ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 294 สิบปีหรือ? รอไม่ไหวแล้ว

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 294 สิบปีหรือ? รอไม่ไหวแล้ว

สิบแปดศาสตราวุธปราบมารได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างราบรื่นภายในห้าปี

สิบแปดชิ้น! รู้หรือไม่ว่ามันมากเพียงใด!

และศาสตราวุธปราบมาร หมายถึงสิ่งใด!

ความหมายคือ… เมื่อใช้ต่อกรกับเผ่าปีศาจ พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!

ใคร ๆ ก็อยากได้ศาสตราวุธคู่กายที่ทรงพลังเช่นนี้ เพราะ… นอกจากดินแดนตะวันตกแล้ว ในทะเลทรายต้องห้ามของดินแดนตอนเหนือ พลังปีศาจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังไม่พบร่องรอยของปีศาจ มารหรือสิ่งชั่วร้ายที่ตื่นขึ้น คงนับว่าเป็นเรื่องดีกระมัง?

เมื่อสิบแปดสุดยอดศาสตราวุธปราบมารได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างราบรื่น หลิงเยว่ก็ควรพาพวกพ้องไปยังดินแดนทางตอนเหนือได้แล้ว

นอกจากพวกเขาสิบคนแล้วยังต้องพาฮวนฮวนและหัวหน้าตะขาบมรกตไปด้วย หากไม่มีฮวนฮวนต่อให้หลิงเยว่ได้ไข่โลหิตมารมาก็คงใช้การไม่ได้

หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ค่อยอยากไปดินแดนทางตอนเหนือสักเท่าไหร่ ถึงแม้เมืองฮั่วหยางจะมีของอร่อยมากมาย แต่มนุษย์เปราะบางเช่นพวกเขาไม่ได้จะไปเมืองฮั่วหยาง กลับจะพาเขาไปกินทรายในทะเลทรายต่างหาก!

แม้จะไม่เต็มใจเพียงใด แต่หัวหน้าตะขาบมรกตก็ถูกหลิงเยว่ลากไปจนได้

“น่าเสียดาที่ไม่ได้เห็นม่านพลังสังหารสิบแปดชั้นทำงาน” ว่านอวี้เฟิงเดินไปสามก้าวก็เหลียวหลังมองที ม่านพลังขนาดใหญ่นั่นใช้สิบแปดสุดยอดศาสตราวุธปราบมารเป็นแกนกลาง

“พวกเราจะถึงทะเลทรายต้องห้ามเร็วสุดเมื่อใด?” หลิงเยว่เองก็รู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสามเดือนจะครบกำหนดสองปีแล้ว

“มองข้าทำไม? หรือเจ้าอยากให้ข้าเป็นพาหนะให้พวกเจ้า?!” หัวหน้าตะขาบมรกตชี้ไปที่ตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ ที่แท้หลิงเยว่ลากเขามาที่นี่เพียงเพื่อให้ข้าเป็นพาหนะ ไม่ใช่เพราะพลังอันแข็งแกร่งของเขาอย่างนั้นหรือ?!

“นี่คือค่าตอบแทน”

หลิงเยว่มอบโอสถแปลงร่างระดับเทพสามเม็ดให้อย่างใจกว้าง รวมทั้งสองเม็ดที่ติดค้างไว้ด้วย

ท่านหัวหน้าตะขาบมรกตรีบคว้าขวดโอสถไป แล้วมองเข้าไปในขวดด้วยตาข้างเดียว จากนั้นใบหน้าโกรธเกรี้ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มราวกับดอกไม้ผลิบาน ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของเขานั้นเทียบเท่ากับความเร็วในการคว้าของกิน

“หนึ่งเดือน ข้ารับรองว่าจะพาพวกเจ้าไปถึงมหาสมุทรต้องห้ามภายในหนึ่งเดือน!”

หลิงเยว่พอใจ ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็อยากรู้ว่าในขวดโอสถที่ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตเปลี่ยนสีหน้านั้นบรรจุสิ่งใดอยู่

แม้จะเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย และพวกเขายังได้กลิ่นหอมของโอสถพิเศษ…

“ขอดูหน่อย”

ผู่ตานอยากจะรู้ให้ได้ แต่เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นต้น จะแย่งของจากหัวหน้าตะขาบมรกตที่อยู่ในขอบเขตทะยานเซียนขั้นปลายได้อย่างไร?

สุดท้ายคนที่กำลังจะไปจึงตัดสินใจอยู่ต่ออีกหนึ่งเดือน ม่านพลังสังหารสิบแปดชั้นนั้นได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้วโดยปรมาจารย์ด้านการวางแผนผังทั้งสาม เมื่อมีศาสตราวุธปราบมารแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงการวางแกนกลางเท่านั้น

เดิมทีสามารถเปิดใช้งานได้ภายในสิบวัน แต่ปรมาจารย์แต่ละท่านต่างแย่งชิงสิทธิ์ในการใช้ศาสตราวุธปราบมาร ไม่มีใครยอมใคร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เห็นวินาทีที่ม่านพลังสังหารเปิดใช้งานสักที

“พวกท่านเลือกแบบสุ่ม ๆ ไม่ได้หรือ?” หลิงเยว่เกลี้ยกล่อมฮูหยินผีผา ในเมื่อสำนักเมี่ยวอินมีผู้ฝึกฝนดนตรีมากมาย มีหลายร้อยคนที่เชี่ยวชาญพิณ ตอนนี้เลือกแบบสุ่ม ๆ ไปก่อน หากไม่พอใจค่อยเปลี่ยนก็ได้ เรื่องแค่นี้เอง!

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การจัดการกับฝูงสัตว์อสูร ปีศาจและพลังปีศาจในสนามรบหรอกหรือ?

“รออีกหน่อย…”

ฮูหยินผีผามองไปยังที่ไกล ๆ ไม่รู้ว่ากำลังรอคอยสิ่งใดอยู่

มีตัวเลือกศาสตราวุธปราบมารมากเกินไป ทำให้นอกจากศาสตราวุธธนูแล้ว ศาสตราวุธอื่น ๆ ล้วนมีให้เลือกจนตาลาย หากพบอันไหนก็ชอบอันนั้น เรียกได้ว่าหลายใจยิ่งนัก!

สิบวันต่อมา ฮูหยินผีผาที่กำลังบรรเลงพิณด้วยร่างวิญญาณศาสตราวุธ นางมองไปยังที่ไกล ๆ ด้วยแววตาเป็นประกาย

“มาแล้ว!”

หลิงเยว่รู้สึกเหมือนผ่านเวลามานานมาก เมื่อได้เห็นผู้มาเยือน

ท่านอินชี่ที่เคยพบกันเพียงครั้งเดียว คนผู้นี้เป็นเจ้าสำนักเยว่อินซึ่งรวมอยู่ในสำนักใหญ่เมี่ยวอิน

ชายผู้นี้ดูท่าทางราวกับบัณฑิต แต่… หลิงเยว่นึกภาพเขาดีดพิณไม่ออกจริง ๆ

หรือจะเป็นรุ่นลูกหลาน?

ใช่แล้ว เป็นเหลนของฮูหยินผีผา?

หลิงเยว่ “…”

ความสัมพันธ์ห่างไกลกันเกินไปแล้ว!

หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินผีผารวมทั้งศาสตราวุธสิบสามชิ้นได้เลือกเจ้าของแล้ว เหลืออีกสี่ชิ้นที่ไม่ยอมประนีประนอม ยืนกรานที่จะรอคอยทายาทที่มีสายเลือดเดียวกัน

“ข้ารีบอยู่ ขอพวกท่านผู้อาวุโสทั้งสี่ประนีประนอมหน่อยไม่ได้หรือ?” หลิงเยว่พูดความคิดของนางให้กับศาสตราวุธฟัง หากไม่ถูกใจค่อยเปลี่ยนก็ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

วิญญาณศาสตราวุธทั้งสิบแปดชิ้นมองหลิงเยว่ด้วยสายตาที่มองหญิงสาวเจ้าชู้ นี่เป็นเรื่องของชั่วชีวิตจะทำแบบลวก ๆ ได้อย่างไร!

“ไม่ได้หรือ?” เดิมทีหลิงเยว่วางแผนจะให้พี่ชายและพี่สาวของนางเลือกศาสตราวุธที่ถูกใจ หลังออกมาจากม่านพลังสังหารแล้วค่อยแกล้งทำเป็นทรยศ ผลปรากฏว่าตอนนี้นางก็ทำไม่ได้?

เมื่อไม่มีใครตอบหลิงเยว่ พวกเขาก็มองนางราวกับมองคนโง่

ในที่สุดศาสตราวุธทั้งหมดก็ได้เลือกเจ้าของ ก่อนที่หลิงเยว่และคนอื่น ๆ จะจากไป!

แสงสีดำสิบแปดสายพุ่งเข้าไปในแกนกลางทั้งสิบแปดตำแหน่ง แสงสว่างชั้นแล้วชั้นเล่าเริ่มปกคลุมสนามรบ

เสียงพิณดังกังวาน ผู้บำเพ็ญเพียรในสนามรบต่างถอนกำลังอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนถอนกำลังเสร็จสิ้น เสียงพิณเริ่มดังก้อง พลังปีศาจเริ่มปั่นป่วน เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้น แปรเปลี่ยนจากความสับสนเป็นโกรธเกรี้ยว เสียงแล้วเสียงเล่า ดังก้องราวกับจะขานรับเสียงพิณ

ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาก็ระเบิดออก

ในวินาทีที่สัตว์อสูรระเบิดกลายเป็นพลังปีศาจเหมือนกับมีคนปิดไฟ ในม่านพลังสังหาร มืดมิดไปหมด มองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่สัมผัสวิญญาณก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้ ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองเท่านั้น ทำให้ผู้ที่อยู่นอกม่านพลังต่างขนหัวลุกไปตาม ๆ กัน…

“สนามรบโบราณแห่งนี้จะกลับมาเห็นแสงตะวันอีกครั้งเมื่อใด?”

“อีกประมาณสิบปีกระมัง”

ผู้อาวุโสมู่เหลือบมองหลิงเยว่ นางคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องของไม่กี่วันหรอกนะ?

หลิงเยว่ “…”

นางคิดแบบนั้นจริง ๆ

ช่างเถอะ สิบปีนางรอไม่ไหวแล้ว ไปมหาสมุทรต้องห้ามของดินแดนเหนือเลยดีกว่า

หัวหน้าตะขาบมรกตกลับเป็นร่างเดิม พวกพ้องกระโดดขึ้นไปทีละคน แล้วกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า หายไปต่อหน้าต่อตาผู้คน

ส่วนประกาศจับหลิงเยว่ ถึงแม้จะยังไม่ได้ถูกยกเลิก แต่หอจี้ซื่อ…

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่และหลิงเยว่ราวกับสื่อถึงกันได้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่คืนโอสถทั้งหมด ซ้ำยังขโมยหินวิญญาณของหอจี้ซื่อไปอีก ทำให้หอจี้ซื่อที่ไม่มีโอสถ สมุนไพรวิญญาณและหินวิญญาณไม่อาจก่อเรื่องวุ่นวายได้

ตอนนี้พวกหอจี้ซื่อกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหัวขโมย จึงไม่มีเวลามายุ่งกับนาง ในเรื่องนี้หลิงเยว่อยากจะบอกพวกเขาว่า ทำได้ดีมาก!

หลังจากการเดินทางอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจชีวิตของหัวหน้าตะขาบมรกต ในที่สุดยี่สิบวันต่อมา พวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนทางตอนเหนือ ทรายสีเหลืองปกคลุมจนมองไม่เห็นทาง เมื่อมาถึงมหาสมุทรต้องห้าม ทรายบนตัวหลิงเยว่และคนอื่น ๆ ก็หนาเตอะแล้ว

เมื่อเข้าสู่ใจกลางมหาสมุทรต้องห้าม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หัวหน้าตะขาบมรกตกลับเดินวนเป็นวงกลม ไม่สามารถเข้าไปในส่วนลึกได้

หลิงเยว่คาดเดาว่าต้องเป็นฝีมือของหมอกแดงแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน!

“ศิษย์น้อง เจ้าไม่รู้สึกว่าที่นี่ร้อนผิดปกติไปหน่อยเหรอ?”

ลู่เป่ยเหยียนยกเท้าขึ้น เห็นพื้นรองเท้าของเขากลายเป็นสีดำสนิทและมีควันลอยออกมา

“ไฟไหม้!” ฮวนฮวนชี้ไปที่ชายเสื้อของผู่ตาน เผยให้เห็นควันลอยคลุ้ง

ปกติหลิงเยว่เป็นพวกชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว นางจึงรีบใช้ปราณวารีสร้างมวลน้ำเป็นลูกกลม ๆ แล้วพุ่งเข้าใส่ร่างของผู่ตาน

ไฟไม่ดับ แต่ควันกลับหนาแน่นยิ่งขึ้น

ผู่ตานที่ร่างกายเต็มไปด้วยควัน ถูกควันบดบังสายตา มองไม่เห็นผู้คนรอบข้าง “?”

เขาคงไม่ต้องมาตายที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้เข้าไปหรอกนะ?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท