บทที่ 1484+1485 ความรู้สึกส่วนลึก/รอแทบไม่ไหวแล้ว
บทที่ 1484 ความรู้สึกในส่วนลึก
หมิงอ๋องส่งคนมาลอบสังหารตนเอง เพราะเขากำลังรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมของหมิงอ๋องเพื่อนำเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลายปีมานี้หางของจิ้งจอกเฒ่าถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หางของจิ้งจอกเฒ่าแทบจะซ่อนไว้ไม่มิด
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้น้อยเริ่มเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หลังจากผ่านการทดสอบและเล่าเรียนมาหลายปี อำนาจและสถานะของเขาในราชสำนักเพิ่มมากขึ้น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าฮ่องเต้น้อยจะตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในอาณาจักรนี้
ทำให้หมิงอ๋องตื่นตระหนก และในที่สุดก็แสดงตัวออกมา
การเสียชีวิตของฉินฟ่างและเย่หลัน ตลอดจนการเสียชีวิตของแม่ทัพถานเสี่ยวและฮูหยินของเขา ฉินเย่จือจึงต้องการหาว่าเกี่ยวข้องกับหมิงอ๋องอย่างไร
ตลอดหลายปีแห่งการนองเลือด เขาต่อสู้เพียงลำพังโดยไม่มีผู้ใดอยู่ข้างกาย ทว่าในวันนี้มีคนที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา และร้องไห้อย่างเศร้าใจเมื่อเขาเกิดอันตราย และขอแค่ให้เขาปลอดภัย
“หวานเอ๋อร์ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ดูแลตัวเองให้ดี เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี ข้าอยากอยู่กับเจ้า ถึงข้าจะอายุแปดสิบและมีผมขาวโพลน ข้าก็จะจับมือเจ้าดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกไปด้วยกัน ดีหรือไม่” ฉินเย่จือซบหน้าลงที่คอของกู้เสี่ยวหวาน
เขาไล่ตามมาทั้งชีวิตเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อและท่านแม่ตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากความคับแค้นใจที่สะสมมานานถูกชำระ จากนี้ไปจะไม่มีอะไรทำให้เขาห่างจากหวานเอ๋อร์ได้
เขาต้องการมองนางทุกวัน มองนางหลับสนิทในอ้อมแขนของเขา มองแสงแดดที่ส่องมากระทบนางในอ้อมแขน มองนางคิดบัญชีในร้านอาหารและมีเขานั่งมองใบหน้าด้านข้างที่บอบบางของนาง
กู้เสี่ยวหวานสะอื้นไห้และพยักหน้าหงึกหงัก “ตกลง”
ตอนนี้นางไม่ต้องการอะไรแล้ว นางแค่อยากให้ทุกคนปลอดภัย
เมื่อช่วงบ่ายก่อนที่ถานอวี้ซูกำลังจะจากไป จู่ ๆ นางก็นิ่งเงียบไป กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่านางเป็นอะไร จากนั้นก็เห็นถานอวี้ซูร้องไห้ออกมา
หลังจากถามมาเป็นเวลานานก็รู้ว่าถานอวี้ซูกังวลเกี่ยวกับกู้หนิงผิง กลัวว่ากู้หนิงผิงที่อยู่ในค่ายทหารจะไม่ดูแลตัวเอง และทั้งหมดนี้เป็นเพราะถานอวี้ซู ถานอวี้ซูเอาแต่โทษตัวเอง และรีบขอให้กู้เสี่ยวหวานเขียนจดหมายถึงกู้หนิงผิง โดยบอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดี
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย แต่นางก็ยังจะแต่งงานกับเขา ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่เขาปลอดภัย ตราบใดที่เขามีนางอยู่ในใจ นางก็จะแต่งงานกับเขา
กู้เสี่ยวหวานมีความตั้งใจจริง หลังจากเขียนจดหมายให้ถานอวี้ซู โดยเขียนประโยคหนึ่งลงในจดหมาย
‘ข้าต้องการเพียงท่าน และรอให้ท่านกลับมาหาอวี้ซูอย่างปลอดภัย’
คำนับพันมาบรรจบกันในประโยคสุดท้ายนี้ และมันทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสะเทือนใจ
‘ข้ารักท่านไม่ว่าจะจนหรือรวย ขอเพียงท่านมีข้าอยู่ในใจ ตราบใดที่ท่านปลอดภัยและมีสุขภาพดี ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งทั้งหมดก็เป็นเรื่องรอง’
ร่างกายของคนในอ้อมแขนของเขาสั่นสะท้าน ฉินเย่จือลดศีรษะลงและซบศีรษะไว้ที่คอของกู้เสี่ยวหวาน น้ำตาไหลออกมาจนเสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวานเปียกชุ่มไปหมด
กลิ่นหอมที่เล็ดลอดออกมาจากเสื้อผ้าของนางทำให้ฉินเย่จือสับสนมากยิ่งขึ้น
……
บทที่ 1485 รอแทบไม่ไหวแล้ว
ริมฝีปากนุ่มพรมจูบลงบนลำคอขาวเนียน ฉินเย่จือกำลังมัวเมาไปกับความหลงใหล
ริมฝีปากร้อนระอุและกลิ่นอันหอมกรุ่น ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยน้ำตา และจิตใจก็สับสนวุ่นสาย
คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นของข้า
เป็นของข้า
ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยเสียงเว้าวอนว่านางจะเป็นของข้าไปตลอดชีวิต
เขาเริ่มทำตามหัวใจของตนเองทีละน้อย ๆ
ร่างกายเกิดอาการชาวาบตั้งศีรษะจรดปลายเท้า ความรู้สึกนี้กำลังกัดกินตัวเขา
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างพุ่งออกมาจากร่างกายของนางอย่างควบคุมไม่ได้ ศีรษะของกู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่างเปล่า และคร่ำครวญออกมา “พี่เย่จือ” หลังจากพูดจบ นางจับไหล่ของฉินเย่จือทั้งสองข้างแน่น ออกแรงดันเบา ๆ ไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้
เมื่อฉินเย่จือได้ยินเสียงของนาง เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที
เสื้อของกู้เสี่ยวหวานหล่นลงมาจนเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนเล็กน้อย
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นแมวตัวน้อยที่ตอนนี้แก้มแดงปลั่ง กำลังจับไหล่ของเขาทั้งสองข้างพลางขมวดคิ้วแน่น ฉินเย่จือได้แต่ตะโกนด่าตัวเองในใจ ก่อนดึงเสื้อของกู้เสี่ยวหวานขึ้น จากนั้นใช้ผ้าห่มคลุมตัวไว้แล้วกอดนางเอาไว้แน่น
เมื่อเห็นการกระทำของเขา แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะผิดหวังอย่างมาก แต่หัวใจของนางก็หวานราวกับกินน้ำผึ้ง
นางหันหลังให้ฉินเย่จือ หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลง และมีเสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู “หวานเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ”
เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สำหรับประสบการณ์ความรักระหว่างชายหญิงแม้จะไม่มี แต่อารมณ์เหล่านั้นก็ห้ามได้ยาก เพียงแค่…
เมื่อมองไปที่คนตัวเล็กในอ้อมแขนของเขา ฉินเย่จือก็เอาแต่โทษตัวเอง
มีการตกลงกันว่า ปีหน้าเมื่อดอกกุ้ยฮวาผลิบาน แต่…
ทำไมเขาถึงรอไม่ได้?
ฉินเย่จือเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด เขากอดคนที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมา “ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ หวานเอ๋อร์ ข้าขอโทษ”
เขาเอาแต่พูดคำว่าขอโทษตลอดเวลา และดูเหมือนว่ายังคงได้ยินเสียงเว้าวอนเสียงต่ำ
กู้เสี่ยวหวานอยากจะหันหน้าไปมองเขา แต่กลับถูกเขากอดรัดไว้แน่น แม้จะถูกผ้าห่มห่อตัว แต่นางก็สัมผัสได้ถึงความร้อนบนร่างกายของเขา
“หวานเอ๋อร์ เจ้าอย่าขยับ อย่าขยับ แค่ให้ข้ากอดเจ้าแบบนี้ อย่าขยับ”
ฉินเย่จือเหงื่อออกจนร่างกายเปียกโชกราวกับว่าร่างกายของเขาเพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ
แต่กู้เสี่ยวหวานไม่รู้
นางไม่กล้าขยับเขยื้อน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้แก้มนางแดงก่ำ นางทำได้เพียงขดตัวอยู่ในผ้าห่มและถูกเขากอดเอาไว้เหมือนเด็กน้อย ส่วนนางก็เชื่องเหมือนลูกแมวในอ้อมแขนของเขา
คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่ขยับ และความร้อนในร่างกายของฉินเย่จือก็ค่อย ๆ จางหายไป
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง แต่ไม่มีใครพูดอะไร
เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
ในที่สุดความร้อนในร่างกายของเขาก็จางหายไป ตอนนี้ฉินเย่จือกล้าค่อย ๆ ลุกขึ้นและปล่อยคนในอ้อมแขน เมื่อมองดูก็พบว่าดวงตาคู่งามปิดไปแล้ว เหลือเพียงขนตาหนาเป็นแพ
เสียงของลมหายใจและสีชมพูบนแก้มของนาง หลังจากหลับสนิทมันช่างงดงามเสียจนเขาหลงใหลอีกครั้งในทันที
เมื่อเขาตอบสนอง ริมฝีปากของเขาก็ขยับเข้าไปใกล้ อีกนิดเดียวเขาก็สามารถลิ้มรสริมฝีปากที่อ่อนนุ่มนั้นได้
ฉินเย่จือตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น ในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากสีแดงสดของนาง และวางปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของเขาเอง เขาลูบไล้อย่างลืมตัว ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า เขาจ้องมองคนที่อยู่ด้านล่างโดยไม่กะพริบตาอย่างสำนึกผิด
ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มาจากร่างกายของเขาทำให้ฉินเย่จือมีความรู้สึกชาหนึบอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย”
เขาคำรามด้วยความหงุดหงิดและหันหลังกลับ ก่อนจะเดินออกไป หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จและปรับลมหายให้ปกติ เขาก็กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า เปิดม่านและจ้องไปที่คนที่หลับใหลพลางกระซิบเบา ๆ “หวานเอ๋อร์ ข้าแทบจะรอให้ดอกกุ้ยฮวาส่งกลิ่นหอมในปีหน้าไม่ไหวแล้ว”
ต้องการให้นางเป็นภรรยาของข้าเสียตอนนี้เลยจริง ๆ ข้ารักนาง อยากให้นางอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ไร้กังวล และมีความสุขตลอดไป
มือที่ยื่นออกไปต้องการจะลูบลูกแมว แต่เขาก็ดึงมันออกในทันที ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้และยิ้มอย่างมีเลศนัย
เขาไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปใกล้
คืนนี้กลัวว่าถ้าเขาไม่จากไป เขาอาจจะทำร้ายแมวน้อยของเขาจริง ๆ
เมื่อเปิดประตู ดวงดาวข้างนอกก็ส่องแสงเข้ามา ด้านนอกบ้าน อาจั่วกำลังยืนอยู่ข้างนอกรอให้เขาออกมา เมื่อเห็นเขาออกมา นางจึงรีบลุกขึ้น “นายท่าน!”
“ดูแลฮูหยินให้ดี” ฉินเย่จือเอ่ยคำพูดเหล่านี้และเดินจากไปภายใต้แสงจันทร์โดยไม่หันกลับมามอง
ปล่อยให้อาจั่วยืนเกาศีรษะอยู่เป็นเวลานาน เจ้านายและแม่นางยังไม่ได้แต่งงานกันไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงเปลี่ยนคำเรียกล่ะ?
ฮูหยิน
อาจั่วเกาศีรษะและมองไปที่ด้านหลังของคนที่ราวกับเทพเซียนที่กำลังเดินออกไปด้วยความสับสน จากนั้นมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นางคิดไม่ออกเลย แต่ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่า แม่นางได้รับการแต่งตั้งจากนายท่านแล้ว ใครในโลกนี้จะกล้าแย่งคนของเจ้านาย แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่พวกเขาก็หมั้นหมายกันแล้ว ทำไมถึงจะเรียกว่าฮูหยินไม่ได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อาจั่วก็ถือดาบขึ้นและกลับไปที่หน้าห้อง
คืนนั้น กู้เสี่ยวหวานหลับลึก ในความฝันของนาง ฉินเย่จือเป็นคนพานางไปเที่ยวภูเขาและแม่น้ำ เพลิดเพลินกับความยิ่งใหญ่ของโลก
แต่คืนนี้ฉินเย่จือไม่สามารถนอนหลับได้ ความร้อนทั่วร่างกายทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขาไม่สามารถหายใจได้อย่างมั่นคง ในขณะที่เขาหลับตาลง ความนุ่มนวลและความหวานที่แวบเข้ามาในจิตใจก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอีกครั้ง ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมานั้นพลันสูญเปล่า
ฉินเย่จือพลิกตัวกลับไปกลับมาและยังคงงัวเงีย เขาพลิกตัวและตะโกนว่า “พวกเจ้า เตรียมน้ำที ข้าต้องการอาบน้ำ”
มีองครักษ์อยู่ข้างนอก เช้าตรู่องครักษ์บางคนยืนหลับ และบางคนมองดูทุกอย่างอย่างระแวดระวัง แต่ทุกอย่างก็เงียบสงบ