รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1026 หลี่จิ่วเต้า ‘ให้ตาย นี่กลุ่มคนสติฟั่นเฟือนหรือ!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1026 หลี่จิ่วเต้า ‘ให้ตาย นี่กลุ่มคนสติฟั่นเฟือนหรือ!’

สิ่งมีชีวิตซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากโลกมายาบังอาจด่าพวกเขาถึงเพียงนี้ ซ้ำยังด่าด้วยวาจาสารพัน จะให้หนุ่มสาวคู่นี้ทนอย่างไรไหว!

เสียงดังฟึ่บ เด็กหนุ่มเรียกหอกเหล็กเล่มหนึ่งออกมาขว้างใส่ต้าเต๋อ เขาอยากสังหารต้าเต๋อเดนตายผู้นี้ให้สิ้นซาก!

“คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าคือข้า!”

ต้นหลิวตวาด ก้านหลิวฉวัดเฉวียนรัดพันหอกเหล็กเล่มนั้นไว้ในบัดดล เกิดเสียงดัง ‘ตึง’ หอกเหล็กระเบิดแตกสลายทันใด

มันต่อสู้แบบหนึ่งต่อสอง ไม่ให้โอกาสเด็กหนุ่มเด็กสาวลงมือกับผู้อื่น สกัดทั้งคู่ไว้ได้หมด

“เจ้าพวก ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ เดนตาย บังอาจเข้าใกล้ดินแดนนี้ พอดีเลย ข้าจะปล่อยเลือดพวกเจ้าให้หมดเพื่อหล่อเลี้ยงท่านบรรพจารย์!”

เด็กหนุ่มยิ้มเย็น

สิ่งมีชีวิตซึ่งถือกำเนิดในโลกมายาย่อมเกิดจากพลังที่ประสานถักทออยู่ในโลกมายา ต้นหลิวแข็งแกร่งปานนี้ หากฆ่าไปมีโอกาสสูงว่าพลังนั้นจะช่วยคืนชีพให้ท่านบรรพจารย์

“เจ้าละเมอเพ้อพกอะไร!”

ต้นหลิวดุดันเป็นพิเศษ มันบรรลุถึงขอบเขตล้ำขีดขั้นสิบสาม ซ้ำยังผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ย่อมไม่ได้ยกระดับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ละด้านล้วนแข็งแกร่งขึ้นเหลือแสน!

มันทลายวิชาต่าง ๆ ของเด็กหนุ่มได้หมด ก่อนจะปรี่ไปอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม บีบคอเขาแล้วกระหน่ำอัด!

“เจ้า…รนหาที่ตาย!”

เด็กสาวคำรามกราดเกรี้ยว บุกเข้าไปถึงอย่างรวดเร็ว ระเบิดพลังสยดสยองต่าง ๆ นานา ทว่าน่าเสียดาย ลมหายใจต่อมานางก็ถูกต้นหลิวบีบคอไว้จนสูญเสียความสามารถในการโต้กลับ!

พลังของต้นหลิวเหนือชั้นกว่าพวกเขามาก!

“เปล่าประโยชน์ พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ อย่างพวกเจ้ายังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา!”

เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม ไม่รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด

นี่คือร่างที่เขาใช้กระจกสัมฤทธิ์โบราณฉายออกมา ถึงถูกต้นหลิวทำลายไปก็ไม่เป็นไร

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ อย่างพวกเจ้าเข้าใกล้ได้ พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ ย่อมต้องพบกับความตายอย่างเดียวเท่านั้น!”

เด็กสาวไม่รู้สึกกลัวเช่นกัน

ตู้ม!

เวลานั้นเอง ร่างกายทั้งสองของพวกเขาระเบิดตนเองกะทันหัน พวกเขาคิดจะใช้การระเบิดตนเองสังหารต้นหลิว

อนิจจา ต้นหลิวทรงพลังเกินไป การระเบิดตนเองเช่นนี้ทำอะไรมันไม่ได้เลย

ทั้งหมดยังไม่จบ เด็กหนุ่มเด็กสาวที่ระเบิดตนเองปรากฏออกมาใหม่ ร่างต้นของพวกเขาฉายสะท้อนผ่านกระจกสัมฤทธิ์โบราณอีกครั้ง

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแท้ ๆ พวกเจ้าอยากเข้าไปในสุสานหรือ ไยต้องทำให้ยุ่งยากด้วยเล่า ข้าจะให้พวกมันมาหาพวกเจ้าเอง!”

เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม สุสานรองมากมายแยกตัวจากสุสานหลัก โลงศพภายในพากันลอยออกมา

ฝาโลงเปิดออก ศพเปื่อยนับคณาบุกออกมา พวกมันฟอนเฟะจนดูไม่ได้ มีทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูร

รูปลักษ์พวกมันน่าขยะแขยงอย่างยิ่งยวด เลือดเนื้อเน่าเฟะยังหยดลงมาเรื่อย ๆ ทันทีที่ปรากฏตัวกลิ่นเหม็นฉุนจากความเน่าเปื่อยก็ขจรขจาย จนหลี่จิ่วเต้ายังอดขมวดคิ้วไม่ได้

‘นี่พวกเขา…กำลังเลี้ยงศพเดนอยู่!’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง

สุสานกว้างใหญ่แห่งนี้เป็นที่ที่หนุ่มสาวคู่นี้ใช้เลี้ยงศพเดน มิน่าพวกเขาถึงห้ามไม่ให้พวกตนเข้าไป เพราะกลัวพวกเขาทำลายแผนการเลี้ยงศพเดนนี่เอง

เขานึกถึงศพโลหิตที่เคยเจอ มันไม่ได้ต่างอันใดจากศพเน่าเปื่อยเหล่านี้ แทบเหมือนกันทุกประการ

ศพโลหิตนั้นเคยกลืนกินเลือดเนื้อสิ่งมีชีวิตไปจำนวนมาก ต่อมาถูกเขากำจัด

‘มิน่าเมื่อครู่เด็กหนุ่มถึงบอกว่าจะปล่อยเลือดพวกเราไปหล่อเลี้ยงท่านบรรพจารย์ ที่แท้เพราะเปลี่ยนพวกบรรพจารย์เป็นศพเดนแล้วนี่เอง!’

หลี่จิ่วเต้ารังเกียจในใจ มีลูกหลานอกตัญญูเช่นนี้ที่ไหน เปลี่ยนบรรพชนของตนเป็นศพเดน ตายไปแล้วยังไม่อาจเป็นสุข!

“‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ที่เจ้ากล่าวถึงก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไร”

เวลานั้น เขาหันมองเด็กหนุ่มพลางตะโกนถามเสียงดัง

เด็กหนุ่มปรายตามองหลี่จิ่วเต้า ท่าทางไม่ใส่ใจอย่างยิ่ง

เขาหัวเราะพรืด “ไม่เข้าใจความหมายเชิงลึก ความหมายตามตัวอักษรยังไม่เข้าใจอีกหรือ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่จริง!”

“อย่างที่คิด คนสติฟั่นเฟือน”

หลี่จิ่วเต้าพึมพำกับตนเอง

หากไม่ได้สติฟั่นเฟือน เหตุใดถึงเปลี่ยนบรรพชนของตนเป็นศพเดน?

ดูท่า เด็กหนุ่มผู้นี้คงบำเพ็ญจนเสียสติ

ศพเปื่อยทั้งหลายบุกเข้ามาอย่างดุดัน พลังเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่านับแต่ได้พบกับพวกสุนัขดำ

แม้แต่ต้นหลิวยังโจมตีได้ยาก

ทว่าเพียงแต่ยากเท่านั้น

ผ่านไปไม่นาน ศพเปื่อยสามสี่ร่างก็ถูกต้นหลิวขยี้จนแหลกละเอียด

แต่ในตอนนั้นเอง ศพเปื่อยเหล่านั้นปรากฏตัวจากโลงศพของแต่ละร่างอีกครั้ง และบุกเข้าไปหาต้นหลิว

สถานการณ์ที่เกิดกับสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงเกิดกับต้นหลิวแล้วในยามนี้

ไม่มีวิธีทำลายศพเปื่อยเหล่านี้ได้เลย!

เด็กหนุ่มเด็กสาวหัวเราะเสียงเย็น ไม่ได้ลงมืออีก ศพในสุสานโบราณไม่มีวันถูกสังหาร ต้นหลิวย่อมมีวันหมดแรง ถึงคราวนั้น ลงท้ายมันก็หนีไม่พ้นความตาย

ศพในสุสานรองล้วนไม่ได้สำคัญ พวกเขาไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาแต่อย่างใด

มีเพียงศพไม่กี่ร่างในหลุมศพหลักเท่านั้นที่สำคัญ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด

พรวดดด!

ต้นหลิวดุดันกล้าแกร่ง บดขยี้ศพเปื่อยเหล่านี้อีกครั้ง ทว่าหาได้มีประโยชน์ไม่ ศพเปื่อยผู้ถูกทำลายปรากฏออกมาใหม่ ซ้ำพลังที่มีไม่ได้ลดน้อยถอยลง

“ไม่ต้องรีบร้อน อย่างไรก็ต้องมีโมงยามหมดแรง เจ้ารอความตายไปนั่นแหละ!”

เด็กหนุ่มหัวเราะ อยู่ชมการต่อสู้กับเด็กสาวข้างกายด้วยท่าทางสงบ

“ช่วงเวลาเอื่อยเฉื่อยมีมากเกินไป ดูการแสดงของเจ้านับว่าฆ่าเวลาได้”

เด็กสาวคลี่ยิ้มเช่นกัน ซ้ำยังยิ้มสดใสยิ่งกว่าเด็กหนุ่ม

“นี่ คนผู้นั้น ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ สีเขียว อย่าอุดอู้ ขยันขันแข็งเข้าหน่อย”

หทัยเต๋าของต้นหลิวแน่วแน่ ย่อมไม่สะท้านกับการเย้ยหยันเช่นนี้

ทว่าศพเปื่อยเหล่านี้ตึงมือจริง ๆ ทำอย่างไรก็กำจัดไม่หมด เป็นเช่นที่สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงว่าจริง ๆ

“มีสาเหตุจากโลงศพหรือ”

ดวงตาของมันลุกวาว มองข้ามศพเปื่อยเหล่านั้นเข้าไปทำลายโลงศพด้วยพลังอันกล้าแกร่ง

ทุกครั้งที่ศพเปื่อยปรากฏตัวขึ้นใหม่ล้วนโผล่ออกจากโลงศพ มันรู้สึกว่าสาเหตุที่กำจัดศพเปื่อยไม่ได้อาจเกี่ยวข้องกับโลงศพเหล่านี้

มันลองทำลายศพเปื่อยเหล่านี้อีกครั้ง

“ไม่ใช่สาเหตุจากโลงศพ…”

คิ้วของมันขมวดเป็นปม ไม่เกี่ยวกับโลงศพ ศพเปื่อยที่ถูกทำลายปรากฏขึ้นใหม่ โลงศพเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นใหม่

เห็นได้ชัดว่ามีพลังนิรนามแฝงอยู่ นี่ต่างหากคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ศพเปื่อยปรากฏตัวได้ใหม่อีกครา

“เฮ้อ ข้าสัมผัสถึงพลังนิรนามนั้นไม่ได้เลย…”

มันสัมผัสพลังนิรนามเช่นนี้ไม่ได้ จึงไร้หนทางกำจัดศพเปื่อยเหล่านี้ให้สิ้นซาก

“ต้นหลิว นำก้านหลิวชะล้างไปช่วยต่อสู้ด้วย”

หลี่จิ่วเต้ายกมือเรียกก้านหลิวชะล้างออกมา เขาเองก็มองเห็นปัญหา ดูเหมือนต้นหลิวไม่สามารถทำลายศพเปื่อยเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์

ก้านหลิวชะล้างเปี่ยมไปด้วยพลังชะล้างสูงส่ง คงช่วยต้นหลิวกำจัดศพเปื่อยเหล่านี้ให้ราบคาบได้

“ได้เลยคุณชาย!”

ต้นหลิวคลี่ยิ้ม รับก้านหลิวชะล้างมา มั่นใจขึ้นมาในบัดดล

ในอดีตคุณชายเคยประทานก้านหลิวชะล้างแก่เขา มันเคยสัมผัสกับพลังของก้านหลิวชะล้าง นั่นเป็นพลังไร้เทียมทานอย่างแท้จริง แม้แต่ฐานทัพใหญ่ของเอ้อเมิ่งยังแหลกลาญเพราะมัน

เมื่อมีก้านหลิวชะล้างในมือ บารมีของมันพลันพุ่งพรวด เจิดจ้าแยงตาถึงขีดสุด มันฟาดฝ่ามือเขาไป ศพเปื่อยทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งถูกลบล้างสิ้นซาก!

คราวนี้ ศพเปื่อยที่ถูกกำจัดไม่ได้โผล่ออกมาอีก!

“เกิดอะไรขึ้น!”

เด็กหนุ่มตื่นตระหนก ไม่เหลือความสงบอย่างก่อน ศพเปื่อยไม่ได้ปรากฏออกมาอีกครั้ง เขาตกอกตกใจเหลือเกิน!

“อย่าได้ใจร้อนไป อีกเดี๋ยวต้องออกมาแน่!”

เด็กสาวกล่าว ไม่เชื่อว่าศพจะถูกทำลายได้ราบคาบจริง ๆ จะเป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่าศพในสุสานรองไม่สำคัญ แต่ก็ไม่ธรรมดา พวกมันคือ ‘ของทดลอง’ ที่ได้เหล่าปรมาจารย์หล่อหลอมมาแล้ว ไม่มีทางถูกทำลายได้อย่างสมบูรณ์

ทว่าไม่นาน นางก็ต้องตระหนก สีหน้าเผือดซีด

โลงศพก็ถูกต้นหลิวทำลายไปแล้ว กระทั่งสุสานรองบางแห่งก็ถูกต้นหลิวทำลายไปด้วย ไม่เผยออกมาให้เห็นอีก!

นางตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องแล้วจริง ๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!

ณ ดินแดนใหม่

“รีบรายงานผู้อาวุโส!”

ร่างต้นของเด็กหนุ่มเด็กสาวลนลานขึ้นมาทันใด รีบติดต่อผู้อาวุโสในนิกาย รายงานสถานการณ์ที่นี่ให้ฟังทั้งหมด

เดิมพวกเขาคิดว่าเป็นเพียง ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น หาได้มีปัญหาแต่อย่างใด พวกเขาจัดการได้เอง ไม่จำเป็นต้องรายงานผู้อาวุโส

ทว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้สร้างความกลัวให้พวกเขาถึงขีดสุด ร่างกายหนาวสะท้าน

ต้นหลิวกำจัดศพเปื่อยได้ ทำลายโลงศพและหลุมศพได้ นั่นหมายความว่าต้นหลิวสามารถกำจัดท่านบรรพจารย์และคนอื่น ๆ ในสุสานหลักด้วยใช่หรือไม่

นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้วจริง ๆ!

“ทำงานประสาอะไร!”

แทบจะลมหายใจต่อมา ร่างหนึ่งก็มาถึงที่นี่

เขาคือผู้เฒ่าผมขาวโพลน เป็นผู้อาวุโสตนหนึ่งในนิกายซึ่งรับผิดชอบสถานที่นี้ เขานั้นเดือดดาลเหลือแสน ทันทีที่มาถึงก็ตบเด็กหนุ่มกระเด็นไปอีกด้าน

มี ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ น่าพรั่นพรึงขนาดนี้มาปรากฏ ทำลายศพให้หายไปได้อย่างสิ้นเชิง เด็กหนุ่มเด็กสาวกลับเพิ่งมารายงานเขาเอาป่านนี้ เขาโมโหจริง ๆ อยากฆ่าเด็กหนุ่มเด็กสาวด้วยซ้ำ

แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะนี่ไม่ใช่เวลามาถือสาหาความ สุสานโบราณต่างหากที่สำคัญที่สุด!

เขารีบเข้ามาอยู่ด้านกระจกสัมฤทธิ์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านสุสานโบราณ

ตามคาด สุสานรองย่อยยับไปหลายแห่ง ไม่มีวี่แววว่าจะก่อร่างขึ้นใหม่ โลงศพก็เช่นกัน แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่มีทีท่ากลับมาเป็นเหมือนเดิม

ศพในโลงศพก็หายไปจนสิ้น

สีหน้าของเขาอึมครึม อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เหตุใดศพในสุสานโบราณถึงเกิดเรื่องเสียได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลย!

‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ในดินแดนเก่าไม่มีทางครอบครองพลังซึ่งกำจัดศพได้!

ทว่าบัดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ จนเขาต้องเชื่ออย่างเสียไม่ได้!

“ฆ่า!”

เขาไม่ได้ลังเล ฉายร่างเงาของตนผ่านกระจกสัมฤทธิ์ ร่างภาพฉายปรากฏอยู่ด้านสุสานโบราณ ตรงดิ่งเข้าไปหาต้นหลิว

“‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ตายเสีย!”

หน้าตาของเขาเย็นชา ปล่อยวิชาพิฆาตทันทีที่ลงมือโดยไม่ยั้งแรง หมายจะสังหารต้นหลิวในคราเดียว

ด้านต้นหลิวเองก็ไม่ได้เกรงกลัว ตรงเข้ารับศึก มีก้านหลิวชะล้างในมือ มันมั่นใจว่าเอาชนะได้ทุกสิ่ง!

“‘สิ่งมีชีวิตมายา’ อีกแล้วหรือ คนสติฟั่นเฟือนมาอีกหนึ่ง…”

หลี่จิ่วเต้าส่ายหน้าอย่างระอา “อย่างที่เขาว่า คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ คนใกล้คนสติไม่ดีย่อมสติไม่ดี”

นี่สติฟั่นเฟือนกันหมดเลยหรือ บำเพ็ญจนบ้าไปแล้ว ถึงได้คิดว่าโลกใบนี้เป็นของปลอม เป็นของมายา เขาไม่รู้เลยว่าคนเหล่านี้ฝึกฝนกันอย่างไร หากฝึกกันเช่นนี้ต่อ ท้ายที่สุดไม่ฝึกจนตัวตายเลยหรือ!

‘เข้าใจแล้ว คนสติฟั่นเฟือนกลุ่มนี้เข้าใจว่าโลกนี้เป็นของปลอม เป็นของมายา ถึงได้เปลี่ยนบรรพชนของตนเป็นศพเดน เพื่อทำลายโลก ‘มายา’ แห่งนี้ให้ราบคาบหรือ’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ ‘คิดว่าตนเองจมปลักอยู่ในโลกที่อุปโลกน์ขึ้น หลังทลายออกไปก็จะได้พบโลกที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ ฝึกตนจนโง่ไปแล้ว!’

เขาหันมองสุสานโบราณแล้วถอนหายใจ

“พวกเจ้านี่นะ ให้กำเนิดลูกหลานอกตัญญู น่าอาภัพยิ่งนัก! ทว่าพวกเจ้าถือว่าโชคดีแล้วที่ได้พบข้า! ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง จะชำระพวกเจ้าให้พวกเจ้าได้ไปยังสัมปรายภพด้วยความอิ่มเอม หลับสบายตลอดกาล!”

เขาเอ่ยพลางยิ้มอ่อน

บรรพชนเหล่านี้ถูกลูกหลานอกตัญญูใช้ประโยชน์ถึงเพียงนี้ ตายไปแล้วยังไม่อาจเป็นสุข คงเดือดดาลหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วกระมัง

เขาจะชะล้างบรรพชนเหล่านี้ให้หมด ให้บรรพชนเหล่านี้ได้หลับสบายเป็นนิจนิรันดร์ บรรพชนเหล่านี้ย่อมต้องปีติยินดีอย่างแน่นอน

“ไม่ต้องขอบคุณข้า ผู้ใดใช้ให้ข้าเป็นคนโอบอ้อมอารีเล่า”

ชายหนุ่มสำทับด้วยรอยยิ้ม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท