ตอนที่ 1541 ใจอ่อน
เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นกลับเข้าวังมายุแยงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับท่านอาเก้าในเวลานี้อีกดังนั้นมู่หรงลี่จึงอดทนต่อไปไม่ไหว
หวังจิ่วโจวมองดูมู่หรงลี่อยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็ยังเป็นเพียงเด็ก เขาไม่ควรเข้มงวดกับฝ่าบาทมากเกินไป ฝ่าบาทอดทนมาได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
มู่หรงลี่เอื้อมไปรับเกล็ดหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เขารู้สึกว่าลมเริ่มแรงขึ้นกว่าเดิม ทว่า เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด เขาอนุญาตให้มารดาอยู่ในวังหลวงต่อจนถึงปีใหม่แล้ว นี่คือการให้เกียรติมารดาครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำให้ได้แล้ว เขาจะใจอ่อนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
มู่หรงลี่บีบเกล็ดหิมะในมือแน่น ความเย็นของหิมะทำให้เขาได้สติขึ้นมา
ท่านอาเก้ากล่าวถูกต้อง นี่คือบัลลังก์และแผ่นดินของเขา เขาต้องเด็ดขาดและยืนหยัดต่อไปให้ได้
เชื้อพระวงศ์ที่อายุเกินห้าสิบเดินออกมาจากตำหนักใหญ่พลางส่ายหน้า
“ไม่รู้ผู้สำเร็จราชการควบคุมฝ่าบาทได้อย่างไร ฝ่าบาทถึงได้เชื่อพระทัยเขาถึงเพียงนี้…”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินคำกล่าวนี้จึงตกใจมาก เขารีบห้ามปรามน้องในตระกูลของตัวเอง เขามองไปรอบกาย เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงกล่าวขึ้นเสียงเบาหวิว “นี่คือวังหลวง จะกล่าวอันใดก็ควรระวังให้มาก”
“ทว่า เจ้ากล่าวถูกแล้ว ผู้สำเร็จราชการเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทจนอยู่หมัดจนไม่เชื่อคำของพวกเราแม้แต่น้อย” ผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลมู่หรงกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นหินอย่างแรงราวกับโกรธเกลียดเซียวหรงเหยี่ยนเสียเต็มประดา “ช่างน่าโมโหนัก!”
“ไทเฮายังรออยู่ที่นอกวังหลวง พวกเราไปทูลนางก่อนเถิด บางที…ไทเฮาอาจมีวิธีที่ดีกว่านี้” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น
“หากไทเฮามีวิธีก็คงไม่ถูกขับออกจากวังหลวงเช่นนี้หรอก!”
“เฮ้อ…ไปเถิด”
นอกวังหลวง
ไทเฮาซึ่งมีผู้อาวุโสของตระกูลมู่หรงอยู่เป็นเพื่อนโผล่หน้าออกมาจากรถม้าแล้วมองไปทางวังหลวงที่แสงไฟส่องสว่าง นางหวังว่าคนอื่นในตระกูลบรรพบุรุษจะเกลี้ยกล่อมอาลี่ให้ใจอ่อนยอมรับนางกลับวังหลวงได้
หลายวันมานี้นางเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปยิ่งนัก นางอยากพบหน้าอาลี่หลายครั้งเพื่อสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป หวังว่าอาลี่จะยอมให้นางอยู่ในเมืองหลวง อยู่ข้างกายของเขาต่อไป ได้เห็นวันที่เขาแต่งงานมีครอบครัว…
นางเป็นมารดาแท้ๆ ของเขา ตอนนี้บุตรชายคนโตของนางถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจว หากนางถูกส่งตัวไปยังตำหนักพักผ่อนก็ยิ่งอยู่ห่างไกลจากบุตรชายของนางไปอีก ตอนนี้นางเหลือเพียงอาลี่เท่านั้น นางจะไปจากอาลี่ได้อย่างไรกัน
นางรู้ดีว่าหากวันนี้นางเดินทางไปยังตำหนักพักผ่อน นับจากนี้เป็นต้นไปนางคงได้พบหน้าอาลี่เพียงวันตรุษจีนเท่านั้น นางจะทนได้อย่างไรกัน
ไม่นานไทเฮาจึงเห็นบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลมู่หรงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนาเดินออกมาจากวังหลวง นางรีบเร่งให้นางกำนัลข้างกายพยุงนางออกไปจากรถม้า
“มาแล้ว พวกท่านลุงกลับมากันแล้ว” เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เฝ้ารถม้าของไทเฮา ไม่ยอมให้ทหารรักษาพระองค์พาตัวไทเฮาไปส่งที่ตำหนักพักผ่อนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
นางกำนัลรีบสวมเสื้อคลุมขนสัตว์และกางร่มให้ไทเฮา “ระวังนะเพคะไทเฮา!”
ไทเฮากำเตาอุ่นมือในมือแน่นพลางมองไปทางเชื้อพระวงศ์ที่กำลังเร่งฝีเท้าเดินมาทางนี้อย่างรอคอยที่จะได้ยินข่าวดี ฝ่ามือของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ นางเอ่ยขึ้นเสียงสะอื้นอย่างคุมไม่อยู่ “อาลี่…คงเชื่อฟังคำของผู้อาวุโสในตระกูลใช่หรือไม่”
“แน่นอนเพคะ ฝ่าบาททรงเคารพรักไทเฮาที่สุด ทว่า ผู้สำเร็จราชการเปิดโปงเรื่องนี้หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง ฝ่าบาทจึงจำต้องให้คำตอบแก่ผู้สำเร็จราชการและขุนนางในราชสำนัก ตอนนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์ออกหน้าแทนแล้ว ฝ่าบาททรงมีทางออกแล้ว เหตุใดพระองค์ต้องส่งไทเฮาไปยังตำหนักพักร้อนอีกเพคะ” นางกำนัลข้างกายไทเฮากล่าวเสียงอ่อนโยน “ที่สำคัญ แม่ลูกไม่มีความแค้นข้ามคืนอยู่แล้วเพคะ”
ไทเฮาพยักหน้า “ใช่แล้ว อาลี่ใจอ่อนที่สุด!”
ไทเฮามองไปทางเหล่าเชื้อพระวงศ์ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง ญาติผู้ใหญ่ที่อาลี่เคยนับถือก่อนหน้านี้ต้องโน้มน้าวใจอาลี่ได้แน่นอน
“เหตุใด…ฝ่าบาทจึงไม่ออกมารับไทเฮาด้วยพระองค์เองกัน” เชื้อพระวงศ์คนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ยอมให้ไทเฮาอยู่ต่อก็ดีมากแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงกล่าวของคนในตระกูลมู่หรงรอยยิ้มของไทเฮาจึงยิ่งกว้างกว่าเดิมราวกับมั่นใจแล้วว่าผู้อาวุโสของตระกูลกำลังมาพานางกลับวังหลวง นางหันไปกล่าวกับคนตระกูลมู่หรง “หิมะตกแรงเกินไป ร่างกายของอาลี่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มร้อย ออกมารับข้าไม่ได้ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด”
ไทเฮาเห็นบรรดาผู้อาวุโสตระกูลมู่หรงกำลังเดินตรงมาทางนี้จึงเตรียมเดินไปต้อนรับ ทว่า ถูก ทหารรักษาพระองค์ห้ามไว้เสียก่อน
“บังอาจนัก!” เชื้อพระวงศ์ตวาดออกมาด้วยความโมโห “ผู้นี้คือไทเฮาของต้าเยี่ยน พวกเจ้ามีสิทธิ์ห้ามนางอย่างนั้นหรือ!”
“ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะไทเฮา” ทหารองครักษ์ผู้นั้นรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “กระหม่อมแค่ทำตามกระแสรับสั่งเท่านั้น หากไม่มีกระแสรับสั่งจากฝ่าบาท กระหม่อมปล่อยไทเฮาไปไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาได้โปรดเข้าพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ขอเพียงไม่ต้องถูกส่งตัวไปยังตำหนักพักผ่อน ขอเพียงได้อยู่ในวังหลวงต่อ ไทเฮาก็ไม่อยากเอาความทหารองครักษ์ผู้นี้
ไทเฮาไม่ได้สั่งให้ทหารผู้นั้นลุกขึ้นจากพื้น นางเห็นเชื้อพระวงศ์เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด ขอบตาเริ่มแดงก่ำ
ทว่า เมื่อคนเหล่านั้นเดินมาใกล้ไทเฮายิ่งมองเห็นสีหน้าย่ำแย่ของพวกเขาอย่างชัดเจนขึ้น
ใจของไทเฮากระตุกวูบ นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือของตัวเองแน่น
“ท่านลุง ฝ่าบาททรงอนุญาตให้ไทเฮาประทับในวังหลวงต่อหรือไม่ขอรับ” คนในตระกูลมู่หรงคนหนึ่งเอ่ยถามก่อนที่ไทเฮาจะเอ่ยถามเสียอีก
ผู้อาวุโสผมขาวโพลนที่ถือไม้เท้าอยู่ในมือได้ยินคำถามจึงกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นกล่าวด้วยความโมโห “ไม่รู้ว่าผู้สำเร็จราชการทำเสน่ห์อันใดใส่ฝ่าบาท พวกข้าแค่เตือนให้ฝ่าบาทระวังอำนาจของผู้สำเร็จราชการ ควรให้ไทเฮาอยู่ช่วยฝ่าบาทในวังหลวงต่อ ทว่า ฝ่าบาทกลับตรัสออกมาว่าพวกข้าไม่คู่ควรจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของพระองค์! ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ หากไม่ใช่เพราะถูกผู้สำเร็จราชการเสี้ยมก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนฝ่าบาททรงเป็นเด็กมีมารยาทและกตัญญู เหตุใดตอนนี้จึงเปลี่ยนเป็นคนก้าวร้าวไม่เคารพผู้ใหญ่ กล้าแม้กระทั่งส่งมารดาของตัวเองไปยังตำหนักพักผ่อนเช่นนี้กัน”
คำกล่าวนี้มีเพียงผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลเท่านั้นที่กล้ากล่าวออกมา คนอื่นๆ ไม่กล้ากล่าว ทว่า ต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะคำกล่าวที่ว่าพวกเขาไม่คู่ควรเป็นญาติผู้ใหญ่ของฝ่าบาทเป็นคำที่ฟังแล้วบาดหูยิ่งนัก หากฝ่าบาทไม่ใช่จักรพรรดิของแคว้น ผู้อาวุโสกว่าอย่างพวกเขาคงตบหน้าสั่งสอนเขาฉาดใหญ่แล้ว เด็กตระกูลใดกล้ากล่าวกับผู้อาวุโสของตัวเองเช่นนี้บ้าง เหิมเกริมและไร้มารยาทเกินไปแล้ว!
เมื่อไทเฮาได้ยินเช่นนี้ใบหน้าจึงซีดเผือด สมองขาวโพลนในทันที ตอนนี้นางได้ยินเพียงเสียงเกล็ดหิมะตกลงบนร่มของนางเท่านั้น ร่างของนางอ่อนแรงจนนางกำนัลข้างกายต้องคอยช่วยประคองเอาไว้
“ไทเฮา…ไทเฮาเพคะ”
เชื้อพระวงศ์คือความหวังสุดท้ายของนาง!
“หากผู้สำเร็จราชการไม่สั่งฝ่าบาทไว้ก่อนจากไป ฝ่าบาทไม่มีทางโหดร้ายกับไทเฮาเช่นนี้แน่นอน” คนตระกูลมู่หรงคนหนึ่งมองไปทางไทเฮา จากนั้นกล่าวต่อ “ไทเฮาคือพระมารดาแท้ๆ ของฝ่าบาท ต่อให้ทำผิด ทว่า ก็ยังมีบุญคุณต่อฝ่าบาทอยู่ พวกเราเห็นฝ่าบาทเติบโตมาตั้งแต่เล็ก พระองค์ไม่มีทางปฏิบัติต่อไทเฮาเช่นนี้แน่นอน!”