ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 296 ฟ้าจะมืดแล้ว…

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 296 ฟ้าจะมืดแล้ว…

เอาเถอะ ในเมื่อกลายเป็นปล่องไฟขนาดยักษ์ไปแล้ว ใครจะไปแคร์ว่าควันจะมากหรือน้อยกัน!

หลิงเยว่ทรุดตัวลงบนทรายเช่นกัน ควันสีดำที่ปกคลุมร่างของนางนั้นดูเกินจริงยิ่งกว่าลู่เป่ยเหยียนเสียอีก มองไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนั้น…

ฮวนฮวนขยับปากเล็กน้อย คิดจะเตือนหลิงเยว่ว่านางนั่งทับกองไฟที่ลุกโชนที่สุดอยู่เชียวนะ แต่เห็นว่าท่านอาจารย์ดูเหมือนจะไม่ร้อน นางจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ

ควันสีดำจากปล่องไฟทั้งเจ็ดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถดึงดูดสัตว์ร้ายหรือมนุษย์เลย

แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

โม่จวินเจ๋อตัดความเป็นไปได้ของม่านพลังออกไป ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีม่านพลังใดที่จะสามารถกักขังหลิงเยว่ได้ ต่อให้กักขังหลิงเยว่ได้ พวกเขาก็ยังมีวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย ยามคับขันเขายังพอรับมือได้บ้าง

“ไม่มีม่านพลัง”

วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยกระพือปีกเล็ก ๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อยู่เลย!

“ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น?!”

ว่านอวี้เฟิงตอบสนองอย่างรุนแรง ทะเลทรายกว้างใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น!

“ไม่ใช่แค่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น แม้แต่ต้นไม้สักต้นก็ไม่มี” หลงหว่านโหรวเต็มไปด้วยความสับสน ในทะเลทรายย่อมมีพืชทะเลทรายอยู่แล้ว ตอนนี้แก่นปราณพฤกษาของนางกลับไม่รู้สึกถึงต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว

ผิดปกติเกินไปแล้ว!

“หรือว่าหมอกแดงจะบ้าคลั่งถึงขั้นดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดในทะเลทรายไปแล้ว?” อวี้เจินอุทาน ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้บาดแผลของนางน่าจะหายดีแล้วหรือบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าตอนที่พวกเขาเจอนางครั้งก่อนด้วยซ้ำ!

“ตอนที่นางหนีไปยังบาดเจ็บสาหัส มังกรปีศาจถูกกำจัดจนหมดสิ้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะยังมีพลังแข็งแกร่งที่เปลี่ยนแปลงพลังชีวิตทั้งหมดในใจกลางทะเลทรายได้?”

หลิงเยว่เห็นด้วยกับคำพูดของผู่ตาน ราชินีปีศาจนั่นบาดเจ็บสาหัส ที่ใจกลางทะเลทรายกลายเป็นแบบนี้ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเปลวไฟสีม่วงที่ฮวนฮวนบอก หรือก็คือสิ่งที่ระบบเรียกว่าเพลิงแปลกประหลาดสีม่วงอะไรนั่นมากกว่า

หมอกแดงก็หมายตาเพลิงแปลกประหลาดเช่นกัน!

หลิงเยว่ลุกขึ้นจากทรายทันที บางทีตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด แล้วเพลิงแปลกประหลาดกำลังรอให้นางไปช่วยอยู่ก็ได้!

เอาเถอะ สำหรับความคิดครึ่งหลัง หลิงเยว่ยอมรับว่าเป็นการคิดไปเอง

“คิดอะไรออกงั้นรึ?”

จู่ ๆ หลิงเยว่ก็มีปฏิกิริยาที่น่าตกใจเช่นนี้ ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที ซึ่งโม่จวินเจ๋อเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถาม

“บางที ที่นี่อาจจะมีเพลิงแปลกประหลาดก็ได้”

“เพลิงแปลกประหลาด” ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมสำหรับผู้บำเพ็ญ พวกมันคือเพลิงพิเศษที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บางชนิดแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเปลวเพลิงสวรรค์ด้วยซ้ำ

“เพลิงแปลกประหลาด?!” ติงหลิวหลิ่วชี้ไปที่ควันที่ลอยออกมาจากร่างกาย ใช่แล้ว! เพลิงธรรมดาจะสามารถทำให้พวกเขากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

“ถ้ามีเพลิงแปลกประหลาดช่วย หากหมอกแดงจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หรอกหรือ?” ลู่เป่ยเหยียนลูบมืออย่างตื่นเต้น

อย่าได้สะใจไปกว่านี้เลย!

“แล้วถ้าหมอกแดงได้เพลิงแปลกประหลาดไปล่ะ?”

อวี้เจินจ้องโม่จวินเจ๋ออย่างไม่พอใจ ราชินีปีศาจในตอนนี้ไม่ใช่คู่ปรับของเพลิงแปลกประหลาดอย่างแน่นอน!

“แล้วถ้าเพลิงแปลกประหลาดก็อ่อนแอลงด้วยล่ะ?”

หลิงเยว่พูดอย่างแผ่วเบา จากนั้นนางก็เดินตามหลังโม่จวินเจ๋อไป แล้วถูกจ้องมองอย่างไม่พอใจเช่นกัน

“เพลิงแปลกประหลาดอะไรกัน? แม้แต่เปลวเพลิงสวรรค์ข้าก็ไม่กลัว รีบไปกันเถอะ!”

หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกเสียใจเป็นครั้งที่ล้าน ทำไมถึงต้านทานเสน่ห์ของโอสถแปลงร่างไม่ได้ แล้วต้องมาที่ทะเลทรายรกร้างที่ว่างเปล่านี่ด้วย!

“ฮวนฮวน ตอนนี้เจ้ายังได้กลิ่นพวกเดียวกันอยู่ไหม?”

ฮวนฮวนมองไปไกล ๆ จมูกเล็ก ๆ ขยับไปมา หลิงเยว่ซึ่งจ้องมองไปที่เด็กน้อยตลอดเวลา เห็นดวงตาคู่งามของนางเปลี่ยนสี กลายเป็นสีทองข้างหนึ่ง สีแดงข้างหนึ่ง!

“ฮวนฮวน… เจ้า?!” สือเชี่ยนเพิ่งเคยเห็นดวงตาต่างสีปรากฏบนร่างกายมนุษย์เป็นครั้งแรกก็อดสงสัยในตัวตนของฮวนฮวนไม่ได้

“อ๊ะ! พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าฮวนฮวนเป็นครึ่งดอกไม้โลหิตปีศาจ?” ลู่เป่ยเหยียนพูดอย่างประหลาดใจ

หลงหว่านโหรว สือเชี่ยน และฉีซิวซีจ้องมองไปที่ลู่เป่ยเหยียนด้วยสีหน้าเรียบเฉย พวกเขาดูเหมือนคนที่รู้อย่างนั้นหรือ?

“ถ้าอย่างนั้น ตระกูลเซี่ย?”

ฉีซิวซีสูดหายใจเข้า นี่หมายความว่าพ่อหรือแม่ของฮวนฮวนคนใดคนหนึ่งเป็นเผ่าปีศาจ!

“ใช่แล้ว พ่อของนางเป็นปีศาจ”

หลิงเยว่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ นอกจากหัวหน้าตะขาบมรกตที่รู้อยู่ก่อนแล้ว คนอื่น ๆ ต่างรู้สึกสับสนและมองฮวนฮวนด้วยสายตาที่ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม

“พ่อข้าถูกขับออกจากเผ่าปีศาจแล้ว!”

ฮวนฮวนแย้ง พร้อมกับเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจ

“ทำไมล่ะ?” เรื่องนี้หลิงเยว่ไม่รู้

“แน่นอนว่าเป็นเพราะแม่ข้าไง!”

เพราะความรักงั้นเหรอ?

หลิงเยว่เชื่อ แต่ตอนนี้ความรักของสามีภรรยาตระกูลเซี่ยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเดียวกันของฮวนฮวนอยู่ที่ไหน!

“ทางนั้น!”

ฮวนฮวนชี้นิ้วเล็ก ๆ ไปยังที่หนึ่ง เมื่อทุกคนมองตามนิ้วนั้นไป สิ่งที่เห็นมีเพียงทะเลทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และอากาศที่บิดเบี้ยวเพราะความร้อนเท่านั้น

“ไกลไหม?” อวี้เจินถามอย่างไม่คาดหวัง

“ไม่รู้”

ซึ่งคำตอบของฮวนฮวนนั้นอยู่ในความคาดหมาย ทุกคนทำได้เพียงเดินตามนางไปเรื่อย ๆ…

“แปลกจัง ทำไมฟ้ายังไม่มืดสักที?”

“ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ก็ไม่เปลี่ยน!”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเดินมาหลายวันแล้ว แต่เมื่อหันกลับไปมองรอยเท้าของตัวเอง ก็พบว่ารอยเท้าที่อยู่ด้านหลังถูกกลบจนหมดสิ้น

“ฟ้ามืดต้องน่ากลัวแน่ ขออย่าให้ฟ้ามืดเลย!”

ฮวนฮวนที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตอุ้มอยู่บนหลัง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าปฏิเสธ หลิงเยว่จึงรีบถามว่าทำไม แต่เด็กน้อยก็พูดไม่ออก บอกได้แค่ว่าตอนกลางคืนทะเลทรายจะน่ากลัวมาก

“ท่านอาจารย์หลิง กลิ่นของพวกเดียวกันกับข้าแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”

เดิมทีทุกคนกำลังท้อแท้ แต่จู่ ๆ ก็มีกำลังใจขึ้นมา ทันใดนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้คือการกำจัดหมอกแดงให้เร็วที่สุด แล้วออกจากสถานที่ผีสิงแห่งนี้เสียที

ขณะที่พวกเขาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ก็เปลี่ยนไป อุณหภูมิดูเหมือนจะไม่สูงเหมือนเดิมแล้ว…

“ฟ้าจะมืดแล้ว!” ฮวนฮวนกอดคอหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยความหวาดกลัว หัวหน้าตะขาบมรกตกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ดอกไม้โลหิตปีศาจตัวน้อย ๆ แม้จะใช้กำลังทั้งหมดก็ไม่สามารถบีบคอเขาตายได้หรอก!

“จะมืดก็มืดไปเถอะ” หัวหน้าตะขาบมรกตพูดอย่างไม่แยแส ในใจยังแอบคาดหวังว่า เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากเจอหนอนทรายแล้วย่างกินสด ๆ บ้างคงดีเหมือนกัน!

ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ เกือบจะในทันทีที่หัวหน้าตะขาบมรกตพูดจบ ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะลับขอบฟ้าก็หายวับไป ทะเลทรายทั้งผืนตกอยู่ในความมืดมิด

ทะเลทรายที่ไร้ลมมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็เริ่มก่อตัวเป็นพายุทราย พัดเอาทรายเข้าปากหลิงเยว่เต็ม ๆ

ในความมืดมิด ควันสีดำกลับมีสีสันขึ้นมา

ปล่องไฟทั้งเจ็ดกลายเป็นไฟนำทางในทะเลทราย แสงสีม่วงระยิบระยับ มีควันคลุ้งออกมาจากร่าง แต่โชคดีหน่อยที่ไม่มีกลิ่นเนื้อย่างลอยออกมาด้วย!

พวกเจ็ดคน “?”

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย ปล่องไฟอันหนึ่งก็ถูกบางอย่างใต้ผืนทรายลากลงไปโดยที่ไม่ทันได้ร้อง

หลงหว่านโหรวตอบสนองอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวลงไปใต้ผืนทราย ไล่ตามติงหลิวหลิ่วไป

แล้วปล่องไฟดวงที่สองก็ถูกลากไปเช่นกัน…

ตามด้วยปล่องไฟที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด ในเวลาเดียวกัน

ในขณะนั้นเอง ใจกลางทะเลทรายก็ปรากฏทะเลเพลิงสีม่วงเข้มขึ้น เปลวไฟกำลังลามไปทางพวกเขา

น่าเสียดายที่คนที่ไปไล่ตามไฟดวงต่าง ๆ ไม่ได้เห็นภาพที่งดงามเช่นนี้

โม่จวินเจ๋อที่จับข้อมือหลิงเยว่ไว้ ถูกดึงลงไปในทะเลทรายพร้อมกัน แต่จู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างคว้าข้อเท้าของเขาไว้

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท