บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1422 ความเดียวดายของการยืนอยู่บนจุดสูงสุด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1422 ความเดียวดายของการยืนอยู่บนจุดสูงสุด

เฉินซีกลับมาแล้ว!

ข่าวนี้ดังก้องไปทั่วทั้งตระกูลเฉิน และจากนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วสารทิศด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

ณ เมืองหมอกสน ดินแดนทางใต้ ราชวงศ์ซ่ง…

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน โลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งทั้งหมด ต่างรับรู้ว่าดาวรุ่งอันดับหนึ่งของเมื่อหลายปีก่อน เฉินซีผู้ซึ่งได้เข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬ ผู้ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของสมรภูมิบรรพกาล และแม้แต่ขึ้นสู่ภพเซียนภายในเวลาหนึ่งร้อยปี เขาได้กลับมาแล้ว!

ชั่วขณะหนึ่งก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ไปทั่วใต้หล้า ไม่ว่าถนน โรงน้ำชา หรือภัตตาคาร… แทบทุกมุมโลกกำลังพูดคุยถึงชื่อของเฉินซี

ทั้งที่ตัวคนก็ออกจากราชวงศ์ซ่งมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ปาฏิหาริย์มากมายที่เขาสร้างขึ้นในโลกแห่งการบ่มเพาะเมื่อหลายปีก่อน ยังคงไม่ถูกทำลายจนถึงบัดนี้

สำหรับโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่ง เฉินซีเป็นเหมือนตำนานที่พวกเขาทำได้แหงนหน้ามองเท่านั้น แม้จะจากไปหลายร้อยปี แต่ผู้คนยังคงเล่าขานวีรกรรมทั้งหมดของเขา

บัดนี้ บุคคลในตำนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้กลับสู่ราชวงศ์ซ่งแล้ว ดังนั้นความแตกตื่นครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจึงเป็นที่ประจักษ์

ถึงขั้นเมื่อกองทัพผู้บ่มเพาะที่กำลังทำสงครามกับกองทัพต่างพิภพได้ยินข่าวนี้ ขวัญกำลังใจก็พุ่งทะยานราวติดปีก ประหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทวยเทพ และเอาชนะศัตรูได้อย่างเข้มแข็ง!

สรุปแล้ว ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เฉินซีผู้ซึ่งกลับมาสู่ภพมนุษย์ก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของราชวงศ์ซ่งทั้งหมด และทั่วทั้งราชวงศ์ซ่งก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น

ผู้บ่มเพาะมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนแต่ไม่ลังเลที่จะเดินทางจากที่ห่างไกลและทั่วสารทิศ ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหมอกสน เพื่อแสดงความเคารพและเป็นสักขีพยานต่อท่าทางที่สง่างามของบุคคลในตำนานนี้

แม้กระทั่งในโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์อื่น ๆ ที่ได้รับข่าวนี้ พวกเขาต่างยินดียิ่ง และหลบหนีมายังราชวงศ์ซ่ง

ส่วนทำไมพวกเขาต้องหลบหนี?

เพราะตอนนี้สงครามและความยุ่งเหยิงได้ปกคลุมโถงโบราณแล้ว และกองทัพต่างพิภพก็มีอยู่ทุกหนแห่ง ราชวงศ์หลายแห่งถูกทำลายล้างด้วยเปลวไฟแห่งสงคราม ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข่าวการกลับมาของเฉินซี ทำให้ผู้บ่มเพาะเหล่านี้มองเห็นประกายความหวังได้ทันที ซึ่งทั้งหมดก็ทราบดีว่าตราบใดที่เข้าสู่ราชวงศ์ซ่ง ก็จะได้รับการปกป้องจากบุคคลในตำนานนี้อย่างแน่แท้

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว แล้วพวกเขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?

เมื่อเทียบกับโลกภายนอกที่คึกคักเป็นพิเศษ ตระกูลเฉินก็เต็มไปด้วยความคึกคักเช่นกัน

ไม่ว่าจะข้ารับใช้ คนในตระกูล ยามรักษาการณ์… ทุกคนต่างมีสีหน้าปีติยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะกฎของตระกูล พวกเขาคงจะรวมตัวกันเพื่อไปเยี่ยมบรรพบุรุษในตำนานของตระกูลแล้ว!

“หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดท่านบรรพบุรุษเฉินซีก็กลับมา!”

“นั่นก็เป็นเรื่องที่พิเศษยิ่ง เพราะข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่คนใดที่ขึ้นสู่ภพเซียน แล้วจะสามารถกลับภพมนุษย์ได้ สิ่งนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าแม้จะอยู่ในภพเซียน แต่ท่านบรรพบุรุษเฉินซีก็เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา!”

“ฮึ่ม! เจ้าโง่ ท่านปู่ของข้าเคยรับใช้ท่านบรรพบุรุษเฉินซี ข้าได้ยินจากท่านปู่ว่า เป็นเพราะท่านบรรพบุรุษเฉินซี ทำให้ตระกูลเฉินแห่งเมืองหมอกสนของเรา สามารถกลายเป็นตระกูลชั้นสูงของราชวงศ์ซ่งได้”

“ใช่แล้ว พวกเจ้าอาจไม่รู้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่อันดับต้น ๆ ของราชวงศ์ซ่งทั้งหมด ได้มารวมตัวในโถงใหญ่ของตระกูลเรา ข้าได้ยินมาว่า แม้แต่จักรพรรดิซ่งก็เสด็จมาเพื่อพบท่านบรรพบุรุษเฉินซี”

แม้จะเป็นแค่ข้ารับใช้ของตระกูลเฉิน แต่พวกเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ปัจจุบันตระกูลเฉินอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก และมันก็เหมือนดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าในท้องฟ้ายามเที่ยงวัน แม้แต่ในใต้หล้าก็ไม่มีใครเทียบเคียงตระกูลเฉินได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ข้ารับใช้ของตระกูลเฉิน ก็ยังได้รับเกียรติและความเคารพเช่นกัน

ในขณะนี้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งทั้งหมด ได้นั่งอยู่ภายในโถงใหญ่ของตระกูลเฉินจนแน่นขนัด

ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ได้แก่ ราชาเต่าเฒ่า ราชันจิ้งจอกเก้าหาง บรรพบุรุษสูงสุดของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรเป่ยเหิง ประมุขนิกายหลิงคงจื่อ และมีคนอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลเฉิน

นอกจากผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้แล้ว ยังมีปรมาจารย์ของนิกายอื่น ๆ จากดินแดนทั้งหมดในราชวงศ์ซ่ง และทุกคนก็มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี

และผู้ที่โดดเด่นที่สุดย่อมเป็นจักรพรรดิซ่ง หวงฝู่จ้งหลิง!

อาจกล่าวได้ว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ซ่งทั้งหมด ได้มารวมตัวที่โถงใหญ่ของตระกูลเฉิน และผู้ที่มีตัวตนด้อยกว่า ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเป็นอันขาด

“ท่านบรรพบุรุษเฉินซีมาถึงแล้ว!!!” ขณะที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่กำลังพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา พลันมีเสียงดังก้องมาจากด้านนอกห้องโถง และทำให้เสียงเซ็งแซ่หยุดชะงักทันที บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ซ่งต่างลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนมองออกไปที่นอกห้องโถงอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าเผยความเคารพ และความตื่นเต้นไม่น้อย

มันเป็นการแสดงความเคารพอย่างแท้จริง แม้พวกเขาจะสามารถปกครองผู้คนในโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่ง และยืนตระหง่านท่ามกลางเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นนำ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินซีที่มาจากภพเซียน พวกเขาจึงลุกขึ้นยืนและทักทายเฉินซีด้วยความเคารพเหมือนผู้เยาว์เท่านั้น

ทั้งหมดนี้ ไม่มีสิ่งใดอื่นนอกจากคำเดียว ผู้แข็งแกร่งจักได้รับความเคารพ!

ประกอบกับความจริงที่ว่า ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในห้องโถงก็ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับเฉินซีในอดีต และถึงแม้ตัวคนได้ออกจากราชวงศ์มาหลายร้อยปีแล้ว แต่พวกเขาก็แสดงความเคารพมากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อได้รับรู้ถึงการกลับมาของเฉินซี

สำหรับราชาเต่าเฒ่า ราชันจิ้งจอกเก้าหาง บรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิง ประมุขหลิงคงจื่อ และคนอื่น ๆ เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้พบเฉินซีมาหลายปี และรู้สึกว่าสถานะของตนด้อยกว่ามาก จึงไม่กล้าดูหมิ่นอีกฝ่าย

ดังนั้นเมื่อเฉินซีที่เข้าไปในโถงใหญ่พร้อมกับเฉินฮ่าวและเฉินอวิ๋นอวิ๋นในอ้อมแขน ก็เห็นทุกคนยืนขึ้นเพื่อทักทายเขา ส่งผลให้บรรยากาศดูค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย

เฉินซีตะลึงลานกับเหตุการณ์ตรงหน้า พลางบ่นในใจว่า เหตุใดเฉินฮ่าวถึงต้องทำให้การรวมครั้งนี้ มากพิธีการด้วย?

“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” เฉินฮ่าวคล้ายคาดเดาความคิดของเฉินซีได้ และยิ้มอย่างขมขื่นขณะกล่าวผ่านกระแสปราณ “ทั้งหมดเป็นเพราะชื่อเสียงของท่านยิ่งใหญ่เกินไป แล้วพวกเขาจะกล้านั่งรอให้ท่านเข้าไปได้อย่างไร!”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง ดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ทั้งยังรู้สึกว่ามันน่าผิดหวัง เพราะเขาเกลียดบรรรยากาศที่เคร่งขรึมและสำรวมเช่นนี้ยิ่งนัก

ในเวลาเดียวกันกับที่เฉินซีเข้าไปในโถงใหญ่ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ซ่งก็จับจ้องมาเป็นตาเดียว เขายังคงสวมชุดสีเขียว และดูหล่อเหลาและไม่ธรรมดาเช่นเดิม ทว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงหนึ่งเดียว คือกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมา มันทั้งมั่นคง และมีเอกลักษณ์ที่ไร้ขอบเขต

แม้เฉินซีจะเก็บงำกลิ่นอายไว้ แต่เพียงแค่มอง ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเล็กเหมือนมด ประหนึ่งได้พบราชาสูงสุดผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้รู้สึกเคารพจากใจ

เดิมที เหล่าผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฉินซี ตั้งใจที่จะทักทายเขา แต่เมื่อได้เห็นคนมาปรากฏตรงหน้าจริง ๆ ก็ตระหนักได้ถึงความเคารพและความกดดันที่ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้ไม่กล้าที่จะกล่าววาจาใด ๆ!

สิ่งนี้ทำให้บรรยากาศทวีความเงียบสงัดและเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม

เฉินซีทอดถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็เผยรอยยิ้มพลางกล่าวทักทายทุกคน “ท่านจักรพรรดิซ่ง พี่ใหญ่เสวียนจิง พี่ใหญ่ชิงชิว พี่ใหญ่เป่ยเหิง… พวกท่านก็มาด้วยหรือ!”

เสียงของเขาดังชัด และมีกลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกราวกับกำลังอาบไล้ไปด้วยสายลมของฤดูใบไม้ผลิ กวาดล้างกลิ่นอายอันเคร่งขรึมและสำรวมภายในห้องโถงไปจนหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวงฝู่จ้งหลิง ราชาเต่าเฒ่า เสวียนจิง และคนอื่น ๆ ที่เฉินซีกล่าวถึง พวกเขาล้วนรู้สึกผ่อนคลายทันที ใบหน้าเปล่งประกายด้วยความสุข ทั้งยังสังเกตเห็นว่า หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี นอกจากกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจนมิอาจหยั่งรู้ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เขายังคงสงบ ถ่อมตัว และจริงใจไม่เปลี่ยนแปลง

“สหายเต๋าเหล่านี้ คงจะเป็นเหล่าผู้อาสุโสของราชวงศ์ซ่งสินะ” เฉินซีกวาดสายตาผ่านใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยในห้องโถง และยิ้มพลางทักทายพวกเขาเช่นกัน

เพียงแค่คำว่า ‘ผู้อาวุโส’ กลับทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นตื่นตระหนกทันที และพวกเขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัว รีบกล่าวเสียงตะกุกตะกัก

“มิกล้าท่านบรรพบุรุษเฉินซี ข้ามิอาจรับคำเรียกหาเช่นนั้นได้

“วัยวุฒินั้นไร้ความหมาย ความสำเร็จยืนอยู่เหนือทุกสิ่ง ท่านบรรพบุรุษเฉินซี โปรดอย่าเรียกเราว่าผู้อาวุโสอีก มิฉะนั้นมันจะทำให้เราลำบากใจ”

“ใช่ ใช่”

เฉินซีเพียงยิ้มและไม่กล่าวใด ๆ เขาจึงสั่งให้เฉินฮ่าวเริ่มงานเลี้ยง จากนั้นนั่งลงตรงที่นั่งของเจ้าภาพ มันช่วยไม่ได้ แม้เขาจะปฏิเสธที่จะที่นั่งอย่างสุภาพ แต่คนอื่น ๆ กลับไม่เห็น และยืนกรานอย่างหนักแน่น

เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น เฉินซีไม่ได้แสดงท่าทีว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากภพเซียนเลย เขายิ้มแย้มขณะจิบสุรา และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ย่อมรับรู้ถึงสิ่งนี้ พวกเขาเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว และเริ่มหัวเราะพร้อมกับชนจอกกับเฉินซี ทำให้บรรยากาศพลันครึกครื้นอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิซ่ง เสวียนจิงหรือชิงชิว พวกเขาก็ดูเหมือนจะคอยระมัดระวังตัวเมื่อพูดคุยกับตน

ในทางกลับกัน เมื่อพวกเขาคุยกับเฉินฮ่าว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ ‘ระมัดระวัง’ เช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกอิจฉาและอึดอัดเล็กน้อย

แต่เฉินซีตระหนักดีว่า นี่คือพลังอำนาจแห่งกาลเวลา เขาจากไปหลายร้อยปี ไม่ว่าจะสถานะ การบ่มเพาะ และความแข็งแกร่งในอดีตก็ไม่สามารถเทียบกับปัจจุบันได้ แม้ความสัมพันธ์จากอดีตจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจของคนเหล่านี้ เขาได้กลายเป็นคนของภพเซียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเกิดความเคารพต่อตนโดยไม่รู้ตัว

ความเดียวดายของการยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั่นเป็นอย่างไร?

เหตุการณ์ตรงหน้าคือคำอธิบายที่ดีที่สุด

เมื่อสถานะและตัวตนของคนสองคนอยู่ห่างกันมากเกินไป บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถเป็นไปตามความประสงค์ของคนคนหนึ่งได้

งานเลี้ยงนี้ดำเนินไปเป็นเวลาสามวันสามคืน เฉินซีให้การต้อนรับและส่งแขกเหรื่อกลับไป ทั้งยังให้ความบันเทิงแก่ผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์จนนับไม่ถ้วน ทว่าหัวใจของเขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่ง จนอยาก… กลับไปภพเซียนเสียเดี๋ยวนั้น

สามวันต่อมา เฉินซีตัดสินใจที่จะไม่รับแขกอีก และบอกเฉินฮ่าวให้จัดเตรียมและเลือกสถานที่ เพื่อที่เขาจะได้พบกับสมาชิกทุกคนในตระกูลเฉิน

เรื่องนี้เสร็จสิ้นเมื่อใด เขาจะเริ่มเตรียมตัวกลับไปสู่ภพเซียนทันที!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท