สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 284 จับตัวไว้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 284 จับตัวไว้

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ผ่านสถานการณ์โลหิตมาจนชิน นำศพขึ้นขี่ม้าอย่างไม่รู้สึกอันใด

ทั้งขบวนขี่ม้า นำม้าดีที่ไร้เจ้าของของพวกโจรที่ตายไปด้วย เดินทางหันหลังกลับไปยังอำเภอหลิง อย่างยิ่งใหญ่

คนที่เดินออกจากประตูเมืองหันมาเห็นความเคลื่อนไหวทางนี้ก็ตกใจจนหน้าถอดสี “ไม่ได้การแล้ว โจรภูเขาบุกตีเมืองแล้ว!”

ทหารเฝ้าประตูเมืองได้ยินก็ตกใจลนลานปิดประตูเมือง หนึ่งในนั้นพบความผิดปกติ “ช้าก่อน คนที่มาเหมือนจะเป็นทหารทางการ…”

ห่างออกไปค่อนข้างไกลเห็นเพียงฝูงม้าตะบึงมาทางนี้ฝุ่นตลบ ชายชุดแดงขี่ม้านำมาด้านหน้าโดดเด่นที่สุด

พริบตาทั้งขบวนก็เข้ามาใกล้ ชุดมัจฉาบิน[1] สีแดงส่องประกายเป็นที่จับตาใต้แสงตะวัน คนที่เหลืออีกสิบกว่าคนก็อยู่ในชุดมัจฉาบินสีดำ ท่าทางน่าเกรงขามเปี่ยมบารมี

“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน!” คนที่จำได้ก็เบิกตากว้างจ้องมองไม่กะพริบ

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน?

มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหรือ

“พวกเจ้าดูบนหลังม้าใต้เท้าเหล่านั้น!”

ระยะห่างนี้เพียงพอที่พวกเขาจะได้เห็นร่างที่พาดอยู่บนหลังม้า

ในตอนนี้เองก็มีคนยังคงตั้งสติไม่ได้ว่า นั่นก็คือศพ พอม้าหยุดลงก็ส่งเสียงตะโกนร้องดัง “คนตาย คนพาดบนหลังม้าพวกนี้ล้วนเป็นคนตาย!”

ภายใต้แสงตะวัน ผู้คนต่างมีสีหน้าซีดเผือดดั่งตกลงสู่ขุมนรกเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน!” หวงเฉิงยกป้ายคำสั่งแสดงสถานะ “พวกเรารับพระบัญชาคุ้มกันคุณชายซินลงใต้ ไม่คาดว่าระหว่างทางถูกโจรดักปล้น ตอนนี้จับตัวโจรมามอบให้ทางการ ทุกท่านรีบเปิดทาง!”

คำพูดไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แต่คนที่ได้ยินต่างรู้สึกสมเหตุสมผล

นี่เป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินประจำพระองค์ เหิมเกริมอุกอาจก็เป็นเรื่องธรรมดา

เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเมืองเดินเข้าไปใกล้ท่าทางกลัวๆ กล้าๆ พอตรวจสอบป้ายคำสั่งแล้วก็รีบเปิดทางให้ทุกคนเข้าเมืองด้วยท่าทีนอบน้อม

เขาหน้าตาดีและน้ำเสียงอ่อนโยน ชาวบ้านทางนั้นได้ยินก็พลันนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนมีคนส่งเสียงตอบว่า “เดินไปตามถนนเส้นนี้ถึงทางแยกเลี้ยวซ้าย…”

ซินโย่วนั่งอยู่บนหลังม้า ประสานมือไปทางชาวบ้าน “ขอทุกท่านนำทางได้หรือไม่ พวกเราขี่ม้าพกดาบ โจรภูเขาพวกนี้ยังกล้าปล้นชิง แค่คิดก็รู้ว่าจะต้องเป็นภัยร้ายของที่นี่ พวกเรามีภารกิจลงใต้ แต่ในเมื่อพบภัยร้ายนี้แล้ว ก็ไม่อาจนิ่งดูดาย คิดจะหารือกับนายอำเภอที่นี่ว่าจะกำจัดภัยโจรร้ายให้แก่ราษฎรได้อย่างไร”

พอได้ยินซินโย่วกล่าวเช่นนี้ คนไม่น้อยต่างก็แสดงท่าทีเต็มใจนำทาง

ขณะเดินทางไปยังที่ทำการอำเภอ มีคนใจกล้ามองการแต่งกายของซินโย่วต่างจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน หน้าตาก็กระจ่างใสดูมีเมตตา จึงถามอย่างอยากรู้ขึ้นว่า “ท่านก็คือคุณชายซินหรือที่พวกใต้เท้าคุ้มกันหรือ”

พอถามเช่นนี้ ซินโย่วก็พลันรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่จ้องมองมาทางนาง

“ใช่ ข้าเอง”

ท่าทางอมยิ้มของชายหนุ่ม ทำให้คนที่ถามยิ่งใจกล้า “ท่านขอให้ทางการส่งทหารมาปราบโจรได้จริงหรือ”

ความคิดชาวบ้านธรรมดาไม่ซับซ้อนอย่างยิ่ง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินร้ายกาจ คนที่ให้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินต้องคุ้มกันก็ย่อมต้องเก่งกาจยิ่งกว่า

โจรภูเขาไม่ได้เพิ่งเกิดไม่นาน เมื่อก่อนก็พอได้ยินมาบ้าง ผู้ใดผ่านทางมาก็ถูกปล้นชิงทรัพย์ ทุกคนได้ยินเรื่องก็เพียงแค่เอ่ยคำพูดแสดงความเห็นใจ รู้สึกว่าคนผู้นี้โชคร้ายเสียจริงเท่านั้น

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน โจรภูเขาพวกนั้นสังหารคนไม่กะพริบตา ไม่ถึงสองเดือน เพียงแค่คนในอำเภอก็ตายใต้คมดาบโจรภูเขาไปหลายครอบครัว

หากใต้เท้าที่เดินทางผ่านมาเหล่านี้กล่อมให้นายอำเภอส่งทหารไปปราบโจรได้ก็ย่อมดียิ่ง

ซินโย่วสบตากับสายตารอคอยความหวังมากมายนับไม่ถ้วน ก็เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ต้องพบนายอำเภอพวกเจ้าก่อน หลังจากหารือแล้วจึงจะรู้ได้ ทุกคนอย่าได้ใจร้อนไป พวกเรากำลังจะไปหารือที่อำเภอ”

“ดีเหลือเกิน…” ในกลุ่มชาวบ้านมีคนไม่น้อยพึมพำด้วยดวงตาแดงก่ำ

เพราะเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยในชีวิตวันหน้า แม้ว่าศพโจรภูเขาบนหลังม้าน่ากลัวเพียงใด แต่ก็มีชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ พากันไล่ตามขบวนมาตลอดทางจนไปถึงที่ทำการอำเภอ

“ใต้เท้า ที่นี่ขอรับ”

ชาวบ้านที่นำทางมาไม่ใช่หนึ่งคน แต่เป็นกลุ่มคน พากันหยุดพร้อมส่งเสียงตะโกนบอก

เจ้าหน้าที่ที่ทำการอำเภอตกใจสะดุ้ง สอบถามเรื่องราวละเอียดแล้วก็เข้าไปรายงาน

วันนี้ที่ทำการไม่มีงาน นายอำเภอเจิ้งดื่มน้ำชาอยู่ แต่เปลือกตากลับกระตุก

โจรภูเขาเหล่านั้นน่าจะจัดการเจ้าหน้าที่ที่มาจากเมืองหลวงสองคนนั้นแล้วกระมัง

เจ้าหน้าที่ทางการสองคนจับโจรภูเขามาส่ง บอกว่ารอให้จัดการราชการเสร็จก็จะกลับไปรายงานว่ามีภัยโจรร้ายที่อำเภอหลิง ถึงตอนนั้นขอให้เขาให้ความร่วมมือปราบโจร

พอเขาได้ยินก็ตัดสินใจอาศัยมือโจรภูเขากำจัดเจ้าหน้าที่ทางการสองคนนี้ทิ้ง

หากคนจากทางการมาจริง จับตัวโจรภูเขาพวกนั้นไปแล้วซัดทอดมาว่าเขารับสินบนจากโจรภูเขา ย่อมมีจุดจบต้องโทษประหารล้างตระกูล

หากเจ้าหน้าที่ทางการสองคนนั้นตายไปก็จะไม่ก่อให้เกิดความยุ่งยาก นายอำเภอเจิ้งก็ไม่ต้องกังวล

ภูเขาสายน้ำที่นี่มากมาย สังหารคนสักคนเอาไปโยนทิ้งภูเขาแม่น้ำไหนสักแห่ง ตายไปไม่เห็นแม้ศพ จะไล่เรียงความผิดมาถึงเขาได้อย่างไร

ไม่ว่าอย่างไร คนตายจึงจะปลอดภัยที่สุด

นายอำเภอเจิ้งคิดอย่างมีสติเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ลงมือกันขุนนางทางการ ในใจก็อดรู้สึกหวาดระแวงไม่ได้

ยามนี้เองเจ้าหน้าที่ก็วิ่งเข้ามารายงาน “นายอำเภอ มีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมากันมากมาย ผู้ที่นำมาก็คือผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน!”

นายอำเภอเจิ้งได้ยินก็ผุดลุกขึ้นทันที “คนเหล่านี้อยู่ที่ใด มาทำไมกัน”

“นอกประตูที่ทำการอำเภอขอรับ บอกว่าระหว่างเดินทางปะทะกับโจรภูเขา คุมตัวโจรมาส่งที่ทำการอำเภอขอรับ”

มีขุนนางราชสำนักปะทะโจรภูเขาอีกหรือ?

ปฏิกิริยาแรกของนายอำเภอเจิ้งก็คือพวกโจรค่ายเมฆดำเหิมเกริมไปแล้ว ไว้ต้องกำราบเสียหน่อย อย่าได้บังอาจเหิมเกริมเกินไปนัก

สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมีสถานะใด นายอำเภอเจิ้งย่อมรู้ดี ไม่กล้ารอช้ารีบออกไปต้อนรับ เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก

มีขุนนางราชสำนักมาที่นี่ในวันเดียวถึงสองครั้ง บอกว่านำโจรภูเขามามอบให้ทางอำเภอ บังเอิญเกินไปหรือไม่

ขุนนางและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พากันเดินออกจากห้องทำงานตนเอง มารวมตัวกันข้างกายนายอำเภอเจิ้ง

“นายอำเภอ ได้ยินว่าด้านนอกมีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมา…”

นายอำเภอเจิ้งระงับความสงสัยของตนพลางยืดตัวตรง “ออกไปต้อนรับกันก่อน”

บรรดาเจ้าหน้าที่เดินตามนายอำเภอเจิ้งออกมา พวกเขาส่วนใหญ่เกินครึ่งต่างกำลังเคร่งเครียดเพราะเกรงบารมีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน

ชายใบหน้าเหลี่ยมอายุราวสามสิบท่าทางไม่ร้อนใจ แววตาฉายแววแห่งความหวังขึ้นมาแวบหนึ่ง

ผู้นี้ก็คือรองนายอำเภอของอำเภอหลิง แซ่หยาง มีสถานะรองจากนายอำเภอเจิ้ง

แน่นอนนี่เป็นเพียงภาพที่แสดงต่อภายนอก ความจริงเขาไม่พอใจนายอำเภอเจิ้งที่รับสินบนจากพวกโจร จึงถูกกีดกันทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย

รองนายอำเภอหยางได้ยินว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมา ก็เกิดความคิดว่า หากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำเรื่องภัยโจรร้ายกราบทูลฮ่องเต้ นายอำเภอเจิ้งก็คงไม่อาจแสร้งทำเลอะเลือนได้อีก

นายอำเภอเจิ้งนำลูกน้อยก้าวออกจากประตูที่ทำการ เพิ่งก้าวออกมายิ้มเอ่ยก็ต้องชะงักทันที

ผู้คนตรงหน้ามืดฟ้ามัวดินนับไม่ถ้วน แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและรอคอย

เหตุใดมีชาวบ้านมามุงดูกันมากมายเพียงนี้

นายอำเภอเจิ้งขมวดคิ้วด้วยสัญชาตญาณ ไม่นานก็ยิ้มเข้าไปต้อนรับ ประสานมือคำนับชายหนุ่มในชุดขุนนางสีแดงกลางขบวน “ข้าน้อยคารวะผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อ”

ยังมิต้องเอ่ยถึงชุดขุนนางน่าเกรงขามทั้งชุด เพียงแค่มาที่ทำการอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นตัวปลอม

เฮ่อชิงเซียวชูป้ายคำสั่งต่อหน้านายอำเภอเจิ้งถามว่า “ท่านก็คือนายอำเภอของอำเภอหลิง?”

พอเห็นป้ายคำสั่ง นายอำเภอเจิ้งก็แสดงท่าทีนอบน้อมยิ่ง “ข้าน้อยนายอำเภอของอำเภอหลิง เจิ้งหมิง”

“ได้ยินชื่อเสียงนายอำเภอเจิ้งมานาน”

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยจบ องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายก็ก้าวออกมาซ้ายขวา กดตัวนายอำเภอเจิ้งไว้ทันที

[1] ชุดเฟยอวี๋หรือชุดมัจฉาบินเป็นชุดเสื้อแขนยาวแบบป้ายที่เย็บต่อกับกระโปรงจีบ บ้างก็แต่งลายปักเล็กน้อย บ้างก็ปักลายตลอดชุด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท