สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 277 เป็ดหนังกรอบ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 277 เป็ดหนังกรอบ

ฉีไต้จ้าวที่แต่ไรมาพูดจาน้อยพลันเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่เพราะขนมหวานชิ้นนั้น”

ฉือไต้จ้าวโต้กลับ “เหตุใดจะไม่ใช่ ความหมายของกงกงท่านนั้นเมื่อครู่ ไม่ได้กล่าวว่าเพราะพี่ฮว่ามอบขนมหวานให้ซินไต้จ้าว ซินไต้จ้าวจึงได้เอ่ยถึงเขาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทหรือ”

ฉีไต้จ้าวส่ายหน้า “ไม่ใช่ ขนมหวานไม่มีค่าควรเอ่ยถึง แต่ซินไต้จ้าวยินดีเอ่ยถึง”

ฉือไต้จ้าวอึ้งไปทันที เข้าใจความหมายของฉีไต้จ้าวแล้ว

ขนมหวานเล็กๆ ชิ้นหนึ่งจะกระไรนัก ฮว่าไต้จ้าวมีโอกาสได้เข้าเฝ้าได้ เพราะความใจดีของซินไต้จ้าว ให้คุณค่ากับน้ำใจเล็กๆ ที่มีต่อเขา

จานปู่ไต้จ้าวคาดเดาขึ้นมา หรือว่าผู้เกื้อกูลที่มาช่วยฮว่าไต้จ้าวก็คือซินไต้จ้าว?

หากเป็นเช่นนี้ วาสนาของฮว่าไต้จ้าวกับซินไต้จ้าวเกรงว่าคงมีมาก่อนขนมหวานชิ้นนั้น

แต่ไม่ว่าอย่างไร สถานะเช่นซินไต้จ้าวยินยอมคบหาขุนนางเล็กๆ เช่นพวกเขา ก็นับว่าพอได้เห็นถึงคุณธรรมประจำใจแล้ว

ฮว่าไต้จ้าวเข้าวัง ถูกนำตัวไปเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ยามนี้เคร่งเครียดจนฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระสุรเสียงอ่อนโยนกว่าที่เขาคิดไว้มาก “ไม่ต้องมากพิธี เราเรียกตัวเจ้ามาก็เพราะได้ยินว่าเจ้าชำนาญวาดภาพคน อยากให้เจ้าวาดให้เราสักภาพ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฮว่าไต้จ้าวก้มหน้าลงกล้ามองพระพักตร์โอรสสวรรค์ ในใจตั้งตารอคอยด้วยความหวังอย่างยิ่ง

จะได้ชมพระโฉมฮ่องเต้แล้ว

“อืม วาดภาพเหมือนซินไต้จ้าวสักใบก็แล้วกัน พวกเจ้าก็คุ้นเคยกันพอดี”

ฮว่าไต้จ้าวตกตะลึงก่อนจะรับคำรวดเร็ว

พู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกวางเรียง ฮว่าไต้จ้าวยกพู่กันขึ้นเป็นนานก็ไม่จรดพู่กันลงเสียที

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับยืนพระหัตถ์ไพล่หลังอยู่ด้านข้างก็เริ่มสงสัย “เหตุใดไม่วาด”

ฮว่าไต้จ้าวกำพู่กันแน่น

เขาก็อยากวาด แต่ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ประทับอยู่ข้างๆ เขาเครียด!

แต่เคร่งเครียดอย่างไรก็ไม่อาจยืนนิ่ง ฮว่าไต้จ้าวลอบสูดลมหายใจก่อนจะจรดพู่กันลง

ฮว่าไต้จ้าวชำนาญวาดภาพคนไม่ใช่เรื่องคุยโวโอ้อวด หลังจากจรดพู่กันลงไป อารมณ์เคร่งเครียดสั่งสมต่างๆ นานาก็พลันหายวับไปจากห้วงความคิด แววตามีเพียงม้วนกระดาษตรงหน้า

รูปร่างชายหนุ่มลอยเด่นขึ้นมาในห้วงความคิดเขา พู่กันวาดไหลลื่นดังสายน้ำไหล ไม่นานก็เป็นภาพชายหนุ่มใบหน้างามโดดเด่นอยู่บนกระดาษ

“กระหม่อมวาดเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮว่าไต้จ้าววางพู่กันลงก่อนจะถอยออกไปยืนด้านข้าง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงชื่นชมอย่างที่สุด เลิกพระขนงเล็กน้อย “แววตาวงคิ้วเหมือนว่าไม่ค่อยเหมือน…”

พอตรัสเช่นนี้ ฮว่าไต้จ้าวกระตุกวาบหลั่งเหงื่อเย็นทันที รีบมองดูภาพวาดคนที่เขาวาดเสร็จในอึดใจเดียวก็ว่าได้ทีหนึ่ง พอมองไปก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที

ด้วยฝีมือวาดของเขาวาดหนุ่มน้อยที่ทำงานร่วมกันทุกวัน แม้ว่าเจอกันแค่ครั้งเดียวก็วาดได้ใกล้เคียง แต่ภาพวาดตรงหน้านี้ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้ทรงช่างติ แต่เพราะต่างจากซินไต้จ้าวอยู่บ้างจริงๆ

“กระหม่อมไร้สามารถ ขอฝ่าบาทลงอาญาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฮว่าไต้จ้าวรับลงคุกเข่าขอรับผิดด้วยสีหน้าซีดเผือด

เดิมคิดว่าเป็นโอกาส คิดไม่ถึงว่าเป็นหายนะ

เขาไม่ตำหนิซินไต้จ้าวที่สร้างโอกาสนี้ให้เขา ตำหนิเพียงเขาที่ดังถูกภูตผีบดบังเมื่อครู่

“ความผิดอันใดกัน” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดแย้มสรวลไม่ได้ “วาดได้ดี! พระราชทานพู่กันจากเมืองหูโจว หนึ่งคู่ให้ฮว่าไต้จ้าว เงินร้อยตำลึง…”

ได้ยินพระราชทานยาวเป็นชุด ฮว่าไต้จ้าวก็ยิ่งงง

ครั้งนี้ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความประหลาดใจระคนยินดีและสับสนงุนงง

เหตุใดวาดไม่เหมือนยังมีรางวัลใหญ่

“ฮว่าไต้จ้าว ยังไม่ขอบพระทัยอีก” มหาขันทีซุนเหยียนเตือน

ฮว่าไต้จ้าวตั้งสติได้ โขกศีรษะเต็มแรง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงพระราชทาน ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”

พอฮว่าไต้จ้าวไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็หยิบภาพวาดขึ้นมาชื่นชมอีกครั้ง “วาดได้ไม่เลวจริงๆ ซุน เหยียน ให้คนไปทำเป็นม้วนภาพให้ดี”

เขาก็ว่า มู่เอ๋อร์กับเขาต้องมีตรงไหนเหมือนกัน นี่ไม่ใช่ว่าจิตรกรมองออกหรือ!

ส่วนฮว่าไต้จ้าวเดินตัวลอยกลับสำนักฮั่นหลินย่วน พลันชะงักฝีเท้าลง

เขาไม่ได้ถูกภูตผีบดบังจิตใจ แต่เพราะวาดไปตามห้วงความคิดที่เขาก้าวลงไปยามวาดภาพ จึงได้วาดภาพซินไต้จ้าวออกมาเช่นนั้น

เขาวาดคนก็มักจะชำนาญสังเกตโครงหน้า รู้สึกมานานแล้วว่าโครงหน้าซินไต้จ้าวน่าจะเป็นคนรูปงามกว่านี้

กล่าวเช่นนี้ ซินไต้จ้าวอาจแปลงโฉมมา และหน้าตาเดิมของเขา…เหมือนฮ่องเต้!

ซินไต้จ้าวเหมือนฮ่องเต้… คิดถึงตรงนี้ ฮว่าไต้จ้าวก็สูดลมหายใจเฮือก

“ฮว่าไต้จ้าว เหตุใดไม่เดิน” ขันทีถาม

ฮว่าไต้จ้าวตั้งสติได้ทันที “เปล่า ไม่มีอันใด”

เขาคล้ายว่าพบความลับยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเข้าแล้ว!

ฮว่าไต้จ้าวเดินงุนงงออกไป กลับถึงห้องโถงทำงานไต้จ้าว

เห็นท่าทางเหม่อลอยของเขา หลายคนก็เข้ามารุมล้อม

“พี่ฮว่า พี่เป็นอันใดไปหรือ” ฉือไต้จ้าวถาม

หรือว่าเสียกิริยา ทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย

ฮว่าไต้จ้าวมองสีหน้าอยากรู้ของสหายร่วมงานหลายคน ก็ค่อย ๆ ตั้งสติได้ “ฝ่าบาทพระราชทานรางวัลให้ ข้าดีใจมากเกินไป ราวกับความฝัน ยังไม่ทันตั้งสติได้น่ะ”

ซินไต้จ้าวเป็นองค์ชายที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา!

พอคิดถึงการคาดเดานี้ ฮว่าไต้จ้าวก็อยากกรีดร้อง

“พระราชทานอันใดหรือ” ฉือไต้จ้าวอดถามเสียงดังไม่ได้

ในเมื่อเป็นเรื่องดี เหตุใดฮว่าไต้จ้าวจึงได้มีท่าทางเช่นนี้

คนในห้องฝั่งตะวันออกได้ยินเสียงดังก็อดชะเง้อมองกันไม่ได้ รู้สึกอิจฉาตาร้อนคนห้องฝั่งตะวันตกที่ว่างงาน

“พระราชทานพู่กันจากหูโจวหนึ่งคู่ เงินหนึ่งร้อยตำลึง…”

พวกฉือไต้จ้าวได้ยินก็พากันตาค้าง

หนึ่งร้อยตำลึง! พู่กันพระราชทานที่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลได้!

“ขนมเปี๊ยะที่ข้ากินเช้าวันนั้นอร่อยกว่าขนมหวานมาก…” ฉือไต้จ้าวพึมพำพลางนึกเสียใจอย่างที่สุด

จานปู่ไต้จ้าวเองก็แอบพยักหน้า

ผู้เกื้อกูลฮว่าไต้จ้าวก็คือซินไต้จ้าวอย่างไม่ต้องสงสัย

พักเรื่องความคิดในใจของไต้จ้าวทุกคนห้องโถงทำงานเปลี่ยนไปเล็กน้อยไว้ก่อน ตอนนี้พวกซินโย่วเร่งควบม้าไปให้ถึงสถานีพักม้าถัดไปก่อนฟ้ามืด

ทั้งขบวนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แสดงสถานะต่อหัวหน้าสถานีพักม้าแล้ว ก็ให้เข้าจัดที่พักและอาหารให้

“รบกวนอุ่นเป็ดหนังกรอบนี้ให้ร้อนหน่อยค่อยนำมาขึ้นโต๊ะ” เฮ่อชิงเซียวไปสั่งการด้วยตนเอง

ตอนกินอาหาร ซินโย่วนั่งร่วมโต๊ะกับเฮ่อชิงเซียวสองคน เห็นเป็ดหนังกรอบยกมาก็อดมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่งไม่ได้

“เป็นของที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในจวนข้าทำเอง ให้ข้านำมากินระหว่างทาง คุณชายซินชิมดูหน่อย” ต่อหน้าคนอื่นๆ เฮ่อชิงเซียวไม่สะดวกเอ่ยเรื่องที่ทั้งสองนัดกันกินเป็ดหนังกรอบ

“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อ” ซินโย่วคิดไม่ถึงเฮ่อชิงเซียวยังจดจำนัดหมายก่อนหน้านี้ได้ มุมปากอดยกยิ้มไม่ได้ “ใต้เท้าเฮ่อมีผู้อาวุโสที่ห่วงใยท่านเช่นนี้ช่างดีจริง”

เฮ่อชิงเซียวนึกถึงภาพตอนน้ากุ้ยหน้าบึ้งยัดเป็ดหนังกรอบใส่มือเขา ก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา

น้ากุ้ยดูเหมือนไม่อยากสนใจเขานัก

“น้ากุ้ยได้ยินว่าข้าคุ้มกันคุณชายซินเดินทาง ยังบอกว่ารอคุณชายซินกลับมาให้เชิญไปจวนโหว นางจะลงครัวทำอาหารต้อนรับด้วยตัวเอง”

“เช่นนั้นรอกลับไป ใต้เท้าเฮ่ออย่าได้ลืม”

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอีกโต๊ะได้ยินเสียงคุยหัวเราะกันระหว่างใต้เท้ากับคุณชายซินก็แอบแปลกใจ

ปกติใต้เท้าไม่ใช่คนอัธยาศัยดีเช่นนี้นี่นา

ส่วนเชียนเฟิงกับผิงอัน รีบกินอาหารแล้วก็มายืนด้านหลังซินโย่วเงียบๆ แววตามีเพียงนายใหม่ตนเอง

มีลูกน้องภักดีสองคนมาคุ้มกันซินโย่วเพิ่ม เฮ่อชิงเซียวก็รู้สึกดีใจ จนกระทั่งทั้งสองคนยืนยันว่าจะนอนร่วมห้องกับซินโย่ว

“พวกข้าน้อยปูพื้นนอนก็พอ ไม่ส่งเสียงรบกวนคุณชายพักผ่อน” เชียนเฟิงรับรองหนักแน่น

ซินโย่วปวดหัว “ข้าไม่ชินกับการนอนร่วมห้องกับผู้ใด พอรู้ว่ามีคนอยู่ แม้ว่าไม่ส่งเสียงก็จะนอนไม่หลับ”

“เช่นนั้นพวกข้าน้อยรอคุณชายหลับค่อยเข้าห้อง”

“ไม่ได้” ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวปฏิเสธพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ทั้งสองคนพูดจบก็สบตากัน แววตาล้วนจนปัญญา

เชียนเฟิงกับผิงอันไม่เข้าใจปฏิกิริยาของเฮ่อชิงเซียว

ใต้เท้าเฮ่อท่านนี้เป็นอันใดกัน ไม่เห็นความปลอดภัยของคุณชายเป็นสำคัญหรือ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท