สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 275 ร่วมเดินทางกับท่าน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 275 ร่วมเดินทางกับท่าน

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งออกมา เฮ่อชิงเซียวอดมองไปทางซินโย่วไม่ได้

ซินโย่วก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ได้มองมาทางเขา

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

“ซินไต้จ้าว เจ้ากลับไปก่อน เรายังมีคำพูดสั่งการผู้บัญชาการเฮ่อ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ซินโย่วถอยออกไป ตอนก้าวออกจากธรณีประตู สุดท้ายยังอดมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่งไม่ได้

นางเห็นแผ่นหลังผึ่งผายเข้มแข็งดุจต้นสน ทานแรงลมราวต้นไผ่

“ซินไต้จ้าวระวังธรณีประตู” ขันทีที่ส่งซินโย่วออกไปเอ่ยเตือน

วันนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ให้ซินโย่วอยู่ฟังการหารือราชกิจ ย่อมสร้างผลกระทบในใจให้ใครหลายคน ไม่เพียงแค่แค่ขุนนางในราชสำนัก ยังมีบรรดาขันที

“ขอบคุณ” ซินโย่วยิ้มบางพลางเอ่ยขอบคุณ

ขันทีต้องหาทางดำรงชีวิตในวัง การแสดงความเป็นมิตรคล้ายว่าเป็นความสามารถพื้นฐาน กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบกลับเช่นนี้

เขานิ่งอึ้งไปทันที อดก้มศีรษะลงไม่ได้ ความรู้สึกยากบรรยาย

ในพระที่นั่ง เฮ่อชิงเซียวยังคุกเข่าอยู่

“ชิงเซียว เจ้ารู้ไหมว่าเราให้ความสำคัญกับซินไต้จ้าวมาก การเดินทางลงใต้ครั้งนี้ จะต้องพบกับอุทกภัย หวังว่าเจ้าจะปกป้องความปลอดภัยซินไต้จ้าวเป็นอันดับหนึ่ง หากเขาเกิดเหตุอันใดขึ้น เจ้ารู้ผลที่จะตามมาใช่หรือไม่”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น แฝงนัยเตือน

เฮ่อชิงเซียวตอบรับสงบนิ่ง “ขอฝ่าบาทวางพระทัย หากซินไต้จ้าวเกิดเหตุ กระหม่อมจะไม่มีทางดำรงชีวิตอยู่ต่อ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์พอพระทัย จากนั้นก็หารือเรื่องจำนวนผู้คุ้มกันที่จะนำไปด้วย เส้นทางครั้งนี้มีรายละเอียดมากมาย

“เรื่องตรวจสอบขุนนางเก่าแก่พวกนั้นก็ยังต้องดำเนินการ”

“ดำเนินการต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนกระหม่อมไม่อยู่เมืองหลวงก็จะมีคนรับหน้าที่นี้พ่ะย่ะค่ะ”

ในฐานะเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เฮ่อชิงเซียวออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกเมืองหลวงไม่น้อย การไม่อยู่ของเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ

ก่อนหน้านี้เฮ่อชิงเซียวไปติ้งเป่ยสอบคดีทุจริต ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังคำมหาขันทีซุนเหยียน ตอนนั้นให้ผู้เจิ้นฝูสื่อสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือเซียวเหลิ่งสือมารับตำแหน่งชั่วคราว ความจริงเพราะสงสัยว่าเฮ่อชิงเซียวมีความรู้สึกส่วนตัวกับคุณหนูโค่ว มีเหตุสมควรเปลี่ยนคนสอบสวนที่อยู่ของท่านซงหลิงจากคุณหนูโค่ว

ตอนออกจากวัง เฮ่อชิงเซียวกลับไปสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือจัดการเตรียมคนที่จะเดินทางไปด้วย ก่อนจะกลับจวนฉางเล่อโหว

“ท่านโหวจะไปรับโลงพระศพฮองเฮาเข้าเมืองหลวงกับคุณชายซิน?”

ได้ยินเฮ่อชิงเซียวเอ่ย น้ากุ้ยก็ประนมมือขึ้น “คุณชายซินมีความกตัญญูเช่นนี้ ฮองเฮาบนสวรรค์ก็คงเป็นสุขแล้ว”

นางเคยแอบไปถนนเทียนเจียดูคุณชายซินแล้ว เป็นหนุ่มน้อยที่งามท่าทางเฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง

น่าเสียดายสถานะนางตอนนี้หากเข้าไปทำตัวใกล้ชิด เกรงว่าจะยุ่งยาก ได้แต่อดทนเอาไว้ คิดไม่ถึงท่านโหวจะได้ร่วมเดินทางไปกับคุณชายซิน

น้ากุ้ยอยู่แต่ในจวนโหว ไม่เข้าใจอุทกภัยทางใต้กระจ่างนัก รู้ข่าวนี้ก็มีแต่ความยินดี “ท่านโหวดูแลคุณชายซินให้ดี แล้วก็ดูแลตนเองให้ดีด้วย รอท่านโหวกลับมา สุราที่บ่าวบ่มไว้ก็ได้เวลาแล้ว ถึงตอนนั้นท่านโหวนำไปชิมกับคุณชายซินนะเจ้าคะ”

ในความคิดนาง ตอนนี้ท่านโหวยังไม่สนิทกับคุณชายซิน อยู่ร่วมกันทุกค่ำเช้าระหว่างเดินทาง รอกลับถึงเมืองหลวงก็ย่อมสนิทกันแล้ว

“ท่านโหวจะเดินทางเมื่อไร”

“อีกสองวันก็จะออกเดินทาง”

อีกสองวันออกเดินทาง เวลากระชั้นชิดมาก แต่นี่การไปรับโลงพระศพฮองเฮาเข้าเมืองหลวง น้ากุ้ย ย่อมไม่เอ่ยอันใด คิดเพียงเรื่องเดียว “ก่อนหน้านี้ท่านโหวบอกว่ารอให้มีวันหยุดก็จะให้บ่าวทำเป็ดหนังกรอบ นี่อีกไม่กี่วันก็จะออกเดินทางแล้ว”

น้ำเสียงน้ากุ้ยอดเสียใจไม่ได้

ท่านโหวไม่ใช่คนเห็นแก่กิน เอ่ยถึงเป็ดหนังกรอบหลายครั้ง แต่ยังตั้งใจจะให้นางทำในวันหยุด ต้องนัดกับคุณหนูโค่วไว้แล้ว น่าเสียดายที่พลาดโอกาสนี้ไป

สวรรค์ใจร้ายทนเห็นท่านโหวสละโสดไม่ได้กระมัง

เฮ่อชิงเซียวเห็นสีหน้าเสียดายของน้ากุ้ย ก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “วันเดินทางวันนั้น น้ากุ้ยทำให้ข้าชุดหนึ่ง ข้าจะนำไปกินระหว่างทาง”

ได้ยินเช่นนี้ น้ากุ้ยไม่เพียงไม่รู้สึกดีใจ กลับเผยสีหน้ายากบรรยาย

สรุป ไม่มีเรื่องอันใดเกี่ยวข้องกับคุณหนูโค่ว เป็นเพียงความอยากกินของท่านโหวคนเดียวเท่านั้น

นางตำหนิสวรรค์ผิดไป

“น้ากุ้ย?”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” น้ากุ้ยหน้าบึ้งเดินหนีไป

ซินโย่วกลับถึงสำนักฮั่นหลินย่วน หลังเลิกงานก็ไม่รีบกลับที่พัก ตั้งใจรออยู่บนเส้นทางที่รองเจ้ากรม ต้วนต้องผ่านตอนกลับจวน

รองเจ้ากรมต้วนกับสหายขุนนางเดินมาทางนี้ด้วยกันก็เห็นซินโย่ว

ตอนนี้รองเจ้ากรมต้วนสงบจิตใจลงได้แล้ว แตกต่างจากตอนแรกที่รู้ว่าซินไต้จ้าวก็คือหลานสาวโค่วชิง ชิงแล้วก็แทบจะปรี่มาถามต่อหน้านางให้ได้ พอสงบจิตใจลงได้แล้ว ก็แสดงท่าทีคอยหลบซินโย่ว

ไม่ว่านังเด็กนี่ใช่หลานสาวตัวจริงของเขาหรือไม่ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือขอให้นังเด็กนี่อายุยืนยาวอย่าได้ถูกเปิดโปง ไม่ใช่มาเผยตัวตนต่อหน้านางให้เป็นที่สนใจ

รองเจ้ากรมต้วนหันหน้าหนีเดินต่อไป แสร้งทำไม่เห็น แต่ก็ได้ยินเสียงเรียก “รองเจ้ากรมต้วน”

รองเจ้ากรมต้วนกัดฟันแน่น หากเขามีความผิด ฟ้าก็ฟาดลงกลางกระหม่อมเขา อย่างไรก็ได้ตายให้จบๆ ไป ไม่ใช่ต้องมาทนทรมานรับความตกใจหวาดกลัวเช่นนี้

รองเจ้ากรมต้วนยังคิดแสร้งไม่ได้ยิน สหายขุนนางข้างๆ ดึงแขนเสื้อเขาไว้ “พี่ต้วน ซินไต้จ้าวเรียกท่าน”

รองเจ้ากรมต้วน “…”

ชีวิตเช่นนี้ ไม่อาจดำรงต่อไปได้แล้วจริงๆ!

ซินโย่วเดินเข้ามาประสานมือให้รองเจ้ากรมต้วน “ก่อนหน้านี้ตอนข้าน้อยตกต่ำ โชคดีได้คุณหนูโค่วดูแล ได้ยินว่ารองเจ้ากรมต้วนเป็นลุงของคุณหนูโค่ว จึงได้ตั้งใจมาคารวะ”

ไม่รู้สายตาผู้คนมองมามากมายเพียงใด รองเจ้ากรมต้วนฝืนยิ้มกล่าวว่า “ซินไต้จ้าวเกรงใจไปแล้ว”

ซินโย่วเดินไปหารองเจ้ากรมต้วนด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นปกติสบายอารมณ์ดังคุยเรื่องทั่วไปว่า “ใต้เท้าต้วนกลับจวนหรือ”

“เจ้า…” รองเจ้ากรมต้วนเค้นเสียงออกมาคำหนึ่ง ก็หรี่เสียงถามว่า “เจ้าต้องการทำอันใด”

“อีกสองวันข้าจะต้องเดินทางไกล” ซินโย่วใบหน้ามีรอยยิ้มที่ไร้ช่องโหว่โจมตี เอ่ยจุดประสงค์ที่มาพบรองเจ้ากรมต้วนเบาๆ “ทางคุณหนูโค่วก็รบกวนใต้เท้าต้วนดูแลให้มากสักหน่อยแล้ว”

รองเจ้ากรมต้วนควบคุมสีหน้าดำทะมึนไม่ได้ แต่พอสบสายตาเตือนของซินโย่วจึงได้ฝืนยิ้มอีกครั้ง “เจ้าเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่!”

“ใต้เท้าต้วน อย่าได้เอ่ยวาจาไร้ความหมายเช่นนี้อีก ก็แค่มาบอกท่านสักคำเท่านั้น”

สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนบิดเบี้ยวขึ้นมาชั่วแวบหนึ่ง ก่อนกัดฟันหรี่เสียงถามขึ้นว่า “เกิดองค์หญิงใหญ่ต้องการพบเจ้าล่ะ ฮ่องเต้ต้องการพบเจ้าล่ะ หรือว่าไทเฮาต้องการพบเจ้าล่ะ”

สวรรค์ พอเอ่ยออกไปเช่นนี้ จึงพบว่านังเด็กนี่ตอนยังมีสถานะโค่วชิงชิง ก็หาเรื่องไปถึงบรรดาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มากมายเช่นนี้แล้ว!

รองเจ้ากรมต้วนหน้ามืดแทบจะเป็นลมหมดสติ

“ก็บอกว่าล้มป่วย ข้าเชื่อว่าใต้เท้าต้วนมีวิธี” ซินโย่วประสานมือ “ข้าจะเดินไปทางนั้น ก็ขออำลาใต้เท้าต้วนตรงนี้แล้ว”

“ซินไต้จ้าวเดินดีๆ นะ” รองเจ้ากรมต้วนฝืนบังคับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ พอสหายขุนนางเข้ามาแสดงอาการอิจฉา ก็ได้แต่รู้สึกว่าชีวิตนี้จบสิ้นเสียดีกว่า

ข่าวซินไต้จ้าวต้องการไปรับโลงพระศพฮองเฮาด้วยตนเอง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่คิดปิดบังเรื่องนี้ วันรุ่งขึ้นก็แพร่สะพัดไปถึงหูคนไม่น้อย

บรรดาขุนนางรอประชุมเช้าอยู่ ก็จับกลุ่มเล็กๆ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้

“เขาต้องการสร้างชื่อเสียง!” ใต้เท้าเติ้งสีหน้าไม่พอใจ “ท่านจัง หนุ่มน้อยผู้นี้ย่อมมิใช่คนดำรงตนสงบเสงี่ยม”

จังโส่วฝู่ลูบเคราเบาๆ สีหน้ากลับไม่รู้สึกแปลกอันใด “ด้วยสถานะเขา สงบเสงี่ยมสิเป็นเรื่องน่าแปลก”

ไม่ว่าบรรดาขุนนางคิดเช่นไร ผู้เป็นบุตรเดินทางไปรับโลงศพมารดาด้วยตนเองเป็นหลักการเหตุผลที่สมควร ไม่อาจเอ่ยวาจาขัดขวางได้ การประชุมท้องพระโรงวันนี้จึงไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้

ห้องโถงทำงานไต้จ้าวตอนใกล้เลิกงาน ฮว่าไต้จ้าวอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ซินไต้จ้าว พรุ่งนี้เจ้าก็จะไปจากเมืองหลวงแล้วหรือ”

ซินโย่วอมยิ้มพยักหน้า “ใช่”

ฮว่าไต้จ้าวดึงจานปู่ไต้จ้าวมาตรงหน้านาง “ออกนอกบ้านขอเพียงแต่ปลอดภัย ซินไต้จ้าวให้พี่จานปู่ทำนายให้เจ้าสักหน่อย?”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท