นอวี้อิ๋งมาก และเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเสิ่นอวี้อิ๋ง”
“อืม ผมจะกลับไปที่สำนักงานเพื่อประชุมกันก่อน แล้วเราจะพูดคุยเกี่ยวกับคนคนนี้ด้วย”