ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 802 เดินเคียงข้างคุณบนถนนที่หรงเฉิง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 802 เดินเคียงข้างคุณบนถนนที่หรงเฉิง

ทนายอันยังไม่ตื่น หลังจากเมื่อวานโดนสาดน้ำปลุก ก็ไปส่งพัสดุด่วนทั้งคืนจนรุ่งสางถึงจะได้กลับมานอนหลับที่โรงแรม เวลานี้โจวเจ๋อก็ขี้เกียจไปรบกวนเขาเหมือนกัน

สิ่งที่โจวเจ๋อไม่รู้ก็คือ เมื่อกลับมาถึงโรงแรมแล้ว ทนายอันพกเหล้าขาวมาด้วยหลายขวด ส่วนเด็กชายนั่งอยู่บนเตียง ใส่เฝือกที่ขาให้ฮวาหูเตียวพลางมองดูเขารินเหล้าดื่มเอง

ทนายอันรู้สึกขมขื่น แต่ไม่สามารถแสดงออกได้

มีสี่คนในกลุ่ม เขาเป็นคนนำขบวนรบ ยุ่งเหยิงอีนุงตุงนังไม่ว่า แถมยังโดนสิงร่างอย่างงงๆ แล้วยังโดนซ้อมอีกต่างหาก คนอื่นรวมถึงคนข้างๆ เขายังได้เลี้ยงแมวการ์ฟิลด์ตั้งหนึ่งตัว ตัวเขาเองไม่ได้แม้แต่รางวัลปลอบใจเลยสักนิด

เหล้ารสแรงไหลผ่านลำคอก็ยังขมขื่นอยู่ดี

จนกระทั่งประมาณเก้าโมงเช้า ทนายอันถึงได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างเด็กชายจนผล็อยหลับไป

โจวเจ๋อขึ้นรถไฟหัวกระสุนกับอิงอิง และมาถึงหรงเฉิงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากลงรถก็นั่งแท็กซี่ไปที่ฐานเพาะพันธุ์หมีแพนด้าต่อ

เมื่อเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว จะเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานก็เป็นธรรมดา จะออกมาข้างนอกแต่ละรอบไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งก่อนที่เสฉวน ความทรงจำอัดแน่นเหลือเกินจนไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นอะไรเลย ครั้งนี้จะต้องเลี้ยงฉลองให้ตัวเองสักหน่อย

ประจวบเหมาะกับช่วงวันหยุดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ มีนักท่องเที่ยวล้นหลาม หลังจากซื้อตั๋วแล้วจึงจูงมืออิงอิงเดินเข้าไปด้านใน เดิมทีวิธีเที่ยวชมตามปกตินั้นคือการนั่งรถบัสนำเที่ยวชมทิวทัศน์สวยงามและตรงไปยังยอดเขาของที่นี่ แล้วเดินลงไปชมหมีแพนด้า อย่างนี้จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป เพียงแต่จำนวนคนที่เข้าคิวขึ้นรถบัสนำเที่ยวฝั่งนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน โจวเจ๋อจึงพาอิงอิงเดินขึ้นเขาเสียเลย อีกทั้งร่างกายของทั้งสองคนยอดเยี่ยมมาก ร่างกายแข็งแรงไม่มีปัญหาใดๆ

อิงอิงซื้อมงกุฎที่ทำจากใบไผ่ของคุณป้าที่ขายตามริมถนนมาสวมบนหัว ดูมีความสุขมาก

โจวเจ๋ออดกลั้นห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอพูดออกไปว่าสวมสิ่งนี้มันเชยมาก จึงพยักหน้าและยิ้มบางๆ ทั้งยังโบกมือให้อิงอิงถอยไปยืนด้านหลังอีกหน่อย แล้วถ่ายรูปให้เธอสองสามรูป

บางที ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นมะเร็งชายแท้หรือถูกลิขิตให้โดดเดี่ยวมีอยู่จริง ก็แค่ความชอบไม่ลึกซึ้งมากพอ

อืม แพนด้าในความจริงดูสกปรกเล็กน้อย คล้ายกับผู้หญิงก่อนและหลังล้างเครื่องสำอางออก แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นจริงยิ่งกว่า ขณะเดียวกันก็น่ารักยิ่งกว่าด้วย

หลังจากเยี่ยมชมแพนด้าไปสองชั่วโมง พอออกมาแล้วก็นั่งแท็กซี่มุ่งไปจิ๋นหลี่ ที่จริงถนนโบราณจิ๋นหลี่ไม่ได้มีอะไรน่าเที่ยว รวมไปถึงศาลอู่โหวที่อยู่ติดกันด้วย ให้บรรยากาศการค้าที่หนักหน่วงมาก ล้วนไม่น่าสนใจเท่าเมืองโบราณฉือชี่โข่วของเมืองภูเขาข้างๆ อย่างน้อยเมืองโบราณฉือชี่โข่วก็อยู่บนเขา

หลังจากเดินเล่นไปรอบๆ เพิ่งจะเป็นเวลาเที่ยงวัน หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียงจนอิ่ม ทั้งสองก็ไปที่สวนสาธารณะประชาชน จนไปเจอร้านน้ำชากลางแจ้งข้างๆ กระท่อมมุงจากตู้ฟู่แล้วนั่งลง

ชาสองถ้วย กาน้ำร้อนหนึ่งใบ เสิร์ฟพร้อมเมล็ดแตงโมและถั่วพิสตาชิโอ

ในที่สุดเถ้าแก่โจวก็ค้นพบความรู้สึกที่คุ้นเคยในอดีต

ติดกับริมแม่น้ำ

นอนลงบนเก้าอี้

ในมือถือถ้วยชา

เฮ้อ

สบายจัง

นี่ต่างหากถึงจะเป็นความลงตัวที่ดีที่สุดที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อมวลมนุษยชาติ!

อิงอิงนั่งข้างโจวเจ๋อ ช่วยแกะเปลือกเมล็ดแตงโมและถั่วพิสตาชิโอ เนื้อถั่วที่แกะแล้วกำอยู่ในมือ สะสมได้บางส่วนแล้วค่อยวางไว้บนจานตรงหน้าโจวเจ๋อ

“อิงอิง ถ้าเป็นเมล็ดแตงโมใช้ปากแกะเอาก็ได้ อย่างนี้จะได้ไวหน่อย”

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”

อืม เร็วขึ้นกว่าเดิมจริงๆ รสเค็มดั้งเดิมของเมล็ดแตงโมนั้น นาทีนี้พอกินดูแล้วเหมือนเติมน้ำตาลกรวดลงไปผัดด้วย

“มิน่าล่ะเพลงนั้นของจ้าวเหล่ย[1]ถึงได้ดังมาก หรงเฉิง (เฉิงตู) นอกจากเดินเคียงข้างคุณบนถนนแล้ว ก็ไม่มีสถานที่อะไรน่าเที่ยวเล่นอีก”

“เถ้าแก่ กินเมล็ดแตงโมเจ้าค่ะ”

นั่งคราวนี้นั่งจนบ่ายคล้อย จังหวะชีวิตในหรงเฉิงดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง

โดยทั่วไปคนที่นี่เป็นคนคิดตกและปลงได้ คนส่วนใหญ่เมื่อเกษียณได้ก็เกษียณเลย อยู่มาจนถึงวัยหนึ่งได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ จากนั้นชีวิตก็วนเวียนอยู่กับโต๊ะน้ำชาและโต๊ะไพ่นกกระจอก แต่ทงเฉิงอยู่ติดกับเซี่ยงไฮ้ จังหวะการใช้ชีวิต การแสวงหาเงินทอง รวมทั้งความตระหนักถึงความไม่มั่นคงของตนเองของคนในพื้นที่นั้น มันมีแรงจูงใจมากกว่าที่นี่จริงๆ

“เถ้าแก่ หรือว่าเราจะเปิดร้านหนังสือในหรงเฉิงดีเจ้าคะ”

โจวเจ๋อส่ายหน้าและพูดว่า “เปิดร้านหนังสือที่นี่ไปก็ไม่มีความหมาย”

“ทำไมหรือเจ้าคะ เถ้าแก่”

“คุณคิดดูนะ ร้านหนังสือของเราเปิดที่ถนนหนานต้า ขณะที่ผมนอนอาบแดดทุกวัน สิ่งที่เห็นคือทั้งผู้ชายและผู้หญิงตื่นตั้งแต่เช้าไปทำงานแสนยุ่งเหยิง พวกเขาเดินอย่างเร่งรีบและรีบร้อน ส่วนผมน่ะ ในมือถือแก้วกาแฟ แล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์พลางดูพวกเขาเพลินๆ ก็คล้ายกับเมื่อคำนึงถึงรสขมจึงคิดถึงรสหวานนั่นแหละ มีการเปรียบเทียบถึงจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมันได้ เข้าใจไหม ถ้าผมนอนอยู่ที่นี่แล้วมีคนกลุ่มใหญ่นอนดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ข้างๆ ผมด้วย มันจะไปมีความหมายอะไร”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะเถ้าแก่”

“อืม” โจวเจ๋อวางถ้วยชาลงและเอื้อมมือไปหยิบถั่วในจานตามความเคยชิน แต่กลับจับได้ความว่างเปล่า จึงเงยหน้ามองข้างๆ ตัวเอง

“เถ้าแก่ ที่นี่น่ะหนาวสู้ทงเฉิงของเราไม่ได้จริงๆ นะ” ขณะที่อิงอิงพูดก็แทะเมล็ดแตงโมไปด้วย พร้อมกันนั้นก็เคี้ยวเนื้อมันและกลืนลงไป

อึก…

โจวเจ๋ออดกลืนน้ำลายไม่ได้

“ฮู่ว…”

ทนายอันลุกขึ้นนั่งบนเตียง หนวดเครารุงรัง แววตาล่องลอย

ด้านหน้าเขานั้น เด็กชายนั่งอยู่ขอบเตียง ถือหนังสือ ‘ภูมิศาสตร์ตูเจียงเยี่ยน’ ไว้ในมือพลางอ่านมัน

“ผมว่าเด็กอย่างคุณอ่านของลึกซึ้งพรรค์นี้มัน…”

‘เพียะ!’ ทนายอันตบหน้าผากตัวเอง จนตัวเองรู้สึกวิงเวียน ถ้าคนตรงหน้านี้เป็นเด็กแล้วตัวเขาเป็นอะไร

เป็นไซโกต (ระยะแรกที่ไข่กับสเปิร์มผสมกันแล้ว) เหรอ

“ฟ้ามืดแล้วเหรอเนี่ย” ทนายอันมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่งเสียงจิ๊จ๊ะและคลำหาทั่วหัวเตียง

เด็กชายเขวี้ยงบุหรี่หนึ่งซองกับไฟแช็กมาให้

“ขอบคุณ”

ทนายอันหยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมาคาบไว้ในปากและจุดไฟ หลังจากดูดแล้วเขี่ยขี้บุหรี่บนป้าย ‘ห้ามสูบบุหรี่บนเตียง’ บนตู้ข้างเตียงตามความเคยชิน

“เถ้าแก่กับคนอื่นล่ะ น่าจะเรียกพวกเขากินข้าวเย็นกันได้แล้ว”

“เถ้าแก่ไปเที่ยวหรงเฉิงกับอิงอิง” เด็กชายตอบ

“อะแฮ่ม” ทนายอันกระแอมอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือลูบหน้าและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

ไม่นานนัก มีเสียงน้ำซ่าๆ ดังออกมาจากข้างใน ผ่านไปครู่หนึ่ง ทนายอันสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวของโรงแรมเดินออกมา

“เจ้าจะไปเที่ยวหาสาวๆ รึ” เด็กชายถามอย่างราบเรียบ

“นี่เรียกว่าไปปรับสมดุลหยินหยาง”

“รู้สึกไม่สบายใจก็เลยหาทางระบายแบบนี้ สนุกรึ” เด็กชายไม่ได้ชายตามองทนายอัน แม้ขณะที่พูดสายตายังคงจับจ้องที่หนังสือ

“ผมว่านะ วันนี้คุณเป็นอะไรไปเนี่ย”

“เจ้าต่างหากที่เป็นอะไร”

“ผมทำไมอีกล่ะ”

“เจ้าก็ไม่ทำไม”

“เหอะๆ ก็ผมว่างอยู่ ดึกดื่นมานั่งขายขำกับคุณอยู่ที่นี่น่ะ”

ทนายอันเปิดกระเป๋าเดินทางเตรียมเปลี่ยนชุด เสื้อผ้าชุดก่อนหน้านี้มีทั้งกลิ่นเหงื่อและคราบเปรอะเปื้อนอะไรต่อมิอะไร จะใส่มันออกไปได้อย่างไร

“เจ้าจะลงไปอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งไม่ได้ ตัวเจ้าเองต้องอัดอั้นมันไว้ให้ได้” เด็กชายเอ่ยพูดอีกครั้ง

“งั้นคุณว่ามาสิผมควรทำยังไง”

“นี่ก็ต้องดูสิ่งที่ตัวเจ้าเลือก”

“ใช่ไง คำพูดสวยหรูของคุณยอดเยี่ยมจริงๆ เหมือนผู้ที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าในอุลตร้าแมนเลย”

“ทำไมต้องรีบร้อนด้วย” ในที่สุดเด็กชายก็ละสายตาจากหนังสือและมองทนายอัน “เพราะทุกคนกำลังก้าวหน้า ทุกคนต่างได้รับโอกาส ทุกคนล้วนไม่ธรรมดา ทุกคนกำลังก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบแล้ว เจ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่เพียงแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น แต่ยังถดถอยอย่างมั่นคงอีกด้วยน่ะหรือ”

“ถดถอยอย่างมั่นคงเหรอ” คำบรรยายนี้โดนใจมาก!

“จริงๆ แล้ว เจ้าเป็นคนฉลาด แต่บางครั้งคนฉลาดเกินไปก็ไม่ดี” เด็กชายขมวดคิ้วและพูดต่อ “ทุกคนมีโชคชะตาของตัวเอง บางทีเจ้าก็ควรเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย”

“ผมรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปมากทีเดียว”

“นั่นมันก็แค่เจ้าคิดไปเอง” เด็กชายเดินไปริมหน้าต่างและเปิดออก มองดูภูเขาที่อยู่ไกลออกไปซึ่งเห็นได้ลางๆ ในยามค่ำคืน “เจ้าดูสิ ภูเขาตรงหน้าจะอยู่ที่นั่นตลอดกาล ไม่ว่าคนในเขตนี้จะสุข โกรธ เศร้า หรือว่าดีใจ มีกี่ครอบครัวที่มีความสุขหรือแตกแยกกันไป พวกมันก็ยังตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น”

“คุณกำลังหมายถึงอะไรกันแน่”

“ความหมายง่ายมาก ในเมื่อภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเรายังต้องรีบร้อนทำอะไรอีก”

“คุณโดนลมพัดจนเพี้ยนไปแล้วหรือไงถึงได้พูดคำพูดที่ชวนให้ไม่กระตือรือร้นขนาดนี้”

“อาจจะมั้ง น่าจะละมั้ง ประมาณนั้นแหละมั้ง ที่แท่นบูชาเมื่อคืนน่ะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรข้าก็ไม่ใจร้อน กระทั่งไม่ประหม่าแม้แต่น้อย ตั้งสมาธิกับเจ้าตัวนี้ด้วยความโล่งใจสบายๆ…” เด็กชายเหยียดเท้าออกไปเตะการ์ฟิลด์ที่ใส่เฝือกขาชูสูงนอนอยู่บนพื้นเบาๆ

“เมี้ยว…”

“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่าแค่ข้าทำสิ่งตรงหน้าอย่างจริงจังและทำมันให้ดีก็พอแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สู้กับมัน ข้าเผาแม้กระทั่งต้นกำเนิดออกไปบางส่วนถึงจะจับมันได้อีกครั้งด้วยซ้ำ”

“หึ ผมไม่รู้ด้วยแล้วว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงได้กลายเป็น…กลายเป็นอย่างนี้แล้ว คุณก็เป็นผีดิบผู้ยิ่งใหญ่มาหลายร้อยปีนี่นา…”

“เมื่อข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของ ‘บรรพบุรุษ’ ข้าก็เข้าใจแล้วเรื่องหนึ่ง ในเมื่อเขาลูกนั้นอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าข้าจะทำอะไร เขาลูกนั้นก็จะอยู่ตรงนั้นอยู่ดี”

“นี่…”

“เจ้ามักจะบอกว่าเจ้ามีขาสองข้างไว้ให้กอดพึ่งพิง แต่เจ้ากอดมันอยู่จริงๆ หรือ”

“ไร้สาระ ผมไม่ได้ทำแค่กอดนะ ผมยังประจบสอพลอด้วย!”

เสียงดังและทรงพลัง!

สีหน้าจริงจัง!

“ไม่ เจ้าไม่ใช่ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำอะไรอยู่มาโดยตลอด”

“อะไร”

“ขณะที่เจ้าตะโกนว่าเจ้าโชคดีที่มีสองขานี้ไว้ให้กอด เจ้าก็พยายามจะกำหนดทิศทางของขาทั้งสองข้างนี้ว่าจะไปทางไหนในขณะเดียวกัน”

ทนายอันเงียบไป

“การเป็นจี้ ไม่ได้เป็นกันอย่างนี้ เมื่อเป็นจี้ เจ้าจะต้องรับผิดชอบแค่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง รับผิดชอบแค่ความน่าสนใจรับผิดชอบแค่ความสนุกสนาน รับผิดชอบแค่นำความสนุกมาให้เจ้าเท่านั้น แต่ถ้าเจ้ายังยืนกรานจะเป็นหนามบนถนนที่พยายามเกี่ยวขากางเกง จุดจบของเจ้าก็จะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ”

“คำคมนี้เลี่ยนเยิ้มมากจริงๆ”

“ใช่ไหมล่ะ พอมองทะลุปรุโปร่งแล้วก็แค่นี้เองใช่ไหม เจ้านึกว่าเจ้ามองการณ์ไกล เจ้านึกว่าเจ้ามองเห็นอย่างลึกซึ้ง แต่ใครคือคนโง่ในโลกนี้ล่ะ”

“เหอะๆ”

“เอาเรื่องเมื่อวานเป็นตัวอย่าง บรรพบุรุษนิ่งเงียบมาโดยตลอด เจ้าคิดว่าทำไมเขาถึงเงียบล่ะ เถ้าแก่ราวกับจะบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้ว เขาบ้าคลั่งจริงๆ ไหม”

…………………………………………………………………………….

[1] เฉิงตู เป็นบทเพลงที่แต่งและร้องโดยจ้าวเหลย

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท