รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1032 คำขอโทษไม่จริงใจพอ ข้ามอบชีวิตให้กับเจ้า!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1032 คำขอโทษไม่จริงใจพอ ข้ามอบชีวิตให้กับเจ้า!

ห้วงธรณีลึกจนไม่อาจมองเห็นก้นบึ้ง ดำสนิทราวกับน้ำหมึก ด้านในมีกฎเกณฑ์พิเศษไหลเวียน อัศจรรย์ไม่ธรรมดาและน่าตื่นตะลึง!

ด้านล่างสุด มีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลาง กำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝน การขยายตัวและพลังดูดกลืนของห้วงธรณีล้วนแล้วแต่มาจากการฝึกฝนของเขา

ยามที่บรรพจารย์ฝูปล่อยเบาลงมา บังเอิญตกเขาใส่หัวของเขาเต็ม ๆ เขาไม่รู้ตัวเนื่องจากกำลังอยู่ในสภาวะฝึกฝนแบบพิเศษ ปิดกั้นการรับรู้โลกภายนอก

ทว่าเพียงไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า กฎเกณฑ์ที่ไหลเวียนด้านในห้วงธรณีเดือดพล่านทันที ประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยวจนสามารถสร้างคลื่นสูงเสียดฟ้า

อีกทั้งห้วงธรณียังขยายตัวไวยิ่งขึ้น กลืนกินสรรพสิ่งไปเร็วกว่าเดิม!

บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มสดใส เขาฝึกฝนเสร็จแล้ว ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นทวี!

“หืม ยังมีเหงื่อออกอีกหรือ?”

เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกบนศรีษะและใบหน้า พลันเกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เรื่องเหงื่อออกเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเวลานานเกินกว่าจะนับแล้ว

“ไม่ใช่ มารดามันเถิด นี่ไม่ใช่เหงื่อ!”

แต่สีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนอย่างมากด้วยความรวดเร็ว หลังเขาได้กลิ่นเฉพาะตัว จึงใช้มือลองปาด ‘เหงื่อ’ บนใบหน้าเข้าปากชิมดู

นี่มันเหงื่อที่ใดกัน แต่เป็นปัสสาวะอย่างชัดเจน!

มารดามันเถิด มีคนปล่อยเบาใส่หัวของมัน!

โทสะแล่นพล่านไปทั่วร่างก่อนจะระเบิดออกมาภายในพริบตา เขาเพิ่งสิ้นสุดการฝึกฝน มาถึงขั้นสิบสามขอบเขตล้ำขีดแล้ว ไม่อาจกล่าวได้ว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า แต่ก็มีผู้ต่อกรได้เพียงน้อยนิด!

ผลคือยามที่พลังของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุด กลับ…มีคนปล่อยเบารดหัวของเขา?!

เขากำลังจะเป็นบ้าแล้วจริง ๆ!

“ข้างบนนั่น!”

ดวงตาของเขาเย็นชาเปี่ยมล้นด้วยจิตสังหาร สัมผัสได้ว่าด้านบนมีคนอยู่ผู้หนึ่ง รับรู้ได้ในพริบตาว่าคนผู้นั้นคือคนที่ปล่อยเบาใส่หัวของเขา

เสียงระเบิดดังสนั่น เขากระโจนขึ้นไปพร้อมกับลมหายใจอันน่าพรึงกลัวทันที ไปถึงด้านหน้าของคนผู้นั้นในพริบตา

มองไปทางคนผู้นั้น ดวงตาวาวโรจน์เปี่ยมจิตสังหารที่ไม่อาจระงับเอาไว้ได้!

คนผู้นั้นแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย หลังจากเห็นเขาแล้วก็เอ่ยออกมาทันที “ขออภัย ขออภัย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าอยู่ด้านล่าง! ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะข้า หัวของเจ้าจึงเปียกไปหมด!”

แน่นอนว่าคนผู้นี้คือบรรพจารย์ฝู

“ข้าต้องขออภัยเจ้าอีกครั้ง ข้าไม่ได้ปล่อยเบามานานแล้ว อดกลั้นเอาไว้เป็นเวลานาน กลิ่นอาจแรงไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย ข้าขอโทษจริง ๆ!”

เขาขอโทษอย่างต่อเนื่อง

คนถูกปล่อยเบารดพลันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จัดการกับสิ่งที่อยู่บนหัว ร่างกายของเขาเปล่งแสงเจิดจ้า เพียงพริบตาเดียวปัสสาวะก็ระเหยหายไปจนสิ้น

“แค่คำขอโทษ?!”

เสียงของเขาเย็นชา ยังไม่ได้ลงมืออันใดในทันที เขารู้สึกว่าการสังหารบรรพจารย์ฝูโดยตรงนั้นยังไม่สาสม

เขาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนที่ผู้เบิกทางเลือก— ฉานเฟิง

หลังตื่นรู้ขึ้นมา เขาก็ได้รับความสามารถในการกลืนกิน ตลอดเส้นทางเขาล้วนใช้พลังกลืนกินมาโดยตลอด มีผู้ถูกกำหนดจำนวนไม่น้อยถูกเขากลืนกินเข้าไปเรียบร้อย

ภายในห้วงอเวจีเองก็เช่นเดียวกัน ที่แห่งนี้มีวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ แน่นอนว่าผู้ถูกกำหนดให้ได้รับวาสนาของที่แห่งนี้ถูกเขากลืนกินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไม่!”

บรรพจารย์ฝูเอ่ย “ข้ารู้ว่าคำขอโทษย่อมไม่อาจลบล้าง”

“อันใด เจ้าต้องการร้องขอความเมตตาจากข้า?”

ฉานเฟิงยิ้มเหยียดหยาม แม้ว่าบรรพจารย์ฝูจะคุกเขาร้องขอความเมตตา เขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยบรรพจารย์ฝูไปแน่นอน!

“ไม่ใช่!”

บรรพจารย์ฝูเอ่ยอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “ข้ารู้ การเอ่ยเพียงคำขอโทษดูไม่จริงใจเกินไป ดังนั้นข้าจะมอบชีวิตให้กับเจ้า”

กล่าวจบแล้ว เขาก็นอนลงทันที “เอาเลย เจ้าสามารถสังหารข้าได้”

อะไรกัน?!

การกระทำเช่นนี้ทำให้ฉานเฟิงสับสนทันที

ไม่ใช่สิ ตามสถานการณ์ปกติแล้ว บรรพจารย์ฝูควรจะคุกเข่าขอความเมตตาไม่ใช่หรือ?

การมอบชีวิตให้เช่นนี้คืออันใด?

“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ?!”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมืดมน

“ไม่ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้ากล้า มีความกล้าล้นพ้นด้วย ดังนั้นเจ้าสังหารข้าโดยไวเถิด”

บรรพจารย์ฝูกล่าวอย่างไร้อารมณ์

มารดามันเถิด สรุปแล้วเขาพบกับคนอยากตายคนหนึ่ง!

ฉานเฟิงเข้าใจในพริบตา คนเบื้องหน้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ภายในใจต้องการเพียงแค่ความตาย

“สังหารเจ้า? คิดมากเกินไปแล้ว! ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย มีชีวิตด้วยความเจ็บปวดนิรันดร์!”

เขาพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ เหตุใดมันต้องสังหารบรรพจารย์ฝูง่าย ๆ ด้วย นั่นไม่สาสมแม้แต่น้อย ไม่มีทางบรรเทาความเกลียดชังในใจเขาได้!

หลังจากนั้นเขาก็ลงมือ ตบไปทางบรรพจารย์ฝู ต้องการจะกำราบบรรพจารย์ฝูก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดว่าจะทรมานด้วยวิธีใดดี

ต่อหน้าเขาแล้ว บรรพจารย์ฝูย่อมไม่นับเป็นสิ่งใด ขอบเขตต่ำต้อยจนไม่ต้องมองอยู่ในสายตา เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็จัดการบรรพจารย์ฝูได้อย่างหมดจด

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น!

มีเสียงฟ้าร้องอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาจากความว่างเปล่า อสนีบาตผ่าลงมายังฝ่ามือที่จู่โจมออกไปของเขาอย่างแรง

รูม่านตาของเขาหดลงทันที รีบเก็บฝ่ามือกลับไปในพริบตา อสนีบาตผ่าลงไปใต้ส่วนลึกหุบเหว ทำให้พื้นที่ด้านใต้ระเบิดออก ห้วงธรณีพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ หินกลิ้งกระเด็น ฝุ่นควันฟุ้งกระจายเต็มทั่วท้องฟ้า

บรรพจารย์ฝูถูกเศษซากห้วงธรณีทับถม

“เฮ้อ เจ้าก็ทำไม่ได้…”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น บรรพจารย์ฝูคลานออกมาจากซากปรักหักพัง “ข้านอนให้เจ้าสังหารแล้ว แต่เจ้ายังไม่อาจทำได้ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”

เขารู้สึกผิดหวังจริง ๆ เมื่อเห็นว่าฉานเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด เขายังต้องการจะตายด้วยเงื้อมมือฉานเฟิง ทว่ามองดูแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ฉานเฟิงจะสังหารเขาไม่ได้ ไม่อาจสั่นคลอนบ่วงกรรมที่เขาแบกรับเอาไว้

“เจ้าพูดอันใด?!”

ดวงตาฉานเฟิงมืดหม่น นี่คืออันใดกัน? การเหน็บแหนมที่ไม่มีปิดบังหรือ? เขาไม่อาจทนรับได้!

“บนร่างเจ้าแบกรับผลกรรมอยู่ ดูแล้วน่าจะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดายิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้ายั่วยุเหน็บแหนมข้าอย่างมั่นใจโดยไม่เกรงกลัว!”

เขาเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “แต่เจ้ามองหาผิดคน ผยองผิดที่แล้ว! ต่อหน้าข้า ผลกรรมที่เจ้าแบกรับไม่ได้ผลหรอก!”

“มาเถิด ให้ข้าดูว่าเจ้าแบกรับผลกรรมเช่นใดอยู่!”

เขาลงมืออีกครั้ง พลังขั้นสิบสามขอบเขตล้ำขีดระเบิดออกมาอย่างเต็มที่ เพียงแค่ยกมือขึ้นพลังที่สามารถทำลายฟ้าทลายดินก็พลันปะทุขึ้น!

ตู้ม!

นภาเบื้องบนสั่นสะเทือน พลังบ่วงกรรมปรากฏขึ้นอีกครั้ง ควบแน่นกลายเป็นดาบสวรรค์พุ่งตัดลงมาจากฟากฟ้า

ฟ้าดินถูกแยกออกทันที ปริภูมิเวลาถูกรบกวน ฉานเฟิงที่มั่นใจเป็นพิเศษเรียกทวนยาวขึ้นมาในมือ เข้าปะทะดาบสวรรค์บ่วงกรรมพร้อมเสียงสายฟ้าและสายลมดังก้อง!

นี่คือทวนวายุอัสนีที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ ระดับสูงเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยพลังอันไร้ที่สิ้นสุด เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงของห้วงธรณี

ยามที่ได้รับมันมา ภายในใจอดเกิดความริษยาไม่ได้ ผู้ถูกกำหนดของห้วงธรณีได้รับความสำคัญยิ่งกว่าเขา วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ถูกทิ้งเอาไว้น่าอัศจรรย์มาก!

การที่เขาสามารถขึ้นไปถึงขึ้นสิบสามขอบเขตล้ำขีดได้ ส่วนมากล้วนมีความเกี่ยวข้องกับวาสนาการเปลี่ยนแปลงของห้วงธรณี

แต่ได้รับความสำคัญมากกว่าแล้วอย่างไร ถึงกระนั่นก็ยังไม่อาจเทียบเขาได้ ถูกเขากลืนกินสังหารสิ้น รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงของห้วงธรณีมาไว้เอง

“ตาย!”

ฉานเฟิงถือทวนวายุอัสนี ทรงพลังไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยความมั่นใจยิ่ง

ทวนวายุอัสนีน่าอัศจรรย์ถึงที่สุด สัมผัสได้ว่าด้วยทวนวายุอัสนีช่วยให้เขาต่อกรกับสิ่งมีชีวิตแทบทั้งหมดในขั้นสิบสี่ขอบเขตล้ำขีดได้!

ตู้ม!

วายุและอัสนีโหมกระหน่ำ ตัวทวนเปล่งประกายด้วยกระแสไฟฟ้าพร่างพราว ทวนถูกวาดออกไป ทำให้ความว่างเปล่าระเบิดออกทันที ปะทะกับดาบสวรรค์บ่วงกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั่งฟ้าดินราวกับใกล้ทลายลงเต็มที!

เสียงปังดังขึ้น ดาบสวรรค์บ่วงกรรมถูกเขาทำลายลงจนระเบิดออก

“ก็แค่นี้”

เขาหัวเราะเย้ย คิดว่าจะมีอันใด ปรากฏว่าก็แค่นี้ ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้

เมื่อคิดดูแล้วก็จริง ด้วยทวนวายุอัสนีในมือของเขาทำให้ต่อกรได้กระทั่งขั้นสิบสี่ขอบเขตล้ำขีด เพียงแค่พลังบ่วงกรรม ไม่ใช่ตัวเจ้าของ ไฉนเลยจะคุกคามเขาได้

“นี่คือพลังทั้งหมดของเจ้าหรือ?”

บรรพจารย์ฝูมองฉานเฟิง “ข้าเดาถูกแล้ว เจ้าไม่ไหว ไม่อาจสังหารข้าได้… เฮ้อ เจ้าไปเถิด อย่าได้มาสิ้นชีพลงอย่างน่าสังเวชที่นี่เลย”

เขากระจ่างแจ้งเป็นอย่างดีว่าพลังบ่วงกรรมที่แบกรับไว้บนร่างน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ดาบสวรรค์ผลกรรมที่สำแดงออกมาเมื่อครู่ไม่อาจเป็นแม้พลังหนึ่งในสิบเสียด้วยซ้ำ ฉานเฟิง…ไม่ไหวจริง ๆ

มารดาเจ้าเถิด!

มีคนวางท่ามากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!

ใบหน้าฉานเฟิงเต็มไปด้วยความดุร้าย ดาบสวรรค์ผลกรรมถูกเขาทำลายไปแล้ว ไม่ใช่ทวนวายุอัสนีในมือของเขาที่ถูกทำลาย เหตุใดจึงทำเหมือนกับเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ!

“ไม่รู้จักแยกแยะ!”

เสียงของเขาเย็นเยียบ ยกทวนวายุอัสนีในมือพุ่งตรงเข้าใส่บรรพจารย์ฝู

“เหตุใดจึงทำเช่นนั้นกัน ข้าอยากตาย ไม่ได้ต้องการให้เจ้าตาย…”

บรรพจารย์ฝูทอดถอนใจ พลางส่ายศีรษะ

“ทว่าเจ้าเองก็สมควรตายแล้ว การขยายตัวของห้วงธรณีเกี่ยวข้องกับเจ้า! พรากชีวิตไปมากน้อยเท่าใด ทำลายบ้านอันสงบสุขไปกี่หลัง เจ้าสมควรตายยิ่งกว่าผู้ใด!”

เขานึกถึงเด็กหนุ่มไม่ประสาผู้มีจิตใจดี เพราะการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของห้วงธรณี เด็กหนุ่มไม่ประสากับครอบครัวจึงต้องละทิ้งบ้านเกิด ย้ายออกไปจากสถานที่ที่ใช้ชีวิตอยู่มานาน

“พวกมันนับเป็นสิ่งใด กระทั่งฝุ่นธุลียังไม่อาจเป็นได้!”

สีหน้าของฉานเฟิงไม่แยแส ไม่ใส่ใจในเหล่าผู้ฝึกตนที่ถูกห้วงธรณีกลืนกินไปแม้แต่น้อย สำหรับเขา ผู้ฝึกตนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญอันใด ไม่มีค่าจำต้องพูดถึงเลย

ทวนวายุอัสนีแทงเข้ามาด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่บนผืนนภา พลังอันน่าหวาดหวั่นกระเพื่อมไปทั่วฟ้าดิน ทว่าใบหน้าของบรรพจารย์ฝูกลับสงบนิ่งไม่มีความผันผวนใด ๆ

พลังบ่วงกรรมปรากฏขึ้นใหม่ ครั้งนี้มันควบแน่นเป็นอสูรร้ายขนาดยักษ์ ส่งเสียงคำรามออกมาพุ่งตรงเข้าใส่ฉานเฟิง!

พริบตาเดียวทั้งบริเวณก็ถูกระเบิด พลังอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกไปทุกหนแห่ง

บรรพจารย์ฝูยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้รับผลกระทบอะไรและเขาก็ไม่ได้ใช้พลังตนเองออกมาแม้แต่น้อย เพราะพลังบ่วงกรรมคอยปกป้องเขาเอาไว้

หากไม่ใช่เพราะการปกป้องจากพลังบ่วงกรรม เขาคงตายอย่างไม่อาจฟื้นคืนแล้ว คลื่นพลังจากการปะทะห่างไกลเกินกว่าที่เขาจะทนต้านรับได้

โฮกกก!

อสูรบ่วงกรรมคำราม สะเทือนทั่วท้องฟ้า มันตบอุ้งเท้าข้างหนึ่งลงมา พลังมหาศาลอันไม่อาจจินตนาการได้เปี่ยมล้นคู่กับกฎเกณฑ์สูงสุด ทวนวายุอัสนีที่ต้านรับพลันถูกทำลายลงโดยตรงทันที!

“อะ…อะไรกัน!”

ทวนวายุอัสนีถูกหนึ่งกรงเล็บทำลายทิ้ง?!

สวรรค์!

นี่มันเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้น ไม่คาดคิดมาก่อนแม้สักนิด!

อสูรบ่วงกรรมไม่หยุดโจมตี พุ่งตรงเข้าใส่ฉานเฟิง

“มารดามันเถิด ข้าไม่สมควรตายลงที่นี่!”

สีหน้าฉานเฟิงมืดครึ้ม สบถออกมาเสียงดัง

เขาเพิ่งได้รับพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้มา ต้องการไปกลืนกิน ‘สำนึกโรค’ อย่างหลี่จิ่วเต้า ผลลัพธ์กลับยังไม่ได้ทำสิ่งใดก็จะจบสิ้นเสียแล้ว?!

“ไม่!”

เขากู่ร้องออกมา ไม่เต็มใจอย่างถึงที่สุด พลังในกายพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง เข้าต่อกรกับอสูรผลกรรม!

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการจบสิ้นลงที่นี่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท