หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 22 ใบหน้าภายใต้หน้ากาก

บทที่ 22 ใบหน้าภายใต้หน้ากาก

บทที่ 22 ใบหน้าภายใต้หน้ากาก

คราวนี้ นิ่งซื่อลุกขึ้นมาในทันใด แผดเสียงใส่บรรดาแม่นมที่ยืนอยู่ทางฝั่งหนึ่งของห้อง

“นี่พวกเจ้ายังรีรอสิ่งใดอีก”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”

พอเหล่าแม่นมได้สติ ก็รีบรุมกันเข้าไปจัดการในทันที เช่นนี้จักต้องจับหลานเยาเยามาทรมานให้สาสมได้แน่

หึหึ!

นิ่งซื่อยังคงเป็นกังวลไม่น้อย แม้จะดูไม่สมศักดิ์ศรีที่นางถือไพ่เหนือกว่าอยู่บ้าง ทว่ามีคนมากจึงจะสนุกมิใช่หรือ

นางหลบหลีกไปที่ข้างประตูในทันใด บรรดาแม่นมทะยานสู่ความว่างเปล่า ทว่าพวกนางตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รีบยืนล้อมนางไว้โดยรอบเป็นวงกลมโดยพลัน

หลานเยาเยาแอบหยิบยาผงห่อหนึ่งออกมา ฉีกปากห่อออก แล้วจึงโยนลงไปบนพื้น

เพียงพริบตาเดียว!

มีกลุ่มควันลอยขึ้นรอบทิศทาง เข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว

เหล่าแม่นมและสาวใช้ไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นไปชั่วขณะหนึ่ง จึงเริ่มเกิดความสับสนอลหม่านขึ้น

“เกิดเหตุอันใดขึ้น เหตุใดจึงมีควันมากมายถึงเพียงนี้”

“เจ้าคนต่ำล่ะ อย่าให้นางหนีไปได้เชียวนะ!”

“มีคนพุ่งตัวมาทางข้าแล้ว ต้องเป็นหลานเยาเยาแน่ พวกเจ้ารีบจัดการนางสิ”

“……”

ยามนี้ นิ่งซื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน หลานเยาเยาฉวยโอกาสชุลมุนนี้ ปลีกตัวออกไปจากหมู่คน ท้ายที่สุดก็ลอบเข้าไปหานิ่งซื่ออย่างเงียบเชียบ

ท่ามกลางความพร่ามัว เห็นเพียงนิ่งซื่อที่กำลังปัดหมอกควัน อยากมองให้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่

หลานเยาเยายิ้มมุมปาก!

นัยน์ตาแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม จากนั้นเดินอ้อมไปข้างหลังนิ่งซื่อ ยกเท้าขึ้นมาวาดที่บั้นท้ายของนาง ก่อนถีบเข้าไปอย่างจังทีหนึ่ง นิ่งซื่อจึงถูกผลักเข้าไปอยู่ท่ามกลางหมอกควันที่หนาทึบ

เสียงดัง “โครม”

ล้มลงไปอยู่ตรงข้างเท้าของแม่นมนางหนึ่งพอดี แม่นมนางนั้นส่งเสียงร้องขึ้นในทันใดว่า “เจ้าคนต่ำอยู่ที่ข้างเท้าของข้า พวกเจ้ารีบมาจัดการสั่งสอนนางอย่างสาสมสักชุดเร็ว”

พอกล่าวจบ ตัวนางเองก็ยกแส้ขึ้นมาก่อน แล้วฟาดลงไปอย่างจัง…..

“เพียะ…..”

“โอ๊ย!”

นิ่งซื่อที่กำลังมึนงง ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ก็ถูกแส้ฟาดใส่อย่างรุนแรงไปหนึ่งหน นางปวดร้าวจนหน้าตาบิดเบี้ยว

“นี่ข้าเอง อย่าตีข้า ข้าคือคุณหญิงแม่….”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคนที่ทะยานมาจากด้านหลังถีบเข้าให้ ภายหลังเสียงของนางจึงมีเพียงเสียงร้องโอดครวญเข้ามาแทนที่

ทันใดนั้น ภายในห้องยุ่งเหยิงอีนุงตุงนัง เมื่อรอจนควันจางหายไปหมด เหล่าสาวใช้และแม่นมต่างตกใจกลัวเบิกตากว้าง ใบหน้าบวมช้ำเปื้อนเลือดที่อยู่เบื้องหน้า คนที่มีผมเผ้ากระเซอะกระเซิงซ้ำยังสวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผู้นี้ คือคุณหญิงหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของหลานเยาเยามาเนิ่นนานแล้ว

——

ที่หน้าประตูจวนอ๋องเย่

หญิงสาวร่างบอบบางนางหนึ่ง ยืนสองมือเท้าสะเอวอยู่หน้าประตูบานใหญ่ จ้องตากับหนึ่งในองครักษ์เฝ้าประตูที่ใบหน้าเป็นอัมพาตอย่างจนปัญญา

“ข้า ก็บอกแล้วอย่างไร ว่านายท่านของพวกเจ้าให้ข้ามาเอง”

นี่มันบ้าบอสิ้นดี!

ไม่ยอมให้นางเข้าไปอย่างนั้นหรือ

หลานเยาเยาโมโหจนกัดฟันเสียงดัง “กรอด กรอด”

ใครจะรู้ล่ะว่า……

องครักษ์ผู้นั้นยังคงพูดอย่างหน้าตายดังเดิมว่า “นายท่านกล่าวว่า ผู้ใดที่ไม่มีกิจไม่มีสิทธิ์เข้า!”

กล่าวเช่นนี้อีกแล้ว!

ตั้งแต่มาถึงที่นี่จวบจนถึงยามนี้ เขาพูดประโยคเดิมวนมาสิบกว่ารอบแล้ว ไม่ขาดไม่เกินสักคำ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดี!

เยี่ยมมาก!

“ไม่ให้ ข้า เข้าไปใช่ไหม เจ้ากล้ามาก แล้วอย่ามานึกเสียใจทีหลังล่ะ!”

นางชี้หน้าเขาพลางเดินถอยหลังไปทีละก้าว จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไปอย่างสง่างาม แต่แท้จริงแล้ว นางแอบเดินอ้อมไปยังประตูหลังของจวนอ๋องเย่ ก่อนจะปีนข้ามกำแพงเข้าไป

จวนอ๋องเย่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเสียจริง เห็นได้ชัดว่าองครักษ์เหล่านี้ลาดตระเวนตามรูปแบบเฉินฝ่า มีองครักษ์ลับซ่อนอยู่ในมุมมืด แม้ว่าจะไม่หนาแน่นนัก แต่กลับสามารถดูแลได้ทั่วทุกสารทิศ

ชิชะ!

กล่าวกันว่าเป็นแหฟ้าตาข่ายดิน ก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง สมกับเป็นจวนอ๋องเย่เสียจริง!

หลานเยาเยาลดเสียงฝีเท้าลง ย่องเบาหลบหลีกให้พ้นจากสายตาองครักษ์ลับ พอได้จังหวะเหมาะก็ทุบองครักษ์ที่เดินมาเข้าห้องน้ำตามลำพังจนสลบ

สลับชุดกับเขา แล้วจึงเดินตามตำแหน่งการลาดตระเวนของเหล่าองครักษ์

หลังจากนั้นไม่นาน!

หลานเยาเยารู้สึกแปลกใจขึ้นมาในบัดดลเมื่อพบว่า พระตำหนักโอ่อ่าเบื้องหน้าราวกับว่าจะไม่มีองครักษ์คุ้มกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น ดังนั้น เมื่อปราดตามองดูแล้วก็เกิดแผนการขึ้นในใจ

ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนเห็น นางหลบไปซ่อนกายอยู่หลังภูเขาจำลองอย่างรวดเร็ว รอให้เหล่าองครักษ์เดินจากไปไกล นางจึงจะพุ่งตัวไปยังพระตำหนัก

หากจำไม่ผิดล่ะก็ เมื่อเดินทะลุพระตำหนักตระการตาองค์นี้ไป ก็จะถึงลานของพระราชธิดาจาวหยางแล้ว!

หลังเดินเข้ามาในพระตำหนัก มองดูโถงเพดานที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง หลังคาเก๋งจีนฝังหยก ตรงกลางปล้องไฉนเป็นหินอาเกตแดง โดยรอบยอดรัตนะมีโซ่แปดสาย แต่ละสายเชื่อมโยงไปยังรูปปั้นเทพเจ้า

และเสาพระตำหนักที่เป็นทรงกลมนั้น มีรูปแกะสลักมังกรเสมือนเต็มตัวเชื่อมเสาทั้งสองต้นเข้าไว้ด้วยกันอยู่ หัวมังกรยื่นออกไปนอกชายคา ส่วนหางมังกรนั้นถลำเข้ามากลางพระตำหนัก

หลานเยาเยาอดตะลึงมิได้!

“พระตำหนักองค์หนึ่งในจวนอ๋องเย่งดงามได้ปานนี้ มิทราบว่าพระตำหนักทั้งหลายในพระราชวังจะเป็นเช่นไร”

เมื่อนางคิดจะเดินทะลุโถงทางเดินพระตำหนักองค์นี้ เพื่อไปยังลานของพระราชธิดาจาวหยาง!

ใครจะไปรู้….

ว่านางจะถูกดึงดูดความสนใจไว้ด้วยม่านหมอกที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากโถงทางเดินพระตำหนัก

นี่เป็นสถานที่ใดกัน

น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียว!

เมื่ออดสงสัยไม่ได้ นางจึงเดินตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่กลับพบว่าประตูบานใหญ่ตรงโถงทางเดินถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา อย่างไรก็ไม่สามารถเข้าไปได้

ฮึ!

ไม่ยากเกินความสามารถของข้าหรอก

เมื่อคิดเช่นนั้น นางจึงตัดสินใจจะปีนขึ้นไปบนยอดหลังคา มองดูสักประเดี๋ยวแล้วจึงค่อยไป

อืม เอาเช่นนี้แหละ!

เดิมทีนางคิดเช่นนั้น

หลังปีนขึ้นมาบนยอดหลังคาอย่างยากลำบาก นางเดินไปยังบริเวณที่มีม่านหมอกลอยอ้อยอิ่งด้วยความระมัดระวัง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึง

เมื่ออยู่ท่ามกลางม่านหมอก หลานเยาเยาจำต้องก้าวเท้าด้วยความระมัดระวัง นางหยิบกระเบื้องเคลือบแผ่นหนึ่งออก มวลไอร้อนลอยขึ้นมาปะทะเข้าที่ใบหน้า!

เมื่อมองดูแล้วพบว่า ภายในเป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ และม่านหมอกเหล่านี้เป็นเพียงไอน้ำที่ระเหยออกมาจากบ่อน้ำร้อนนั่นเอง

ขณะที่กำลังคิดว่าจะกลับมาแช่น้ำร้อนแห่งนี้ในภายหลัง ไม่นึกเลยว่า….

“แอ๊ด….”

ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกในทันใด บุรุษร่างสูงเพรียวผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง เขาสวมหน้ากากสีเงิน แววตาเย็นชา ค่อย ๆ เดินไปยังบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ทีละก้าว

เขาเดินพลางยื่นมือไปปลดเข็มขัดที่เอว ท่วงท่าเชื่องช้าทว่าชวนมองเป็นอย่างยิ่ง

อ๋องเย่!

หลานเยาเยาเบิกตากว้างในทันใด

ท่านอ๋องมิใช่ว่าต้องเข้าประชุมขุนนางยามเช้าหรอกหรือ

เพียงแค่พริบตาเดียว เย่แจ๋หยิ่งก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้ว เสื้อสีขาวชั้นในนั้นก็ถูกปลดออกเช่นเดียวกัน

ผิวขาวเนียนน่าดึงดูดนัก…..

มัดกล้ามมีเส้นแบ่งเห็นชัดเจน….

รูปร่างเช่นนี้หากอ้วนกว่านี้สักหน่อยก็จะดูมิงาม ผอมกว่านี้ก็จะแลดูซูบไป เพียงแต่บาดแผลที่น่ากลัวบนหน้าอกนั่นทำให้เรือนร่างของเขาไม่ถึงขั้นไร้ที่ติ

มองดูท่านอ๋องถอดเสื้อผ้าส่วนบนออกจนหมด หลานเยาเยาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ รู้สึกคอแห้งขึ้นมาในทันใด

เมื่อเย่แจ๋หยิ่งกำลังจะถอดกางเกงตัวในส่วนล่างออก หลานเยาเยายกมือขึ้นมาบังตาโดยพลัน แต่เพียงไม่ถึงสามวินาที นางก็แง้มนิ้วชี้และนิ้วนางออกเพื่อแอบดูผ่านช่องว่างนั้น…..

หากมิดูก็มิรู้ พอได้เห็นก็ตกตะลึงไปด้วย

เพราะในยามนี้อ๋องเย่ถอดหน้ากากออกแล้ว ความสนใจของนางล้วนตกไปอยู่ที่ใบหน้าของท่านอ๋อง

ใบหน้าดุจรูปแกะสลัก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ามีสัดส่วนชัดเจน สันจมูกโด่ง ริมฝีปากบาง คิ้วโก่งราวคันศร หน้าตาหมดจดไร้ที่ติ….

และเป็นเพราะใบหน้าที่งดงามนี่เอง ใจของหลานเยาเยาเพียงครู่เดียวก็ตกจากฟากฟ้าลงสู่แดนนรก

ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทวดามาจุติและใบหน้าขุ่นเคืองที่เหวข้างล่างนั่นรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว!

“อ๊าย….”

นางตกใจร้องราวกับเห็นผี จากนั้นยันตัวขึ้นมาโดยพลัน คิดว่าจะหลบหนีไป ใครจะรู้ว่าพอร่างกายของนางหนักอึ้งขึ้นมา จะตกลงไปยังเบื้องล่างในทันใด…..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท