ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 506 จัดแจง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 506 จัดแจง

ลั่วเซิงไปหาแม่ทัพใหญ่ลั่ว

“วันนี้เซิงเอ๋อร์สนุกหรือไม่” แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มถาม

ลั่วเซิงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่สนุกเจ้าค่ะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก “เซิงเอ๋อร์เล่นกับองค์หญิงฉางเล่อไม่สนุกหรือ”

เขาไม่ได้อยากจะวิจารณ์องค์หญิงฉางเล่อ แต่รู้ว่าเซิงเอ๋อร์เข้ากันดีกับองค์หญิงฉางเล่อ

บุตรสาวมีเพื่อนเล่นที่สนิทสนมแล้วจะคาดหวังอะไรอีก ถึงอย่างไรสตรีสูงศักดิ์ทั่วไปเห็นบุตรสาวเขาก็พากันวิ่งหนี

ลั่วเซิงไม่ได้ตอบ แต่พูดขึ้นว่า “ลูกมีเรื่องอยากถามท่าน”

“เรื่องอะไรหรือ”

“พวกท่านยายไม่รู้วันเกิดของข้าใช่หรือไม่”

ช่วงนี้แม่ทัพใหญ่ลั่วอ่อนไหวกับว่า ‘วันเกิด’ เป็นพิเศษ เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วเซิงก็ตกใจ โพล่งถามว่า “ทำไมหรือ”

“ท่านพ่อตอบลูกมาก่อน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วข่มความไม่สบายใจไว้ ยิ้มพูดว่า “รู้สิ”

ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “วันเกิดของข้า พวกท่านยายรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มแห้ง “ครานั้นพ่อคิดว่าเจ้าจะอยู่จินซาอีกนานจึงเขียนวันเกิดของเจ้าให้ท่านยายของเจ้า ฝากท่านให้ช่วยจับคู่หากเจอคนที่เหมาะสม”

คำสั่งลับของฝ่าบาทราวกับดาบที่ห้อยอยู่บนที่สูง ทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่สบายใจ “เหตุใดจู่ๆ เซิงเอ๋อร์จึงถามเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”

ตอนที่ตัดสินใจมาหา ลั่วเซิงก็ตัดสินใจแล้วว่าจะสารภาพเรื่องราวบางส่วน “วันนี้ลูกทะเลาะและตัดขาดกับองค์หญิงฉางเล่อแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น”

ลั่วเซิงก้มหน้า เศร้าโศกเล็กน้อย “องค์หญิงฉางเล่อรู้สึกว่าลูกเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เห็นบุรุษรูปงามแล้วฉุดคร่ามา”

แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าบิดเบี้ยวไปในจังหวะหนึ่ง เขาพยายามอยู่ครู่หนึ่งจึงคิดคำปลอบประโลมออกมาได้ “นี่ไม่ใช่ความผิดของเซิงเอ๋อร์ เซิงเอ๋อร์โตแล้ว”

ฉุดบุรุษหน้าตางดงามมามากมายมีประโยชน์อะไร เอามาเป็นลูกเขยก็ไม่ได้ เสียข้าวสุกเปล่าๆ

ลั่วเซิงยิ้มขมขื่น “ท่านไม่รู้จักองค์หญิงฉางเล่อ นิสัยเช่นนั้นขององค์หญิงฉางเล่อ นางต้องรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของลูกทำลายความทรงจำอันงดงามของนาง ซึ่งจะทำให้นางเกลียดชังลูก ท่านพ่อยังจำท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องได้ใช่หรือไม่”

แม่ทัพใหญ่ลั่วตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี

สำหรับความไร้ปรานีและเหี้ยมโหดขององค์หญิงท่านนั้นแล้ว เขาในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการองค์รักษ์จิ่นหลินจะไม่รู้ได้อย่างไร

“หลังจากลูกออกจากจวนองค์หญิง ลูกลอบสั่งคนให้เฝ้าสังเกตที่นั่น ท่านพ่อทายสิว่าเห็นอะไรเข้า”

แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้ว “องค์หญิงฉางเล่อส่งนักฆ่าออกมาหรือ”

ลั่วเซิงมองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ท่านพ่อ องค์หญิงฉางเล่อเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วลูบจมูกอย่างเก้อเขิน “พ่อไม่รู้ เซิงเอ๋อร์รีบพูดเถอะ”

“เห็นซูเย่าออกจากจวนองค์หญิง” ลั่วเซิงพูดอย่างสงบ

แม่ทัพใหญ่ลั่วตระหนก “จอหงวนซูเย่าน่ะหรือ”

ลั่วเซิงพยักหน้า

แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

ซูเย่าเดินออกมาจากจวนองค์หญิง เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าองค์หญิงฉางเล่อส่งนักฆ่าออกไปเสียอีก

ลั่วเซิงพูดต่อไปว่า “จากนั้นองค์หญิงฉางเล่อก็ออกจากจวนองค์หญิงและเข้าวัง ซูเย่าและองค์หญิงฉางเล่อลอบไปมาหาสู่กัน จู่ๆ ลูกก็คิดถึงตอนที่อยู่จินซา ท่านยายเคยสั่งให้น้าสะใภ้ไปหารือเรื่องงานแต่งกับซูเย่าที่ตระกูลซู…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วหน้าเปลี่ยนสี “ซูเย่ารู้วันเกิดของเจ้าหรือ”

ลั่วเซิงเม้มปาก ถอนหายใจ “กันไว้ดีกว่าแก้ ลูกก็เลยมาบอกท่านไว้ก่อน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เซิงเอ๋อร์เจ้ากลับห้องก่อนเถอะ วันนี้อย่าออกไปข้างนอกอีก”

เมื่อลั่วเซิงจากไป แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เรียกลูกน้องผู้ภักดีมา

“ท่านแม่ทัพใหญ่มีคำสั่งอะไรหรือ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วส่งสัญญาณให้เขาเดินขึ้นหน้าแล้วสั่งเสียงเบา จากนั้นก็เรียกอี๋เหนียงใหญ่มา

เมื่อมาถึงตรงหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่ว อี๋เหนียงใหญ่ก็ย่อเข่าเล็กน้อย “นายท่านเรียกข้ามามีอะไรหรือเจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองอี๋เหนียงใหญ่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจและพูดว่า “ผิงเหนียงเอ๋ย เจ้าติดตามข้ามาหลายปีแล้ว ในบรรดาคนในเรือนหลังเจ้าเป็นคนที่หนักแน่นที่สุด มีเรื่องหนึ่งข้าอยากจะบอกเจ้าไว้ก่อน”

อี๋เหนียงใหญ่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนเลยสักนิด “นายท่านโปรดพูด”

“จวนลั่ว… อาจจะเกิดเรื่องแล้ว”

อี๋เหนียงใหญ่ชะงักงัน แต่ก็กลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว “นายท่านมิต้องเป็นห่วงพวกเรา พวกเราคิดไว้นานแล้ว เรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเองก็ชะงักไป

เดี๋ยวนะ อะไรคือต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เหล่าอี๋เหนียงไม่มั่นใจในตัวเขาเช่นนี้เลยหรือ

“นายท่านอย่ารู้สึกผิดเลยเจ้าค่ะ เราพี่น้องได้กินดีอยู่ดี มีบ่าวรับใช้ สิ่งที่ควรดื่มด่ำก็ได้ดื่มด่ำแล้ว และยังได้ดื่มด่ำเพราะอาศัยสถานะของท่าน บัดนี้ต้องจ่ายคืนเพื่อแลกกับสิ่งที่ได้รับ นับเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่านายท่านวางแผนให้คุณหนูสามเรียบร้อยแล้วหรือยัง”

เมื่อพูดถึงลั่วเซิง สีหน้าอี๋เหนียงใหญ่ก็จริงจัง “นายท่านจะทิ้งคุณหนูสามไม่ได้ นางคือเลือดเนื้อหนึ่งเดียวของฮูหยินเชียวนะเจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วอ้าปาก จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

อี๋เหนียงใหญ่ยิ้ม “แน่นอนว่าหากนายท่านมีแรงเหลือ ก็ดูแลคุณหนูท่านอื่นๆ ด้วยเถอะ…”

“พอแล้ว!” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดขัดอี๋เหนียงใหญ่อย่างทนต่อไปไม่ไหว เขาโมโหจนถลึงตาใส่ “เจ้านี่นะ ใครบอกว่าจะให้พวกเจ้าไปตายกัน”

อี๋เหนียงใหญ่ชะงักไป

หรือว่านางเข้าใจผิดไปหรือ

ไม่สิ หลายปีมานี้เหล่าพี่น้องสนิทสนมจนรู้ใจกันแล้ว สิ่งที่นายท่านทำคืองานที่อยู่บนปลายดาบ แม้จะรับใช้อดีตฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ต้องถูกชำระบัญชีอยู่ดี

ภายใต้รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่สมบูรณ์[1] นายท่านเกิดเรื่องแล้ว พวกนางที่เป็นเถาวัลย์พึ่งพาต้นไม้ใหญ่ไฉนเลยจะยังอยู่รอดได้

“เจ้าหาโอกาสบอกสตรีเหล่านั้นให้เรียบร้อย เตรียมเสื้อผ้าง่ายๆ สองสามชุด ทันทีที่มีความเคลื่อนไหวจะได้พร้อมหนีตลอดเวลา”

“หนีอย่างไรหรือ” อี๋เหนียงใหญ่ตกตะลึง

ที่แท้นอกจากรอความตายแล้ว ยังเลือกที่จะหนีได้ด้วย

“หนีอย่างไรเจ้าไม่ต้องสน แค่เตรียมตัวตามที่ข้าบอกก็พอ อย่าเสียเวลาเมื่อถึงครานั้น…” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดไปมากมายก็พบว่าอี๋เหนียงไร้ซึ่งการตอบสนองใดจึงถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เป็นอะไรไปหรือ”

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าฟังอยู่”

เมื่อเดินออกจากห้อง อี๋เหนียงใหญ่ที่เป็นคนหนักแน่นและเก็บตัวก็ตาแดงก่ำ

ที่แท้อนุเช่นพวกนางเหล่านี้ก็เป็นมนุษย์ในใจของนายท่าน ไม่ใช่สิ่งของที่สามารถทิ้งได้ทุกเมื่อ

ขณะที่ทางฝั่งแม่ทัพใหญ่ลั่วคอยจัดแจงไปทีละเรื่อง องค์หญิงฉางเล่ออีกฝั่งหนึ่งก็เร่งเดินทางมาถึงพระราชวังและได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิหย่งอันแล้ว

“ฉางเล่อเข้าวังมีธุระอันใดหรือ” จักรพรรดิหย่งอันยิ้มถาม

องค์หญิงฉางเล่อมองเสด็จพ่อที่พระพักตร์เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับคิดถึงคำพูดที่ลั่วเซิงพูดขึ้นวันนี้กะทันหัน องค์หญิงลงมือกับหม่อมฉันได้ เหมือนกับที่เคยทำกับท่านหญิงน้อย เพียงแต่ว่าท่านอย่าลืมว่า การกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความไม่พอใจสะสมมากเข้าแล้ว ใจคนมักแปรเปลี่ยน

โชคดีที่นางไม่ได้ดึงดันจัดการลั่วเซิงให้อยู่กับโซ่วเซียนเหนียงเหนียง

หากทำเช่นนั้นไปจริงๆ เสด็จพ่อก็คงไม่ลงโทษนาง แต่จะสะสมความไม่พอใจในตัวนาง

องค์หญิงฉางเล่อมองจักรพรรดิหย่งอันเงียบๆ ถอนหายใจในใจ ช่วงนี้เสด็จพ่อเรียกนางว่าฉางเล่อราชทินนามของนาง ไม่ใช่เซ่อเอ๋อร์ชื่อเล่นสมัยเด็กของนางแล้ว

ส่วนนางกลับเพิ่งรู้ตัวในวันนี้

“คิดถึงพระองค์เพคะ”

จักรพรรดิหย่งอันทรงชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มพลันอบอุ่นขึ้น “มานั่งข้างๆ พ่อสิ”

องค์หญิงฉางเล่อยิ้มเดินไป

[1] หมายถึง บ้านหรือครอบครัวไหนที่ถูกทำลายไปแล้ว คนในครอบครัวจะมีความสุขสมบูรณ์ไปไม่ได้

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท