บทที่ 534 จำยอมต้องถอย
“ก็ได้ พอแล้ว!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตะโกนเสียงดังขึ้น คณะกรรมการบริษัทจึงเงียบเสียงลง อย่างไรพ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็เป็นผู้นำของพวกเขามานาน ปัจจุบันยังคงมีความกลัวเกรงอยู่
แต่พ่อของหลี่ปิงไม่ถูกข่มขวัญ เขามีความคิดที่ชัดเจนก่อนจะมาเยือนที่นี่แล้วด้วยซ้ำ และที่มาวันนี้ไม่ว่าเรื่องจะสำเร็จหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็ต้องขาดสะบั้น คนทั้งสองจะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีก ดังนั้นแม้เผชิญเสียงตะโกนดังก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวเกรงหรือถอยกลับ
“ลูกพี่เกิ่ง แม้คำพูดของพวกเขาจะไม่ค่อยน่าฟังไปบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องจริง ต้นเหตุของเรื่องในครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะลูกสาวของลูกพี่ และพี่ก็คงไม่ยอมสังเวยบริษัทเพราะการกระทำของลูกสาวหรอกมั้ง? ถึงตระกูลเกิ่งจะถือหุ้นใหญ่ ทว่าบริษัทก็เป็นของทุกคน ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการพาบริษัทไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น หวังว่าพูดถึงขนาดนี้แล้วคงไม่โกรธเคืองกันนะ” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับ
คำพูดดังกล่าวยิ่งทำให้เกิ่งหย่าเฟยมีสีหน้าไม่สู้ดี ตอนนี้เธอกำลังจมดิ่งกับความรู้สึกกล่าวโทษตนเอง
“กำลังจะบอกว่าถ้าฉันยอมถอนตัวแต่โดยดี บริษัทก็จะยังอยู่ต่อ วังเมฆาสีชาดจะไม่เอาเรื่องกับหย่าเฟย?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยมองหุ้นส่วนพลางเอ่ยคำถาม ท่าทีอบอุ่นที่เคยมีก่อนหน้านี้เลือนหายไปแล้วหมดสิ้น
“ตราบเท่าที่ลูกพี่ยอมถอนตัวแต่โดยดี เรื่องก็จบลงแค่ตรงนั้น วังเมฆาสีชาดรับปากเอาไว้แล้ว” แม้สายตาพ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะชวนให้ไม่สบายใจ แต่พ่อของหลี่ปิงก็ไม่คิดสนใจ ถ้ามันจะทำให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ยอมถูกมองอย่างเคียดแค้นจะเป็นอะไรไป “เพราะตระกูลเกิ่งคือต้นเหตุที่ทำให้วังเมฆาสีชาดต้องการล้างแค้น ตราบใดที่ถอนตัวจากบริษัท คู่ค้าและลูกค้าทั้งหมดก็จะกลับคืนมาเป็นปกติ ส่วนเรื่องหย่าเฟยก็ไม่ต้องกังวลไป วังเมฆาสีชาดไม่คิดเล่นงานเด็กน้อยอยู่แล้ว ขอแค่ถอนตัวจากบริษัท หย่าเฟยก็จะอยู่ต่อไปอย่างที่เคยเป็น ครอบครัวของลูกพี่ก็เช่นกัน”
“พ่อคะ อย่า…” เกิ่งหย่าเฟยมองพ่อของตัวเองด้วยน้ำตานองใบหน้า ในฐานะลูกสาว เธอทราบดีว่าพ่อของตนทุ่มเทให้กับบริษัทมากเพียงใด หากจะต้องยอมละทิ้งตำแหน่งและถอนตัวออกมาด้วยตัวเอง มันเทียบได้กับการละทิ้งความพยายามทั้งชีวิตจนสูญเปล่า อนาคตพ่อของเธอจะจมดิ่งกับความคิดดังกล่าวจนสูญเสียจิตวิญญาณ
“ไม่เป็นไร” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยมองลูกสาวด้วยใบหน้าเผยยิ้ม “ไม่ใช่ลูกและแม่ของลูกชอบบ่นหรอกเหรอ ว่าพ่อเอาแต่ยุ่งกับงานจนไม่ได้สนใจครอบครัวเลย? ตอนนี้เป็นเวลาดีที่จะได้เกษียณ พ่อจะได้มีเวลาให้กับลูกและแม่ของลูกมากขึ้นด้วย แบบนี้น่าจะดีกับทุกฝ่ายนี่นา“
“ไม่ได้นะคะ!” เกิ่งหย่าเฟยส่ายหน้าขณะหลั่งน้ำตาออกมา
“พ่อทำงานมาตลอดหลายปี ตอนนี้อยากพักบ้างแล้ว แต่ลูกกลับบอกว่าอย่าซะอย่างนั้น” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยหัวเราะ “ไม่เป็นไร ฟ้าไม่ได้ถล่มลงมา ถ้าบริษัทจะหายก็ปล่อยให้มันหายไป ขอแค่ครอบครัวของเราอยู่ต่ออย่างสงบสุขก็พอแล้ว”
เกิ่งหย่าเฟยแทบไม่ทราบเรื่องใดของวังเมฆาสีชาด แต่พ่อของเธอทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เขาไม่ยอมถอนตัวออกมาด้วยตนเอง ต่อไปจะไม่เพียงไม่อาจรักษาบริษัท แต่กระทั่งลูกสาวหรือครอบครัวก็อาจตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นแม้นึกเสียใจอยู่บ้าง แต่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็ยังยอมตัดสินใจเลือกทางที่เหมาะสมและควรทำที่สุด
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยช่วยเช็ดคราบน้ำตาให้ลูกสาวก่อนจะลูบศีรษะ จากนั้นจึงหันไปมองพ่อของหลี่ปิงและคณะกรรมการบริษัท ด้วยสีหน้าที่เย็นเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉันรับข้อเสนอนั้น และจะโอนหุ้นของบริษัทให้ ฉันจะลงจากตำแหน่งประธาน ต่อไปจะไม่พูดถึงเรื่องบริษัทอีก”
“ค่าโอนถ่ายหุ้นคงไม่สูงจนเกินไปนะครับ” พ่อของหลี่ปิงตอบรับด้วยท่าทีสงบ เห็นได้ชัดว่าไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายตอบรับเช่นนี้ เว้นเสียแต่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะปล่อยครอบครัวพังพินาศ อย่างไรก็ต้องตัดสินใจแบบนี้อยู่ดี
พ่อของหลี่ปิงไม่ได้คิดอยากจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนหุ้นจากตระกูลเกิ่งแม้แต่น้อย แต่เขาทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ หากไล่บี้อีกฝ่ายจนถึงทางตัน ต่อให้จะทำเพื่อรักษาตระกูลเกิ่งเอาไว้ ทว่าสุดท้ายมันอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้รับอะไร ดังนั้นพ่อของหลี่ปิงจึงไม่กล้าเดิมพันถึงขั้นนั้น ดังนั้นจึงได้ข้อสรุปการเข้าซื้อโดยใช้เงินแลกเปลี่ยน แน่นอนว่ามูลค่าจะต้องไม่สูงเกินไป อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยอมรับได้
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปบริษัทแล้วจัดการให้เรียบร้อย ตอนนี้ออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบคำเสียงดัง คนกลุ่มนี้บุกมาเพื่อกลั่นแกล้ง ดังนั้นเขาจึงไม่คาดหวังว่าจะขายหุ้นได้ราคาสูงอย่างที่ควรเป็น แต่ขอเพียงแค่จำนวนเงินมากพอจุนเจือครอบครัว มันก็ยังเป็นอะไรที่เขาพอจะรับได้ไหว
เมื่อเห็นเรื่องราวสำเร็จลงด้วยดี กลุ่มคนจึงไม่คิดอยากอยู่ต่อเช่นกัน ขณะนี้ต่างลุกขึ้นคนแล้วคนเล่าเตรียมตัวเดินทางกลับ
พ่อของหลี่ปิงมองเกิ่งหย่าเฟยก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หย่าเฟย ดูแลพ่อของหลานให้ดี หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ไม่งั้นคงไม่มีใครดูแลชีวิตที่เหลือของครอบครัวได้”
เห็นได้ชัดว่าพ่อของหลี่ปิงจำคำพูดของลูกชายได้ดี เขาจะไม่ไล่บี้จนเกิ่งหย่าเฟยต้องกล่าวโทษตนเองและฆ่าตัวตาย ตราบใดที่ทำให้เกิ่งหย่าเฟยขึ้นเตียงของลูกชายได้ เขาเชื่อว่าหลี่ปิงคงพอใจ เพราะการรับมือกับคนที่สูญเสียอำนาจ มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลี่ปิงแม้แต่น้อย
“ออกไป! ออกไปจากที่นี่!” เกิ่งหย่าเฟยตะโกนเสียงดังไล่พ่อของหลี่ปิง
พ่อของหลี่ปิงไม่คิดเก็บมาใส่ใจ ทำเพียงแค่ยิ้มตอบ “งั้นลุงก็ขอตัว ไม่รบกวนเวลาพูดคุยของพ่อลูกแล้ว ส่วนลูกพี่เกิ่ง พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะครับ”
เมื่อกล่าวจบ พ่อของหลี่ปิงก็นำกลุ่มคนออกไปจากบ้านของตระกูลเกิ่ง
สุดท้ายภายในบ้านหลังใหญ่จึงเหลือแค่เกิ่งหย่าเฟยและพ่อของเธอ
“พ่อ …หนูขอโทษ หนูผิดเองค่ะ! ไม่นึกเลยว่าจะเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ หนูไม่นึกคิดมาก่อนเลย!” เกิ่งหย่าเฟยร่ำร้องขอโทษผู้เป็นพ่อ
“ไม่เป็นไร” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยแสดงท่าทีอ่อนโยนขณะยิ้มให้ลูกสาว “ไม่ช้าก็เร็วพ่อก็ต้องเกษียณอยู่แล้ว เรื่องในวันนี้พ่อมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้พ่อเกษียณก่อนเวลา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
เกิ่งหย่าเฟยทราบดีว่าพ่อของเธอกำลังปลอบโยน เพราะเท่าที่เธอรู้จักพ่อของตัวเอง อีกฝ่ายเป็นคนที่ต่อให้ทำงานอีกสักสิบปีก็ยังมีเรี่ยวแรง เรื่องทั้งหมดจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“โทรหาอู๋ฝาน พวกเขามาที่นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าวังเมฆาสีชาดจะไม่ปล่อยให้อู๋ฝานรอดพ้น ลูกเป็นเพื่อนเขา ดังนั้นควรเตือนให้เขารู้ไว้” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเอ่ยขึ้น
แม้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเกี่ยวข้องกับอู๋ฝาน แต่ก็กล่าวได้ว่ามันเป็นความเกี่ยวข้องทางอ้อม พ่อของเกิ่งหย่าเฟยไม่ได้มีความแค้นใดกับอีกฝ่าย เขาเพียงเกลียดชังคนของฝ่ายตนเองเช่นพ่อของหลี่ปิง รวมถึงคนอื่นเช่นวังเมฆาสีชาด ที่ทำให้คนที่ทำงานร่วมกันมานานต้องเลือกทรยศหักหลัง