คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 749 สัตว์ประหลาดสองหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 749 สัตว์ประหลาดสองหน้า

นายหญิงใหญ่หลิวเดาถูก เป็นแม่ลูกคู่นั้นที่ถูกนางกับนักพรตยินซานฆ่าตายกำลังก่อกวน

คนเป็นแม่นามว่าตู้เจวียนผู้นั้น ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนท้องของนายหญิงใหญ่หลิว กดลงไปอยู่เรื่อยๆ และในท้อง บุตรของนางก็กำลังพลิกตัวไปมา เล่นสนุกกับคนเป็นแม่ ไม่ยอมออกมา

วิญญาณสองตนช่วยกันก่อกวน นายหญิงใหญ่หลิวเจ็บปวดมากราวกับถูกบดขยี้ไปทั้งตัว เหงื่อเย็นไหลออกมา ลมหายใจผิดปกติ และเด็กก็ไม่สามารถออกมาได้นานแล้ว สิ่งที่ถูกทรมานนอกจากร่างกายและจิตใจของนาง ยังมีเลือดและชี่ของนางด้วย

ดังนั้นอ่างน้ำเลือดจึงถูกบรรดาบ่าวรับใช้ยกออกมาด้วยตัวสั่นเทาอยู่เรื่อยๆ สีหน้าของนางเกือบจะซีดขาวราวกับกระดาษแล้ว

หมอตำแยซึ่งทำหน้าที่ทำคลอดยิ่งหน้าซีดด้วยความตกใจ เนื่องจากพบว่าปากมดลูกของคุณนายใหญ่ยังไม่ขยายจนสุด แล้วจะคลอดออกมาได้อย่างไร

หมอตำแยกลัวตาย และมีความคิดที่จะถอยออกไป กัดฟันแล้วเดินออกไปคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินหลิวอย่างแรง “ฮูหยิน ปากมดลูกของฮูหยินน้อยไม่เปิด เกรงว่า เกรงว่าจะคลอดบุตรยากเจ้าค่ะ”

นายท่านน้อยหลิวลุกขึ้นยืน เอ่ย “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมพวกเจ้ายังไม่คิดหาวิธีกันอีก”

“ปากมดลูกไม่เปิด ต่อให้ข้าพยายามทำทุกวิถีทางก็ไม่สามารถทำให้นางคลอดออกมาได้เจ้าค่ะ” หมอตำแยแทบจะร้องไห้แล้ว

นายท่านน้อยหลิวสีหน้าสงบนิ่งราวกับสายน้ำ เรื่องการคลอดบุตรนี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจ

ดวงตาของฮูหยินหลิวกลับมีความดีใจแวบผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นดึงเขาพลางมองหมอตำแย เอ่ย “เช่นนั้นยังมีวิธีอะไรอีก”

หมอตำแยกัดฟันเอ่ย “ใช้ยาชนิดรุนแรงเพื่อเร่งคลอด หรือไม่ก็…ข้าก็เคยได้ยินมาว่าผู้ที่คลอดบุตรยากสามารถรักษาเด็กน้อยเอาไว้ได้ ก็คือต้องผ่าคลอดเอาเด็กออก เพียงแต่ว่าวิธีนี้จะรักษาแม่ไว้ไม่ได้”

นายท่านน้อยหลิวตกใจจนถอยหลังสองก้าว ผ่าท้องเอาเด็กออก?

ฮูหยินหลิวแอบคิดในใจว่า ‘กรรมตามสนองแล้ว’ ตอนที่หูซื่อทำวิชาลักทารก นางเคยคิดหรือไม่ว่าวันหนึ่งก็จะต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์น่าสังเวชที่ต้องผ่าท้องเอาเด็กออก

“ท่านแม่ นี่มัน?”

ฮูหยินหลิวกล่าวว่า “เจ้าไปเชิญหมอประจำจวนให้เขียนใบสั่งยาเร่งคลอดมา ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องลองดู ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตของนางแล้ว

นี่เป็นเพียงการแสดงต่อหน้าหมอตำแยเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้จวนหลิวหยางปั๋วต้องประสบปัญหาในภายภาคหน้า

ตระกูลหลิวของพวกเขาพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตแล้ว

นายท่านน้อยหลิวลังเลเล็กน้อย

หมอตำแยเหลือบมองเขา เอ่ยว่า “คุณชายรีบตัดสินใจเถิด หากล่าช้า เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้ทั้งแม่และลูกนะเจ้าคะ”

นายท่านน้อยหลิวกัดฟันแล้วเดินออกไป

ภายในห้อง แม่นมคนสนิทได้วิ่งออกมา ไปอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมที่ห้องนอนมาถึง

เมื่อได้ยินว่านายหญิงใหญ่หลิวต้องการอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมหยก สีหน้าของตู้เจวียนก็ดูเย็นชาเล็กน้อย นั่งทับลงอย่างแรงอีกครั้ง เร่งให้บุตรชายออกแรงมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเสียงหยิ่งผยองของนายหญิงใหญ่หลิวกลายเป็นความหวาดกลัวร้องขอความเมตตา ในใจของนางก็รู้สึกมีความสุข

จนกระทั่งแม่นมคนสนิทยกเจ้าแม่กวนอิมหยกที่มีใบหน้าเมตตาขึ้นมา ส่องแสงประกายสีทอง ตู้เจวียนที่รีบหลบไปอยู่บนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยผ้าฝ้ายซับเลือดก็ยังคงรู้สึกวิญญาณสั่นสะท้าน ดวงวิญญาณของนางที่เดิมทีได้รับความช่วยเหลือจากฉินหลิวซีจนแข็งแกร่งขึ้นได้อ่อนแอลงอีกครั้ง

โชคดีที่สตรีเป็นหยิน และเลือดของนายหญิงใหญ่หลิวที่คลอดออกมาก็สกปรก กลับเป็นการหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้ายอย่างนาง

ความจริงแล้วห้องคลอดนั้นสกปรก ไม่เหมาะสมที่จะอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าแม่กวนอิมหยกเข้ามา เป็นการไม่ให้ความเคารพ แต่นายหญิงใหญ่หลิวมีบางอย่างในใจ รู้สึกกลัวจนไม่สนใจสิ่งใดแล้ว

ในใจของนางมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่สำคัญที่สุด หากพระโพธิสัตว์ทรงมีเมตตา ช่วยเหลือทุกสรรพสัตว์ ก็คงจะไม่ตำหนินาง

บางทีอาจเป็นผลทางจิตใจ เมื่อเจ้าแม่กวนอิมวางอยู่บนโต๊ะด้านข้าง นายหญิงใหญ่หลิวก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นลดลงไปไม่น้อย แรงก็เริ่มกลับคืนมา อดยิ้มอย่างชั่วร้ายไม่ได้ “ข้าไม่กลัวเจ้า เจ้าดูเถิด พระโพธิสัตว์จะคุ้มครองข้า”

เมื่อตู้เจวียนได้ฟังดังนั้นความขุ่นเคืองก็ปะทุขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะพุ่งออกมาจากผ้าฝ้าย ไม่กลัวแสงสีทองของพระโพธิสัตว์ แม้ว่าดวงวิญญาณของนางจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จากการถูกแสงสาดกระทบ แต่ก็ยังคงนึกถึงสิ่งที่ตัวเองประสบมา

ว่ากันว่าพระโพธิสัตว์ทรงช่วยชีวิตสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่เหตุใดพวกนางสองคนแม่ลูกจึงต้องทุกข์ทรมานจากการถูกผ่าทั้งเป็นแล้วใช้ไฟแผดเผา

พระโพธิสัตว์ไม่ยุติธรรม!

สวรรค์ไม่ยุติธรรม!

อาจเป็นเพราะได้ยินความเกลียดชังอันแรงกล้าและความทุกข์ทรมานอย่างไร้ขอบเขตในใจของนาง ดวงตาแห่งความเมตตาของเจ้าแม่กวนอิมหยกสีขาวบริสุทธิ์ไร้ที่ติหลั่งน้ำตาออกมาเป็นเลือด

ตู้เจวียนตกตะลึง

และเมื่อบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งตาไวเห็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมก็อดกรีดร้องไม่ได้ ขาทั้งสองข้างล้มลงคุกเข่าอยู่บนพื้น

เดิมทีแม่นมคนสนิทก็หงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อเห็นนางท่าทางเช่นนี้จึงตบหน้านาง “ร้องหาอะไรกัน”

“คือว่า เจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่กวนอิมแสดงอภินิหารแล้วเจ้าค่ะ”

ทุกคนต่างตกตะลึง พากันมองไป เมื่อเห็นฉากนี้ต่างก็กลัวจนสีหน้าซีด รวมไปถึงนายหญิงใหญ่หลิวที่กำลังตกตะลึง

และสิ่งที่ทำให้พวกนางหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นก็ตามมาในภายหลัง เดิมทีวางอยู่บนโต๊ะดีๆ ในห้องก็ไม่มีลม แล้วก็ไม่มีใครทำ เจ้าแม่กวนอิมคว่ำลงต่อหน้าต่อตาพวกนาง แตกเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้น

เจ้าแม่กวนอิมแตกแล้ว พระโพธิสัตว์จากไปแล้ว!

ทุกคนกรีดร้องพลางร้องไห้ออกมา นายหญิงใหญ่หลิวเป็นลมไปด้วยความโกรธ

ฮูหยินหลิวที่เดิมทีก็อยากรู้ว่าเหตุใดแม่นมจึงได้ยกเจ้าแม่กวนอิมมาตั้งไว้ จึงเปิดม่านมองดูอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ดึงผ้าม่านไว้แน่น หายใจแรง

เป็นความจริง แม้แต่พระโพธิสัตว์ก็ไม่ประทับอยู่ที่นี่ ซึ่งแสดงถึงบาปกรรมที่หูซื่อได้ทำไว้

ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยนางไว้ไม่ได้!

ตู้เจวียนหัวเราะอย่างมีความสุข หัวเราะไปมา น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายเลือด

“ฮูหยิน ยาเร่งคลอดมาแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินหลิวพยายามลุกขึ้น เอ่ย “ยกเข้ามา” จากนั้นก็เดินไปอยู่ข้างนายหญิงใหญ่หลิว ให้แม่นมคนสนิทปลุกนาง ป้อนยาเร่งคลอด

แม่นมคนสนิทตกใจมาก “ฮูหยิน!”

“หากไม่ดื่มยาเร่งคลอด จะปล่อยให้กลายเป็นหนึ่งศพสองชีวิตหรือ” ฮูหยินเอ่ยเสียงดุว่า “หรือว่าเจ้าอยากจะให้นางไปพร้อมกับเด็กเช่นนี้”

แม่นมคนสนิทสั่นอย่างแรง มองดูเศษหยกบนพื้น รีบบีบจุดเหนือกลางริมฝีปากของนายหญิงใหญ่หลิวอย่างแรง น้ำตาไหลพลางเอ่ย “ฮูหยินน้อย ดื่มยาแล้วจะได้คลอดง่ายขึ้นนะเจ้าคะ”

นายหญิงใหญ่หลิวถูกกรอกยาด้วยความสะลึมสะลือ ยาชนิดแรงออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว นางเริ่มเจ็บท้องขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้นางไม่มีแรงเหลือแล้ว แล้วก็เอ่ยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงร้องเบาๆ

ฮูหยินหลิวยืนอยู่มุมห้องแล้วหลับตาลงเล็กน้อย ร่างกายสั่นเบาๆ

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตู้เจวียนหมดสนุกแล้วหรือไม่ คราวนี้นายหญิงใหญ่หลิวกลับคลอดออกมาอย่างง่ายดาย ความจริงแล้วจะบอกว่าคลอด นางก็ไม่มีแรงแล้ว ไม่สู้บอกว่าชี้ทางเด็กให้คลานออกมาเอง

หมอตำแยดีใจมาก “คลอดแล้วเจ้าค่ะ”

แต่เมื่อนางอุ้มเด็กขึ้นมามองดูอย่างละเอียดก็ตกใจจนมือไม้สั่น ทำเด็กร่วงลงพื้น กระเถิบก้นถอยหลัง “สัตว์ สัตว์ สัตว์ประหลาด…”

แม่นมคนสนิทโมโหมาก “เจ้าทำอะไร”

นางรีบเดินเข้าไป ก้มลงมอง ก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง พูดไม่ออก

เมื่อฮูหยินหลิวได้ยินว่าคลอดแล้ว ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เมื่อเห็นเด็กคนนั้นก็กลอกตาเป็นลมหมดสติไป

คนในห้องต่างก็ตกใจมายืนเบียดกันร้องไห้ สัตว์ประหลาด นายหญิงใหญ่ให้กำเนิดสัตว์ประหลาด

ตอนนี้นายหญิงใหญ่หลิวกลับมีสติฟื้นขึ้นมา เอ่ยด้วยความโมโหว่า “อุ้มเด็กมาให้ข้า”

“ฮูหยินน้อย…”

“ให้ข้า”

แม่นมคนสนิทไม่มีทางเลือกนอกจากอุ้มไปหานางแล้วจึงเอ่ย “ฮูหยินน้อย อย่าดูเลยเจ้าค่ะ”

นายหญิงใหญ่หลิวคลอดออกมาแทบเป็นแทบตาย เหตุใดจะดูไม่ได้

นางพยายามลุกขึ้นนั่ง ทันทีที่เห็นก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ทารกน้อยตัวสีแดงสด ตา หู จมูก คิ้วกระจุกรวมกัน แต่บนหน้าอกของเขา กลับมีใบหน้าคน ใบหน้านั้นยังลืมตาและอ้าปาก ราวกับกำลังร้องเรียก ‘แม่’

ที่ข้างหูของนายหญิงใหญ่หลิวมีเสียงสยดสยองดังขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “เจ้าไม่ให้ข้าคลอด เจ้าก็คลอดให้ข้า เป็นอย่างไร บุตรของพวกเราน่ารักหรือไม่ ประหลาดใจล่ะสิ”

สัตว์ประหลาดสองหน้า

นายหญิงใหญ่หลิวกรีดร้องอย่างน่าสังเวช ออกแรงเต็มที่คว้าเด็กแล้วโยนออกไป จากนั้นก็ล้มลงบนเตียงคลอดทั้งตัว น้ำลายฟูมปาก

เมื่อจิตใจนางจมลึกลง นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ไยนางจึงทำเช่นนั้นเพื่อจะได้คลอดบุตร?

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท