สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 278 ขบวนพ่อค้า

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 278 ขบวนพ่อค้า

สุดท้ายเชียนเฟิงกับผิงอันได้แต่ละทิ้งความตั้งใจที่จะนอนร่วมห้องกับซินโย่ว หลังซินโย่วมีท่าทีปฏิเสธแข็งขัน

ซินโย่วปิดประตูห้องเรียบร้อย ถอนหายใจยาวโล่งอก

เมื่อก่อนแต่งกายเป็นชายรู้สึกว่าสะดวก แต่ไรมาไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

คืนหนึ่งผ่านไปเงียบๆ เช้าวันรุ่งขึ้นล้างหน้าแต่งตัวกินข้าวแล้ว ทั้งขบวนก็ขี่ม้าเร่งเดินทางต่อ

ขี่ม้านับได้ว่าเป็นวิธีการเดินทางเร็วที่สุด แต่ก็ตรากตรำที่สุดเช่นกัน

แม้เฮ่อชิงเซียวรู้ว่าซินโย่วมีวิชายุทธ์ติดตัว ทนความลำบากได้ แต่ก็อดส่งสายตาห่วงใยมองไปไม่ได้

“จะพักสักครู่หรือไม่” เขาดึงม้าเข้ามาใกล้

ซินโย่วได้ยินก็ส่ายหน้า “ข้ายังไหว ใต้เท้าเฮ่อต้องพักสักครู่หรือ”

เห็นผมนางชื้นไปด้วยเหงื่อ เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง พยักหน้า “อืม ข้าอยากพักสักครู่”

ซินโย่วกระชากบังเหียนทันที ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า

“ทุกคนพักผ่อนสักครู่” คนในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ตะโกนดังชื่อว่าหวงเฉิง เป็นหัวหน้าของสิบคนนี้ เพราะคำนึงถึงเดินทางว่ามีเรื่องราวมากมายให้ต้องคิด เฮ่อชิงเซียวตั้งใจคัดเลือกคนที่ฉลาดไว้ใจได้จากบรรดาคนสนิทที่โดดเด่นของเขาสองสามคน

ข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านใบเขียวชอุ่มเรียงราย นำม้าไปผูกไว้ตรงนั้น จะได้พักผ่อนสบายภายใต้แสงแดดอ่อน

เสื้อผ้าทุกคนล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอลงจากม้าก็กรอกน้ำเข้าปากอึกใหญ่

เฮ่อชิงเซียวส่งถุงหนังใส่น้ำให้ “ข้าให้หัวหน้าสถานีที่พักก่อนหน้านี้เติมน้ำเกลือลงไป คุณชายซินดื่มสักหน่อย… ถุงหนังใส่น้ำนี่เป็นของใหม่”

ซินโย่วมองดูเขาตั้งใจอธิบาย อดยิ้มไม่ได้ “ไม่ใช่ของใหม่ก็ไม่เป็นไร ออกนอกบ้านไม่ต้องพิถีพิถันเพียงนี้”

นางพูดแล้วก็รับถุงหนังใส่น้ำมากรอกลงคอไป

เห็นชัดว่าเป็นภาพที่แสนจะธรรมดาอย่างที่สุด เฮ่อชิงเซียวกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด คิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของนาง ไม่ใหม่…ก็ไม่เป็นไรหรือ

เสียงฝีเท้าม้าดังมา เฮ่อชิงเซียวเก็บความคิดที่เหม่อลอยไปไกล ทอดสายตามองขบวนที่ตรงมา

นั่นก็คือขบวนพ่อค้า รถม้าหลายคันบรรทุกสินค้ามาเต็ม คนหลายสิบคนเดินอยู่ข้างรถม้า

พวกเขาดูแล้วต้องการหยุดพักผ่อน มองมาทางนี้ก็เห็นทางซินโย่วมีชายหนุ่มสิบกว่าคน หนึ่งคนขี่ม้าหนึ่งตัว คล้ายไม่ควรมีเรื่องด้วย จึงไปหยุดพักห่างออกไปอีกหน่อย

ในบรรดาคนยี่สิบสามสิบคนนี้ คนเป็นหัวหน้าก็คือชายวัยกลางคนร่างท้วมสวมชุดยาว ใบหน้ามีลักษณะเมตตา พอลงนั่งก็พูดกับชายหนุ่ม ชายหนุ่มผู้นั้นอายุน่าจะราวสิบเจ็ดสิบแปด มีหน้าตาคล้ายชายวัยกลางคน ไม่ใช่พ่อลูกก็คงเป็นอาหลานจำพวกมีสายโลหิตเกี่ยวพันกันพวกนั้น

ซินโย่วจ้องมองขบวนตรงหน้าไม่กะพริบ

“เป็นอันใดไปหรือ” เสียงเฮ่อชิงเซียวดังอยู่ข้างใบหู

นางถอนสายตากลับคืน มองเฮ่อชิงเซียวกระซิบว่า “คนเหล่านี้หน้าผากดำคล้ำ ใกล้หมดลมหายใจแล้ว”

โดยเฉพาะคนที่เหมือนพ่อลูกคู่นั้น ชายวัยกลางคนในภาพปกป้องชายหนุ่มไว้ใต้ร่าง แผ่นหลังถูกดาบมากมายฟันใส่ ชายหนุ่มทุ่มเทกำลังทั้งหมดพลิกตัวขึ้นมา รับดาบยาวที่เต็มไปด้วยโลหิตหยด สองพ่อลูกต่างคิดปกป้องกันและกัน สุดท้ายผู้ใดก็ล้วนไร้ลมหายใจ

ขบวนพ่อค้านี้น่าจะต้องปะทะกับโจรภูเขา

ซินโย่วหวนนึกถึงภาพที่เห็น

เป็นภาพถนนสายแคบ สองข้างเป็นหน้าผาสูง ต้นไม้รกครึ้ม ยามมีคนผ่านทางมา เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงและผลักก้อนหินใหญ่ลงมา ก็จะสร้างเหตุบาดเจ็บล้มตายได้เป็นเบือ

โจรภูเขาที่ซุ่มอยู่ที่นั่นน่าจะสิบกว่าคนได้ ได้เปรียบเรื่องชัยภูมิ การเข้าปล้นฆ่าขบวนที่มีคนราวยี่สิบสามสิบคนเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง

“คนมากมายประสบภัยพร้อมกัน และยังเป็นขบวนพ่อค้าที่เร่งเดินทาง ข้าเดาว่าพวกเขาประสบเหตุถูกโจรดักปล้น”

เฮ่อชิงเซียวเคยประสบความแม่นยำวิชานรลักษณ์ของซินโย่วมาด้วยตนเอง ยามนี้ไม่ได้นึกสงสัยคำพูดนางแม้แต่น้อย มองไปยังคนเหล่านั้นหรี่เสียงถามขึ้นว่า “ล้วนตายหมดหรือ”

“อืม ล้วนตายหมด”

ทั้งสองคนพูดเรื่องที่น่าตกใจด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

ชายหนุ่มในขบวนพ่อค้ามองมาทางพวกเขาทีหนึ่ง ดึงชายเสื้อชายวัยกลางคนเบาๆ “ท่านพ่อ คนทางนั้นมองมาทางพวกเรา คงไม่ได้คิดหมายปองสินค้าของพวกเรากระมัง”

“คนพวกนั้นแค่ดูก็รู้ว่ามีธุระเร่งเดินทาง” ชายวัยกลางคนวิเคราะห์จากประสบการณ์ แต่เพื่อความรอบคอบ จึงได้สั่งการลงไป “รอให้คนพวกนั้นขี่ม้าไปแล้ว พวกเราค่อยออกเดินทาง”

เฮ่อชิงเซียวหูดีมาก ได้ยินก็เอ่ยกับซินโย่วว่า “พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นห่วงว่าพวกเราจะปล้นสินค้าพวกเขา”

ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ “ในเมื่อต่างได้พบกันแล้ว พวกเราช่วยเหลือสักหน่อยก็แล้วกัน”

เฮ่อชิงเซียวกลับไม่รับปากทันที “ข้าส่งคนไปสืบดูสถานการณ์ด้านหน้าก่อน”

หากไม่มีนางอยู่ด้วย เขาไม่ถือสาหากต้องเข้าช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้เขาเดินทางออกจากเมืองหลวงมาก็เพราะมีภารกิจอารักขาความปลอดภัยให้นาง ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เขาได้แต่ยกความปลอดภัยของนางไว้เป็นอันดับหนึ่ง

นางก็คือภารกิจของเขา และยังเป็นนางในดวงใจเขา หากนางเกิดเรื่อง เสียงานและเสียคนรัก เขาไม่มีหน้าจะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป

ซินโย่วไม่อาจบอกจำนวนโจรภูเขาได้ นับประสาอันใดกับภาพที่เห็นก็มิได้หมายถึงทั้งหมด จึงเห็นด้วยกับความรอบคอบของเฮ่อชิงเซียว

นางคิดช่วยคนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพานำชีวิตตนเองเข้าไปมอบให้

ไม่นานเฮ่อชิงเซียวก็ส่งคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ชำนาญการสืบข่าวล่วงหน้าไปก่อน คนที่เหลือพักผ่อนอีกสองเค่อก็เตรียมตัวออกเดินทาง

ยามนี้เองชายวัยกลางคนผู้นั้นก็เดินเข้ามา ประสานมือให้เฮ่อชิงเซียว “น้องชายท่านนี้ เมื่อครู่ข้าเห็นลูกน้องท่านเดินทางล่วงหน้าไปก่อน มีอันใดผิดปกติหรือไม่”

เขาเป็นพ่อค้าที่ออกเดินทางบ่อย เรื่องที่เขากลัวที่สุดก็คือปะทะกับกองโจรดักปล้น ไม่ว่าลมพัดแรงเพียงยอดหญ้าก็อดระวังไม่ได้

เฮ่อชิงเซียวมีใจคิดช่วยจึงเอ่ยว่า “เดิมพวกเราเดินทางอีกเส้นทางหนึ่ง แต่เพราะอุทกภัยขวางเส้นทางไว้ จึงได้เปลี่ยนมาใช้เส้นทางนี้ และเพราะว่าไม่คุ้นเคย จึงให้ลูกน้องล่วงหน้าไปตรวจดูเส้นทางก่อน”

ชายวัยกลางคนเห็นท่าทีสุภาพของเฮ่อชิงเซียวก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย ถอนหายใจเอ่ยว่า “พวกเราก็เปลี่ยนเส้นทางมา หากคนของน้องชายพบเห็นอันใด พอจะบอกกล่าวสักหน่อยได้หรือไม่”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย

เขาไม่แสดงทีท่าสนิทสนมแต่ก็มิได้เหินห่าง กลับทำให้ชายวัยกลางคนยิ่งวางใจ หันกลับไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับห่อกระดาษอาบน้ำมัน “ภรรยาข้าทำเนื้อแห้งมา เก็บได้นานมาก หากน้องชายไม่รังเกียจก็เก็บไว้กินเล่น”

“ขอบคุณ” เฮ่อชิงเซียวรับมาส่งให้ลูกน้องไป

เฮ่อชิงเซียวรับของไป ทำให้ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้ม ไม่ได้เอ่ยมากความต่ออย่างรู้ความ

ไม่นานเสียงฝีเท้าม้าก็วิ่งมาอย่างรีบร้อน องครักษ์จิ่นหลินที่ล่วงหน้าไปสืบขี่ม้ากลับมา

“คุณชายใหญ่ ข้างหน้ามีทางแยก ทางซ้ายกว้างกว่า มีน้ำขังไม่สะดวกเคลื่อนรถม้าผ่าน ทางขวาแคบกว่าเล็กน้อย แต่ทางสะดวกราบรื่นไม่มีสิ่งกีดขวาง…”

ได้ยินรายงานจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ซินโย่วก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด

ในภาพที่เห็นสองพ่อลูกไม่ได้ตายใต้สภาพกองหินระเกะระกะ แต่ตายระหว่างหนี ภาพเบื้องหน้าพวกเขาคล้ายว่าเป็นทางแยก…ก็หมายความว่า โจรอยู่ด้านหน้า

พอได้ข้อสรุปนี้แล้ว ซินโย่วก็รีบมองไปยังคนฝั่งตนเอง

จากเฮ่อชิงเซียวมองไปถึงเชียนเฟิง ทุกคนล้วนปกติ

หากพวกตนเดินทางไปกับขบวนพ่อค้า โจรภูเขาก็จะละทิ้งโอกาสปล้นครั้งนี้หรือ

ในภาพที่เห็นก้อนหินร่วงหล่นลงมาจากที่สูง ก่อให้เกิดภาพน่าอนาถของบรรดาผู้คนไม่อาจหลบพ้น ทำให้ซินโย่วปฏิเสธการคาดเดานี้ ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือโจรภูเขาเห็นฝ่ายนางมีคนแต่งกายแบบผู้ฝึกยุทธ์ เดินทาง จึงไม่ได้ลงมือ

ชายวัยกลางคนได้ยินว่าเส้นทางแคบก็เริ่มกังวล น้ำเสียงขอร้องเล็กน้อย “น้องชาย ทางข้างหน้าเดินทางลำบาก พวกเราเดินทางไปด้วยกันสักระยะหนึ่งได้หรือไม่”

“เกรงว่าจะไม่สะดวก” ไม่ทันรอให้เฮ่อชิงเซียวตอบ ซินโย่วก็เอ่ยก่อน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท