บทที่ 22 ใบหน้าภายใต้หน้ากาก
คราวนี้ นิ่งซื่อลุกขึ้นมาในทันใด แผดเสียงใส่บรรดาแม่นมที่ยืนอยู่ทางฝั่งหนึ่งของห้อง
“นี่พวกเจ้ายังรีรอสิ่งใดอีก”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”
พอเหล่าแม่นมได้สติ ก็รีบรุมกันเข้าไปจัดการในทันที เช่นนี้จักต้องจับหลานเยาเยามาทรมานให้สาสมได้แน่
หึหึ!
นิ่งซื่อยังคงเป็นกังวลไม่น้อย แม้จะดูไม่สมศักดิ์ศรีที่นางถือไพ่เหนือกว่าอยู่บ้าง ทว่ามีคนมากจึงจะสนุกมิใช่หรือ
นางหลบหลีกไปที่ข้างประตูในทันใด บรรดาแม่นมทะยานสู่ความว่างเปล่า ทว่าพวกนางตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รีบยืนล้อมนางไว้โดยรอบเป็นวงกลมโดยพลัน
หลานเยาเยาแอบหยิบยาผงห่อหนึ่งออกมา ฉีกปากห่อออก แล้วจึงโยนลงไปบนพื้น
เพียงพริบตาเดียว!
มีกลุ่มควันลอยขึ้นรอบทิศทาง เข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว
เหล่าแม่นมและสาวใช้ไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นไปชั่วขณะหนึ่ง จึงเริ่มเกิดความสับสนอลหม่านขึ้น
“เกิดเหตุอันใดขึ้น เหตุใดจึงมีควันมากมายถึงเพียงนี้”
“เจ้าคนต่ำล่ะ อย่าให้นางหนีไปได้เชียวนะ!”
“มีคนพุ่งตัวมาทางข้าแล้ว ต้องเป็นหลานเยาเยาแน่ พวกเจ้ารีบจัดการนางสิ”
“……”
ยามนี้ นิ่งซื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน หลานเยาเยาฉวยโอกาสชุลมุนนี้ ปลีกตัวออกไปจากหมู่คน ท้ายที่สุดก็ลอบเข้าไปหานิ่งซื่ออย่างเงียบเชียบ
ท่ามกลางความพร่ามัว เห็นเพียงนิ่งซื่อที่กำลังปัดหมอกควัน อยากมองให้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่
หลานเยาเยายิ้มมุมปาก!
นัยน์ตาแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม จากนั้นเดินอ้อมไปข้างหลังนิ่งซื่อ ยกเท้าขึ้นมาวาดที่บั้นท้ายของนาง ก่อนถีบเข้าไปอย่างจังทีหนึ่ง นิ่งซื่อจึงถูกผลักเข้าไปอยู่ท่ามกลางหมอกควันที่หนาทึบ
เสียงดัง “โครม”
ล้มลงไปอยู่ตรงข้างเท้าของแม่นมนางหนึ่งพอดี แม่นมนางนั้นส่งเสียงร้องขึ้นในทันใดว่า “เจ้าคนต่ำอยู่ที่ข้างเท้าของข้า พวกเจ้ารีบมาจัดการสั่งสอนนางอย่างสาสมสักชุดเร็ว”
พอกล่าวจบ ตัวนางเองก็ยกแส้ขึ้นมาก่อน แล้วฟาดลงไปอย่างจัง…..
“เพียะ…..”
“โอ๊ย!”
นิ่งซื่อที่กำลังมึนงง ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ก็ถูกแส้ฟาดใส่อย่างรุนแรงไปหนึ่งหน นางปวดร้าวจนหน้าตาบิดเบี้ยว
“นี่ข้าเอง อย่าตีข้า ข้าคือคุณหญิงแม่….”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคนที่ทะยานมาจากด้านหลังถีบเข้าให้ ภายหลังเสียงของนางจึงมีเพียงเสียงร้องโอดครวญเข้ามาแทนที่
ทันใดนั้น ภายในห้องยุ่งเหยิงอีนุงตุงนัง เมื่อรอจนควันจางหายไปหมด เหล่าสาวใช้และแม่นมต่างตกใจกลัวเบิกตากว้าง ใบหน้าบวมช้ำเปื้อนเลือดที่อยู่เบื้องหน้า คนที่มีผมเผ้ากระเซอะกระเซิงซ้ำยังสวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผู้นี้ คือคุณหญิงหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของหลานเยาเยามาเนิ่นนานแล้ว
——
ที่หน้าประตูจวนอ๋องเย่
หญิงสาวร่างบอบบางนางหนึ่ง ยืนสองมือเท้าสะเอวอยู่หน้าประตูบานใหญ่ จ้องตากับหนึ่งในองครักษ์เฝ้าประตูที่ใบหน้าเป็นอัมพาตอย่างจนปัญญา
“ข้า ก็บอกแล้วอย่างไร ว่านายท่านของพวกเจ้าให้ข้ามาเอง”
นี่มันบ้าบอสิ้นดี!
ไม่ยอมให้นางเข้าไปอย่างนั้นหรือ
หลานเยาเยาโมโหจนกัดฟันเสียงดัง “กรอด กรอด”
ใครจะรู้ล่ะว่า……
องครักษ์ผู้นั้นยังคงพูดอย่างหน้าตายดังเดิมว่า “นายท่านกล่าวว่า ผู้ใดที่ไม่มีกิจไม่มีสิทธิ์เข้า!”
กล่าวเช่นนี้อีกแล้ว!
ตั้งแต่มาถึงที่นี่จวบจนถึงยามนี้ เขาพูดประโยคเดิมวนมาสิบกว่ารอบแล้ว ไม่ขาดไม่เกินสักคำ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ดี!
เยี่ยมมาก!
“ไม่ให้ ข้า เข้าไปใช่ไหม เจ้ากล้ามาก แล้วอย่ามานึกเสียใจทีหลังล่ะ!”
นางชี้หน้าเขาพลางเดินถอยหลังไปทีละก้าว จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไปอย่างสง่างาม แต่แท้จริงแล้ว นางแอบเดินอ้อมไปยังประตูหลังของจวนอ๋องเย่ ก่อนจะปีนข้ามกำแพงเข้าไป
จวนอ๋องเย่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเสียจริง เห็นได้ชัดว่าองครักษ์เหล่านี้ลาดตระเวนตามรูปแบบเฉินฝ่า มีองครักษ์ลับซ่อนอยู่ในมุมมืด แม้ว่าจะไม่หนาแน่นนัก แต่กลับสามารถดูแลได้ทั่วทุกสารทิศ
ชิชะ!
กล่าวกันว่าเป็นแหฟ้าตาข่ายดิน ก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง สมกับเป็นจวนอ๋องเย่เสียจริง!
หลานเยาเยาลดเสียงฝีเท้าลง ย่องเบาหลบหลีกให้พ้นจากสายตาองครักษ์ลับ พอได้จังหวะเหมาะก็ทุบองครักษ์ที่เดินมาเข้าห้องน้ำตามลำพังจนสลบ
สลับชุดกับเขา แล้วจึงเดินตามตำแหน่งการลาดตระเวนของเหล่าองครักษ์
หลังจากนั้นไม่นาน!
หลานเยาเยารู้สึกแปลกใจขึ้นมาในบัดดลเมื่อพบว่า พระตำหนักโอ่อ่าเบื้องหน้าราวกับว่าจะไม่มีองครักษ์คุ้มกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น ดังนั้น เมื่อปราดตามองดูแล้วก็เกิดแผนการขึ้นในใจ
ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนเห็น นางหลบไปซ่อนกายอยู่หลังภูเขาจำลองอย่างรวดเร็ว รอให้เหล่าองครักษ์เดินจากไปไกล นางจึงจะพุ่งตัวไปยังพระตำหนัก
หากจำไม่ผิดล่ะก็ เมื่อเดินทะลุพระตำหนักตระการตาองค์นี้ไป ก็จะถึงลานของพระราชธิดาจาวหยางแล้ว!
หลังเดินเข้ามาในพระตำหนัก มองดูโถงเพดานที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง หลังคาเก๋งจีนฝังหยก ตรงกลางปล้องไฉนเป็นหินอาเกตแดง โดยรอบยอดรัตนะมีโซ่แปดสาย แต่ละสายเชื่อมโยงไปยังรูปปั้นเทพเจ้า
และเสาพระตำหนักที่เป็นทรงกลมนั้น มีรูปแกะสลักมังกรเสมือนเต็มตัวเชื่อมเสาทั้งสองต้นเข้าไว้ด้วยกันอยู่ หัวมังกรยื่นออกไปนอกชายคา ส่วนหางมังกรนั้นถลำเข้ามากลางพระตำหนัก
หลานเยาเยาอดตะลึงมิได้!
“พระตำหนักองค์หนึ่งในจวนอ๋องเย่งดงามได้ปานนี้ มิทราบว่าพระตำหนักทั้งหลายในพระราชวังจะเป็นเช่นไร”
เมื่อนางคิดจะเดินทะลุโถงทางเดินพระตำหนักองค์นี้ เพื่อไปยังลานของพระราชธิดาจาวหยาง!
ใครจะไปรู้….
ว่านางจะถูกดึงดูดความสนใจไว้ด้วยม่านหมอกที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากโถงทางเดินพระตำหนัก
นี่เป็นสถานที่ใดกัน
น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียว!
เมื่ออดสงสัยไม่ได้ นางจึงเดินตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่กลับพบว่าประตูบานใหญ่ตรงโถงทางเดินถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา อย่างไรก็ไม่สามารถเข้าไปได้
ฮึ!
ไม่ยากเกินความสามารถของข้าหรอก
เมื่อคิดเช่นนั้น นางจึงตัดสินใจจะปีนขึ้นไปบนยอดหลังคา มองดูสักประเดี๋ยวแล้วจึงค่อยไป
อืม เอาเช่นนี้แหละ!
เดิมทีนางคิดเช่นนั้น
หลังปีนขึ้นมาบนยอดหลังคาอย่างยากลำบาก นางเดินไปยังบริเวณที่มีม่านหมอกลอยอ้อยอิ่งด้วยความระมัดระวัง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึง
เมื่ออยู่ท่ามกลางม่านหมอก หลานเยาเยาจำต้องก้าวเท้าด้วยความระมัดระวัง นางหยิบกระเบื้องเคลือบแผ่นหนึ่งออก มวลไอร้อนลอยขึ้นมาปะทะเข้าที่ใบหน้า!
เมื่อมองดูแล้วพบว่า ภายในเป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ และม่านหมอกเหล่านี้เป็นเพียงไอน้ำที่ระเหยออกมาจากบ่อน้ำร้อนนั่นเอง
ขณะที่กำลังคิดว่าจะกลับมาแช่น้ำร้อนแห่งนี้ในภายหลัง ไม่นึกเลยว่า….
“แอ๊ด….”
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกในทันใด บุรุษร่างสูงเพรียวผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง เขาสวมหน้ากากสีเงิน แววตาเย็นชา ค่อย ๆ เดินไปยังบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ทีละก้าว
เขาเดินพลางยื่นมือไปปลดเข็มขัดที่เอว ท่วงท่าเชื่องช้าทว่าชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
อ๋องเย่!
หลานเยาเยาเบิกตากว้างในทันใด
ท่านอ๋องมิใช่ว่าต้องเข้าประชุมขุนนางยามเช้าหรอกหรือ
เพียงแค่พริบตาเดียว เย่แจ๋หยิ่งก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้ว เสื้อสีขาวชั้นในนั้นก็ถูกปลดออกเช่นเดียวกัน
ผิวขาวเนียนน่าดึงดูดนัก…..
มัดกล้ามมีเส้นแบ่งเห็นชัดเจน….
รูปร่างเช่นนี้หากอ้วนกว่านี้สักหน่อยก็จะดูมิงาม ผอมกว่านี้ก็จะแลดูซูบไป เพียงแต่บาดแผลที่น่ากลัวบนหน้าอกนั่นทำให้เรือนร่างของเขาไม่ถึงขั้นไร้ที่ติ
มองดูท่านอ๋องถอดเสื้อผ้าส่วนบนออกจนหมด หลานเยาเยาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ รู้สึกคอแห้งขึ้นมาในทันใด
เมื่อเย่แจ๋หยิ่งกำลังจะถอดกางเกงตัวในส่วนล่างออก หลานเยาเยายกมือขึ้นมาบังตาโดยพลัน แต่เพียงไม่ถึงสามวินาที นางก็แง้มนิ้วชี้และนิ้วนางออกเพื่อแอบดูผ่านช่องว่างนั้น…..
หากมิดูก็มิรู้ พอได้เห็นก็ตกตะลึงไปด้วย
เพราะในยามนี้อ๋องเย่ถอดหน้ากากออกแล้ว ความสนใจของนางล้วนตกไปอยู่ที่ใบหน้าของท่านอ๋อง
ใบหน้าดุจรูปแกะสลัก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ามีสัดส่วนชัดเจน สันจมูกโด่ง ริมฝีปากบาง คิ้วโก่งราวคันศร หน้าตาหมดจดไร้ที่ติ….
และเป็นเพราะใบหน้าที่งดงามนี่เอง ใจของหลานเยาเยาเพียงครู่เดียวก็ตกจากฟากฟ้าลงสู่แดนนรก
ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทวดามาจุติและใบหน้าขุ่นเคืองที่เหวข้างล่างนั่นรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว!
“อ๊าย….”
นางตกใจร้องราวกับเห็นผี จากนั้นยันตัวขึ้นมาโดยพลัน คิดว่าจะหลบหนีไป ใครจะรู้ว่าพอร่างกายของนางหนักอึ้งขึ้นมา จะตกลงไปยังเบื้องล่างในทันใด…..