บทที่ 900 กำเนิด (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

นก​ปาก​หมาป่า​ภูเขา​แดง​สามตัว​ พา​กัน​ล้อม​ลู่​เซิ่งหน้าหนึ่ง​หลัง​สอง​

“เจ้านกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ ที่นี่​ไม่ใช่อาณาเขต​ของ​เจ้า ไสหัวออก​ไปซะ!” นก​ปาก​หมาป่า​ภูเขา​แดง​ตัว​หนึ่ง​ที่​เป็น​ผู้นำ​เอ่ย​ด้ว​น้ำเสียง​เฉียบขาด​

แม้ว่า​ภาษาของ​พวก​มัน​จะแตก​ต่างกัน​ไปตาม​เผ่าพันธุ์​ แต่​โดยรวม​แล้วก็​ยังมี​จุด​ที่​ร่วมกัน​อยู่​

ลู่​เซิ่งใช้เวลา​สามวัน​เรียนรู้​ภาษาใหม่​กับ​ห​ลัน​ซีและ​เอิน​รั่ว​ ซึ่งเรื่อง​นี้​ไม่ถือ​ว่ายาก​สำหรับ​เขา​ที่​เป็น​เทพ​แห่ง​การเรียน​อยู่แล้ว​

ลู่​เซิ่งใช้กรงเล็บ​จับ​ตะขาบ​หลัง​เงิน​ที่​ดิ้นรน​อยู่ตัว​หนึ่ง​พลาง​เกาะ​บน​คา​คบไม้​ เหลียว​มอง​รอบ​ๆ ด้วย​สายตา​เมินเฉย​

“ป่าแห่ง​นี้​ไม่ได้​เป็น​ของ​นก​ตัว​ใด​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ผู้อ่อนแอ​ไม่มีสิทธิ์​พูด​”

เขา​ก้มลง​จิก​ตะขาบ​หลัง​เงินตาย​ใน​ครั้ง​เดียว​ ก่อน​จะเงยหน้า​กลืน​ลง​ไปทั้งตัว​

“แค่​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ตัว​เดียว​…! ขย้ำ​มัน​ให้​ตาย​ซะ!” นก​ปาก​หมาป่า​ภูเขา​แดง​สามตัว​พา​กัน​กระพือปีก​พุ่ง​ใส่ลู่​เซิ่ง

แต่​ลู่​เซิ่งเพียงแค่​หลบ​ซ้าย​หลบ​ขวา​เบา​เล็กน้อย​เท่านั้น​ ก็​หลบ​การ​โจมตี​ของ​นก​ทั้ง​สามตัว​ได้​ เขา​สะบัด​ปีก​ที​หนึ่ง​ จับ​หาง​นก​ตัว​หนึ่ง​ได้​อย่าง​แม่นยำ​ แล้ว​เหวี่ยง​ไปหา​ต้นไม้​

เปรี้ยง​!

นก​ปาก​หมาป่า​ภูเขา​แดง​ตัว​นั้น​หมดสติ​ทันที​ ร่วง​ลง​ไปกับ​พื้น​

อีก​สอง​ตัว​คลั่ง​ยิ่งกว่า​เดิม​ โถมตัว​เข้าหา​ลู่​เซิ่ง

ตอนนี้​ลู่​เซิ่งมีขนาด​แค่​เท่า​กำปั้น​ แตกต่าง​จาก​พวก​มัน​หลายเท่า​ หาก​สอง​รุม​หนึ่ง​ขึ้น​มา ถึงแม้นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​จะรวดเร็ว​ว่องไว​ แต่​พวก​มัน​ก็​ได้เปรียบ​กว่า​อยู่ดี​

ลู่​เซิ่งหลบ​การพุ่ง​โจมตี​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ โดยที่​ไม่เปลือง​แรง​แม้แต่น้อย​

หลัง​ผ่าน​ไปหลายครั้ง​หลาย​ครา​ติดต่อกัน​ ลู่​เซิ่งที่​ได้​สังเกต​ท่า​โจมตี​ของ​พวก​มัน​จน​หมด​แล้วก็​หมด​ความอดทน​อีกต่อไป​ จับ​แต่ละ​ตัว​ฟาด​กับ​ต้นไม้​จน​สลบ​ไป

เมื่อ​จัดการ​ทุกอย่าง​เรียบร้อย​แล้ว​ ลู่​เซิ่งก็​หัน​ตัว​บิน​ออก​ไป

มาถึงโลก​ใบ​นี้​ได้​หลาย​วัน​ เขา​ก็​พอ​จะรู้​คร่าวๆ​ แล้ว​ว่า​ที่นี่​คือ​ที่ไหน​

ที่นี่​ต้นไม้​ยักษ์​สูงเทียมฟ้า​ ปราณ​วิญญาณ​เต็มเปี่ยม​เกิน​กว่า​จะพรรณนา​ สัตว์ประหลาด​ล้ำค่า​หลาก​ชนิด​อยู่​ทุกหน​แห่ง​ เขา​ถึงขั้น​เคย​เห็น​หัว​กิเลน​อันเป็น​สัตว์​ศักดิ์สิทธิ์​โผล่​มาแวบ​หนึ่ง​ใน​ป่าด้วย​

ที่นี่​ให้​ความรู้สึก​เหมือนกับ​โลก​เซียน​โบราณ​ใน​ยุค​รุ่งโรจน์​อยู่​บ้าง​

“หวัง​ว่า​สถานที่​ที่​เส้น​พิภพ​นำมา​ จะมีเบาะแส​เรา​ได้​บ้าง​”

ใน​ครั้งนี้​มีสิ่งหนึ่ง​ค่อนข้าง​เป็นใจ​ นั่น​ก็​คือ​ ด้วย​ร่าง​นี้​ยัง​เด็ก​เกินไป​ ผลกรรม​ความปรารถนา​ของ​ร่าง​ที่​เขา​จุติ​ลงมา​นี้​ จึงเป็น​เพียง​การ​กะเทาะ​เปลือก​และ​กิน​ให้​อิ่ม​เท่านั้น​

เขา​กะเทาะ​เปลือก​แล้ว​ ส่วน​การ​กิน​ให้​อิ่ม​นั้น​ สำหรับ​เขา​ใน​ตอนนี้​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​อะไร​

หลังจาก​กิน​ผลไม้​ด้านนอก​ไปบางส่วน​ ช่วงเวลา​ที่​ลู่​เซิ่งบิน​กลับ​ไปก็​เป็น​ยาม​บ่าย​แล้ว​

ห​ลัน​ซีกับ​เอิน​รั่ว​นั่ง​อยู่​ใน​รังนก​ กก​ไข่​อ​ย่อ​ย่าง​ว่าง่าย​ ไข่​ใน​รัง​ที่​เหลือ​ยัง​ไม่ฟัก​ มีเพียง​ลู่​เซิ่งคนเดียว​เท่านั้น​ที่​ออกมา​ก่อนกำหนด​ เพราะ​มีปราณ​ปฐพี​หล่อเลี้ยง​

“ข้า​กลับมา​แล้ว​” ลู่​เซิ่งทักทาย​

“วันนี้​กิน​อิ่ม​ไหม​ลูก​” ห​ลัน​ซีถาม

“ดี​ขอรับ​ แต่​ข้า​บิน​ไกล​ไปหน่อย​ เจอ​นก​ปาก​หมาป่า​ภูเขา​แดง​ที่อยู่​ใกล้​ๆ เข้า​ เจ้าสามตัว​นั่น​ไม่รู้เรื่อง​รู้​ราว​ ถูก​ข้า​สั่งสอน​ไปยก​หนึ่ง​ ต่อจากนี้​คง​ไม่กล้า​เข้าใกล้​อีกแล้ว​” ลู่​เซิ่งเล่า​อย่าง​รวบรัด​

“เจ้าต้อง​ระวัง​หน่อย​ ช่วงนี้​จิ้งจอก​หยก​ศิลา​ให้ความสนใจ​เจ้าแล้ว​ เผ่า​ของ​พวก​มัน​เป็น​ศัตรู​ทางธรรมชาติ​กับ​พวกเรา​ มีความสามารถพิเศษ​ที่​ใช้ลด​ความเร็ว​ของ​พวกเรา​ได้​” เอิน​รั่ว​กำชับ​อย่า​งอด​เป็นห่วง​ลู่​เซิ่งไม่ได้​

“ข้า​เข้าใจ​แล้ว​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​

ภายใต้​การ​หล่อเลี้ยง​ของ​ปราณ​ปฐพี​ พละกำลัง​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​ถึงระดับ​ที่​มากกว่า​พัน​ชั่งแล้ว​ เป็น​ระดับ​ที่​หวาดหวั่น​ยิ่ง​ เมื่อ​เทียบ​กับ​พละกำลัง​สอง​ร้อยชั่ง​ของ​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​เมื่อ​โต​เต็ม​ไว​

เขา​กลับมา​ที่​โพลง​ต้นไม้​ใกล้​ๆ เขา​ขุด​โพลง​นี้​เมื่อวานซืน​ เขา​ไม่ชอบ​เบียด​อยู่​กับ​นก​สอง​สามีภรรยา​ จึงใช้กรงเล็บ​ขุด​โพลง​บน​ต้นไม้​ขึ้น​

ลู่​เซิ่งขดตัว​อยู่​ด้านใน​ พร้อมกับ​พักผ่อนหย่อนใจ​

“ถึงเวลา​ฝึกฝน​วิชา​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​แล้ว​ กฎ​พื้นฐาน​ของ​โลก​ใบ​นี้​ เรา​พอ​จะเข้าใจ​บ้าง​แล้ว​ มัน​หนาแน่น​กว่า​ปราณ​วิญญาณ​ใน​โลก​คล้ายๆ​ กันที่​เรา​เคย​ผ่าน​มามาก​ เป็น​ฉบับ​ที่​ยกระดับ​ของ​โลก​เทพ​เซียน​อย่าง​สิ้นเชิง​”

ลู่​เซิ่งมีประสบการณ์​ส่วนหนึ่ง​ต่อ​สิ่งของ​อย่าง​ปราณ​วิญญาณ​

เมื่อ​ค้นหา​ใน​ความทรงจำ​สักพัก​ ไม่นาน​เขา​ก็​เจอ​วิชา​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ระดับ​อริยะ​เจ้าที่​ไม่รู้​ว่า​บันทึก​เอาไว้​ตั้งแต่​ตอน​ไหน​

มัน​สามารถ​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​กาย​เนื้อ​ได้​ด้วย​ความเร็ว​สูงสุด​ โดย​ผสาน​เลือด​ลม​กับ​ปราณ​วิญญาณ​ และ​เชื่อมโยง​หยิน​หยาง​ใน​นอก​

เลือด​ลม​กระตุ้น​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ร่างกาย​ ส่วน​ปราณ​วิญญาณ​เพิ่ม​ศักยภาพ​และ​จิตวิญญาณ​เพื่อ​นำมา​ผสาน​กัน​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

“โลก​ใบ​ใหม่​ไม่รู้​ว่า​เป็นระบบ​พื้นฐาน​อะไร​ ลอง​ฝึก​ไปก่อน​ก็แล้วกัน​ ไว้​คราวหน้า​ หลังจาก​เพิ่ม​ระบบ​ของ​ที่นี่​เข้ามา​ แล้ว​ค่อย​หลอม​รวม​และ​เรียนรู้​อีกครั้ง​”

หลังจาก​ลู่​เซิ่งเลือก​วิชา​ได้​ ก็​ก้ม​หมอบ​ต่ำ​โคจร​เลือด​ลม​อยู่​ใน​โพรงไม้​เงียบๆ​ พร้อมกับ​ดูดซับ​ปราณ​วิญญาณ​จาก​ด้านนอก​

ประสิทธิผล​ของ​การ​โคจร​เลือด​ลม​ไม่ได้ดี​ไปกว่า​การออกกำลังกาย​สัก​เท่าไร​นก​ สำหรับ​คน​ส่วนใหญ่​แล้ว​ แทนที่จะ​โคจร​เลือด​ลม​สิบ​ครั้ง​ สู้ไปวิ่ง​รอบ​สนาม​ยัง​จะมีประสิทธิภาพ​มากกว่า​อีก​

แต่​การ​โคจร​เลือด​ลม​นี้​ยัง​มีประโยชน์​มหาศาล​อยู่​อย่างหนึ่ง​ นั่น​คือ​สามารถ​ฝึกฝน​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​อวัยวะภายใน​ได้​

คำพูด​ที่ว่า​ฝึก​รอบ​เดียว​ได้​ทั้ง​ภายใน​ภายนอก​ ได้​ฝึก​ทั้ง​เอ็น​ กระดูก​และ​ผิวหนัง​ ก็​มีความหมาย​เช่นนี้​เอง​

สำหรับ​ลู่​เซิ่งแล้ว​ หลังจาก​โคจร​วิชา​การฝึกฝน​ของ​เขา​ด้วย​แล้ว​ ประโยชน์​เช่นนี้​จะมีประสิทธิผล​มากกว่า​เดิม​สิบ​เท่า​ ร้อย​เท่า​ พัน​เท่า​

ผ่าน​ไปครึ่ง​เดือน​กว่า​ หลังจากที่​เขา​เริ่ม​ฝึกฝน​ ร่างกาย​ก็​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​อีก​ขั้น​อย่าง​บ้าคลั่ง​

เพราะ​มีข้อได้เปรียบ​จาก​ปราณ​ปฐพี​ และ​ไม่ต้อง​กังวล​เรื่อง​ขอบเขต​ กอปร​กับ​ที่นี่​มีปราณ​วิญญาณ​เข้มข้น​จน​น่าสะพรึงกลัว​

โพรง​ต้นไม้​เดิม​จึงไม่อาจ​สนองความต้องการ​ของ​เขา​ได้​อีกแล้ว​

เวลานี้​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ที่​เดิม​ที่​ใหญ่​เท่า​กำปั้น​ ก็​มีขนาด​เท่า​อ่างล้างหน้า​แล้ว​ ตอน​แร​กห​ลัน​ซีกับ​เอิน​รั่ว​ต่าง​ก็​ตื่น​ตะลึง​หวาดกลัว​ แต่​ภายหลัง​ก็​เริ่ม​ชินชา​

ขณะ​มอง​ลู่​เซิ่งเติบใหญ่​ขึ้น​เรื่อยๆ​ พวกเขา​ก็​เริ่ม​สงสัย​ว่า​ ครั้งกระโน้น​ตน​ไปกิน​วัตถุ​ฟ้าสมบัติ​ดิน​อะไร​เข้า​ แล้ว​สารอาหาร​ส่งไปถึงตัว​ลู่​เซิ่งทั้งหมด​โดยไม่รู้ตัว​หรือเปล่า​

ถ้าไม่ใช่เพราะ​รูปลักษณ์ภายนอก​ของ​ลู่​เซิ่งยัง​เป็น​ลักษณะ​ของ​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ตาม​มาตรฐาน​ พวกเขา​คง​เริ่ม​เคลือบแคลง​แล้ว​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​ลูก​พวก​ตน​หรือไม่​

หน้าตา​ของ​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​นั้น​เหมือนกับ​นกกระจอก​ที่​ใหญ่​กว่า​ เพียงแต่​มีสีขน​เป็น​สีคราม​ และ​ดวงตา​เรืองแสง​สีคราม​อ่อน​เท่านั้น​

วัน​เวลา​ผ่าน​ไปวันแล้ววันเล่า​ ไม่นาน​ลู่​เซิ่งก็​เริ่ม​ขยายอาณาเขต​ออก​ไปไกล​กว่า​เดิม​

เขา​จำเป็นต้อง​สัมผัส​กับ​ระบบ​อารยธรรม​ของ​ที่นี่​ให้​เร็ว​ยิ่งขึ้น​ มีแต่​ระบบ​อารยธรรม​ขนาดใหญ่​เท่านั้น​ ถึงจะมีโอกาส​เจอ​ต้นไม้​ยักษ์​สีดำ​ กับ​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ที่​เขา​ตามหา​

สอง​สิ่งนี้​เป็น​กุญแจ​สำคัญ​ที่​เขา​ต้อง​ใช้ตามหา​ครอบครัว​

นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​บิน​ได้​รวดเร็ว​ยิ่ง​ หนึ่ง​วัน​สามารถ​บิน​ได้​มากกว่า​หมื่น​ลี้​ เขา​ใช้รัง​เป็น​ศูนย์กลาง​ รัศมี​หมื่น​ลี้​นี้​ คือ​ต้นไม้​ยักษ์​สูงเทียมฟ้า​ ไม่เห็น​ข้อบ่งชี้​ถึงผู้คน​เลย​

ด้วย​ความ​จนปัญญา​ เขา​ได้​แต่​สอบถาม​ประสบการณ์​จากห​ลัน​ซีที่อยู่​มาร้อย​กว่า​ปี

“มีเผ่าพันธุ์​ขนาดใหญ่​ที่​ติดต่อ​กับ​โลก​ภายนอก​ และ​พูด​ได้​หรือ​ไม่อย่างนั้น​หรือ​” ห​ลัน​ซีเอ่ย​อย่าง​แปลกใจ​ “เรื่อง​นี้​ข้า​รู้​ ทางตะวันตก​มีต้นไม้​ยักษ์​ต้น​หนึ่ง​ บน​นั้น​มีเทพ​อีกา​ทอง​ที่​ไฟลุก​ท่วม​ตัว​อาศัย​อยู่​สิบ​ตัว​ ว่า​กัน​ว่า​พวกเขา​คือ​เผ่าพันธุ์​ที่​ติดต่อ​กับ​โลก​ภายนอก​เป็น​นิจ​”

“…อีกา​ทอง​หรือ​ขอรับ​” ลู่​เซิ่งพลัน​งงงวย​ เหมือน​เขา​จะเข้าใจ​แล้ว​ว่า​ตนเอง​มาที่ไหน​

นี่​มัน​โลก​เทพนิยาย​ชัด​ๆ เลย​ไม่ใช่หรือ​

“ใช่ ยังมี​สถานที่​ที่​ลือ​กัน​ว่า​ไกล​ออก​ไป มีเผ่าพันธุ์​ที่​ถูก​เรียก​ว่า​มนุษย์​ พวกเขา​แบ่ง​เป็น​กองกำลัง​ต่างๆ​ มักจะ​ก่อ​สงคราม​เข่นฆ่า​กัน​” เอิน​รั่ว​เสริม​ขึ้น​จาก​ด้าน​ข้าง​

“ก่อนหน้านี้​ข้า​เคย​ไปที่หนึ่ง​ ที่นั่น​เรียก​นก​ที่​มีสติปัญญา​อย่าง​พวกเรา​ว่า​ปีศาจ ว่า​กัน​ว่า​มีสัตว์​ศักดิ์สิทธิ์​กับ​สัตว์​เทพ​ที่​แข็งแกร่ง​จับกลุ่ม​กัน​ สร้าง​อุทยาน​ปีศาจขึ้น​มา! ยังมี​จักรพรรดิ​ปีศาจเรียก​ตัวเอง​ว่า​จักรพรรดิ​ฟ้าด้วย​!” ห​ลัน​ซีกล่าว​พลาง​ส่ายหน้า​

“คิดดู​แล้ว​ นั่น​มัน​ช่างเยี่ยมยอด​โดยแท้​! อย่าง​พวกเรา​ก็​เป็นได้​แค่​ปีศาจน้อย​เท่านั้น​ มีแต่​หงส์​ไฟสัตว์​เทพ​ตัว​นั้น​ที่อยู่​แถว​นี้​ที่​อาจจะ​นับ​เป็น​ตัวละคร​ตัว​หนึ่ง​” ห​ลัน​ซีเผย​สีหน้า​ใฝ่ฝัน​

“สัตว์​เทพ​หงส์​ไฟหรือ​ขอรับ​ ใกล้​ๆ นี้​มีอะไร​แบบนี้​อยู่​ด้วย​หรือ​” ลู่​เซิ่งงงงัน​

“ถูกต้อง​ จะว่า​ไป บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ก็​มีสายเลือด​หงส์​ไฟเช่นกัน​ แต่​พอ​มาถึงรุ่น​เรา​ ก็​อ่อนแอ​ลง​ไม่รู้​ตั้ง​เท่าไร​ เหลือ​แค่​เนตร​วิเศษ​ที่​พอ​จะมีประโยชน์​เท่านั้น​” เอิน​รั่ว​อธิบาย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“จริง​หรือ​ขอรับ​” ลู่​เซิ่งนึกถึง​สิ่งเจือปน​ทาง​สายเลือด​ที่​เขา​พบ​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​โดย​ไม่ได้​ตั้งใจ​ ของ​สิ่งนั้น​เหมือน​จะพ่น​ไอ​ร้อน​ได้​ แต่​ถูก​เขา​ขจัด​ไปใน​ฐานะ​สิ่งเจือปน​ หรือว่า​ของ​สิ่งนั้น​จะเป็น​สายเลือด​หงส์​ไฟที่ว่า​

“หงส์​ไฟร้ายกาจ​ขนาด​ไหน​หรือ​ขอรับ​” เขา​ถามอีก​

“ไม่รู้​สิ…ถึงอย่างไร​ก็​แข็งแกร่ง​มาก​ๆ” นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ไม่ค่อย​เข้าใจ​สอง​เรื่อง​นี้​มาก​นัก​

ลู่​เซิ่งถามต่อ​อีกหน่อย​ แต่​ก็​ไม่ได้ความ​อะไร​

เช้าตรู่​วัน​ต่อไป​ ลู่​เซิ่งบินวน​อยู่​รอบ​หนึ่ง​ กิน​จน​อิ่ม​แปล้​ จากนั้น​ก็​มุ่งหน้า​ไปยัง​เนินเขา​สีขาว​ที่​จิ้งจอก​หยก​ศิลา​ เผ่าพันธุ์​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​ละแวก​นี้​อาศัย​อยู่​

ระหว่าง​เนิน​สีขาว​ทอด​สลับ​สูงต่ำ​

ลู่​เซิ่งกระพือปีก​ทิ้งตัว​ลง​ด้านหน้า​เนินเขา​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​

เวลานี้​ถ้าเขา​ยืด​ตัวตรง​ จะสูงเท่าครึ่ง​คน​ เมื่อ​เขา​ใช้เนตร​วิเศษ​เรืองแสง​คราม​ของ​นก​กระเรียน​อาภรณ์​คราม​ออกมา​ กลับ​ชวน​ให้​เขา​สัมผัส​ได้​ถึงความลี้ลับ​น่าเกรงขาม​เกิน​กว่า​จะบรรยาย​

ด้าน​ข้าง​เนินเขา​มีประตู​ศิลา​สีขาว​ที่สูง​เท่า​สอง​คน​ครึ่ง​อ้า​แง้มอยู่​ เผย​ให้​เห็น​จิ้งจอก​สีขาว​สูงเท่า​เอว​คน​ตัว​หนึ่ง​เดิน​ออ​กม​จาก​ประตู​อย่าง​เชื่องช้า​

จ้องมอง​ตา​เรืองแสง​ใน​ความมืด​สลัว​ ให้​ความรู้สึก​เจ้าเล่ห์เพทุบาย​ยิ่งนัก​

ขณะเดียวกัน​ ใน​เนิน​รอบ​ๆ ก็​มีดวงตา​จิ้งจอก​สีเขียว​อึมครึม​หลาย​คู่​สลับ​กัน​สว่าง​ขึ้น​เช่นกัน​ ดวงตา​ทั้งหมด​จ้องมอง​ลู่​เซิ่ง

ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​รอบ​ๆ ด้วย​สีหน้า​นิ่งเฉย​

“เอา​ตัว​ที่​พูด​ได้มา​” เขา​ส่งเสียง​ แม้เสียง​ที่​เปล่ง​ออก​ไปจะเป็น​เสียงร้อง​ของ​นก​ แต่​เขา​รู้​ว่า​จิ้งจอก​พวก​นี้​เข้าใจ​

ใน​ช่วง​เวลานี้​เขา​ออก​หาอาหาร​ไปทั่ว​ ใช่ว่า​ไม่เคย​เจอ​จิ้งจอก​เหล่านี้​ เพียงแต่​ครั้งนี้​เป็นครั้งแรก​ที่​ได้​พูดคุย​กัน​ตรงๆ​

จิ้งจอก​ทั้ง​ฝูงย่อม​เคย​เห็น​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ลู่​เซิ่งมาก่อน​ ตอนแรก​พวกเขา​มีความคิด​ที่จะ​ล่า​ลู่​เซิ่ง แต่​ต่อมา​ หลังจาก​ลู่​เซิ่งตัว​โต​ขึ้น​เรื่อยๆ​ พวกเขา​ส่วนใหญ่​ก็​ยอมแพ้​ไป

เพียงแต่​อยู่​ๆ ตอนนี้​ลู่​เซิ่งมาถึงประตู​บ้าน​พวกเขา​ ไม่รู้​ว่า​วางแผน​อะไร​ไว้​

ไม่นาน​นัก​ จิ้งจอก​สีเทา​แซมขาว​เก้า​หาง​ก็​ค่อยๆ​ เดิน​ออก​มาจาก​เนินเขา​

“ข้าน้อย​ชิงย่วน​ เป็น​ประมุข​เนิน​จิ้งจอก​ ขอ​เรียนถาม​ว่า​คุณชาย​ลู่​มาทำ​อะไร​อย่างนั้น​หรือ​” จิ้งจอก​เอ่ย​ด้วย​เสียง​สตรี​บริสุทธิ์​ นุ่มนวล​น่ารัก​ ไพเราะ​ยิ่ง​

ลู่​เซิ่งหรี่ตา​ อีก​ฝ่าย​ถึงกับ​รู้​ชื่อ​เขา​

“จิ้งจอก​เก้า​หาง​ เรียก​ข้า​ว่า​คุณชาย​ ดูเหมือน​ท่าน​จะมีการ​ติดต่อ​กับ​มนุษย์​กระมัง​”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​หัวเราะ​คำ​หนึ่ง​

“เป็น​อย่าง​ที่ว่า​จริงๆ​ สามสิบ​กว่า​ปีก่อน​ ข้า​เคย​รับใช้​จอม​เวท​คน​หนึ่ง​จาก​เผ่า​มนุษย์​ร่วมกับ​พี่สาว​น้องสาว​”

“เคย​รับใช้​จอม​เวท​หรือ​” ลู่​เซิ่งพลัน​เข้าใจ​ ครั้งนี้​มาถูก​ที่แล้ว​จริงๆ​

“อย่างนั้น​ ข้า​อยาก​ทำการ​แลกเปลี่ยน​กับ​เผ่า​เจ้า” เขา​กล่าว​เสียงกังวาน​

“แลกเปลี่ยน​หรือ​ เช่นนั้น​ต้อง​ดู​ว่า​ท่าน​มีคุณสมบัติ​หรือไม่​”

ทันใดนั้น​พลัน​มีเสียง​ลม​พุ่ง​มาจาก​ด้านหลัง​ลู่​เซิ่ง ขณะเดียวกัน​สนาม​พลัง​เหนียวหนืด​สาย​หนึ่ง​ก็​ครอบคลุม​ตัว​เขา​ไว้​ เหมือนกับ​สกัด​การเคลื่อนไหว​ทั้งหมด​ของ​เขา​

แทบจะ​เป็น​ในเวลาเดียวกัน​ รอบ​ๆ มีเงาจิ้งจอก​สิบ​กว่า​สาย​ลอย​ขึ้น​มา กระโจน​ใส่ลู่​เซิ่งดุจ​สายฟ้า​ฟาด​ พลัง​พิเศษ​ลด​ความเร็ว​สิบ​กว่า​สาย​ถูก​ใช้ตรึง​ร่าง​ของ​เขา​

ฟ้าว!​

ประกาย​เย็นเยียบ​สีเงิน​จุด​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​

ลู่​เซิ่งชัก​มือ​กลับ​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​ ปลาย​ปีกขวา​ที่​คมกริบ​ราวกับ​มีด​พลัน​มีเลือด​หยด​ลงมา​

จิ้งจอก​หยก​ศิลา​สิบ​กว่า​ตัว​พา​กัน​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​ เลือดสาด​กระจาย​ หมด​ลมหายใจ​

“ข้า​รู้​มานาน​แล้ว​ว่า​ การ​แลกเปลี่ยน​ เป็น​สิ่งที่​ไม่ต้อง​จ่าย​เงิน​ก็ได้​…” ลู่​เซิ่งเดิน​ย่าง​เข้าหา​จิ้งจอก​เก้า​หาง​

“เหมือน​เช่น​ใน​ตอนนี้​”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​พลัน​สีหน้า​เปลี่ยนไป​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท