อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 591 ยั่วด้วยใบหน้าหล่อเหลา / ตอนที่ 592 ชอบให้เธอมองที่หน้าตา

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 591 ยั่วด้วยใบหน้าหล่อเหลา / ตอนที่ 592 ชอบให้เธอมองที่หน้าตา

ตอนที่ 591 ยั่วด้วยใบหน้าหล่อเหลา

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไปเก็บของที่ห้อง เอาของที่คิดว่าจะได้ใช้ไปด้วย

จากนั้นตี้อู๋เปียนก็ลบใบหน้าออก

ในภูเขาไม่มีคน ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ใบหน้าปลอม ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยากใช้ใบหน้าหล่อๆ ยั่วยวน สู้เพื่อให้ได้แต่งงาน!

ถ้าสร้างเจ้าตัวน้อยได้จะยิ่งดี!

พ่อตาต้องทนเห็นหลานไม่มีพ่อไม่ได้แน่ สุดท้ายก็จำต้องยอมให้ซาลาเปาน้อยแต่งงานกับเขา!

แค่คิดก็หวานเจี๊ยบแล้ว!

มู่เถาเยาเห็นเขาล้างหน้าที่แปลงโฉมพลางยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง เธอล่ะหมดคำจะพูด

“เร็วหน่อย มัวแต่ลีลาเดี๋ยวพวกคุณลุงคุณป้าจะรอกินข้าว”

ตี้อู๋เปียนขานรับพร้อมเร่งมือ พยายามหุบยิ้มที่มากเกินปกติ

เสร็จแล้วทั้งสองคนก็แบกของลงไปชั้นล่าง

“เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่ ลงมากันแล้ว…” น่าเค่อเลี่ยได้ยินเสียงเดินก็หันไป แต่พอเห็นใบหน้าของตี้อู๋เปียนก็เงียบเสียง

น่าฮาเซินวิ่งเข้าไป มองตี้อู๋เปียนด้วยความตะลึง “พี่ชายก็แปลงโฉม! สุดยอดเหมือนพี่สาวเลย!”

“นี่…นี่มัน…ระระ…ราชาตี้เหรอ” น่าซือถูตกใจจนกระโดดขึ้นจากโซฟา ทั้งยังถลนตาจนเกือบหลุดจากเบ้า

มู่เถาเยายิ้มอธิบายให้คนทั้งสามรุ่นฟัง “เขาเป็นลูกชายคนเล็กของราชาตี้ชื่อตี้อู๋เปียนค่ะ พวกเราสองคนออกมาข้างนอกไม่ค่อยสะดวก ตลอดทางเลยแปลงโฉมมาตลอด ขอโทษด้วยนะคะ”

น่าซือถูเกร็งขึ้นมาทันที “คะ…คะ…คุณชายเล็กตี้ พวกเรา…พวกเรารับรองไม่ดี…”

ตี้อู๋เปียนเอาของบนตัววางบนพื้นข้างโซฟาแล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พี่ใหญ่ไม่ต้องเกร็งครับ พวกเรามาขออาศัยเท่ากับมารบกวน”

น่าซือถูส่ายหน้ารัวๆ “ไม่เลยครับไม่เลย พวกเราดีใจยังจะไม่ทัน คนหมู่บ้านเรามีน้อยมาก แถมยังหนาว ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ค่อยได้เจอนักท่องเที่ยว”

น่าเค่อเลี่ยพยักหน้าด้วยความดีใจ “อาถูอยากย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ทำงานใช้ชีวิตสะดวก แต่พวกเราสองคนชินกับชีวิตบ้านนอก ชินกับการมีบ้านพื้นที่กว้างๆ ไปแล้ว ไม่อยากเข้าไปแออัดในเมือง แต่อาถูกับอาสี่ก็ไม่วางใจ เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเราที่นี่”

ครอบครัวพวกเขาคนน้อย ห้องในบ้านถึงมีไม่เยอะ แต่บริเวณบ้านกว้างมาก เรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังใหญ่

หรือจะพูดอีกอย่างก็ได้ว่าบ้านของคนหมู่บ้านนี้ใหญ่กันหมด เพราะพื้นที่กว้างใหญ่แต่คนอาศัยอยู่น้อย

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนคุยกับสองพ่อลูกเรื่องทั่วไป จนสองพ่อลูกไม่เกร็งแล้ว

พอแม่สามีกับลูกสะใภ้ออกมาเห็นตี้อู๋เปียนก็เริ่มเกร็งจนผ่อนคลายกันไปอีกรอบ

บนโต๊ะอาหารก็ยังมีเกร็งอยู่บ้าง แต่นี่ก็เรื่องปกติของคนเรา มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ไม่ได้จงใจคุยอะไรมากอีก

ชาวบ้านทั่วไปมักคิดว่าคนแบบพวกเขาสูงส่ง อันที่จริงก็แค่ปกติไม่ได้คลุกคลีเลยไม่เข้าใจเท่านั้น

หลังกินเสร็จลาจูก็มองตี้อู๋เปียนแบกเต็นท์สองหลังไว้ด้านหลังกับด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่…คุณชายเล็ก เต็นท์ดูไม่ใหญ่ เอาผ้าห่มติดไปด้วยดีไหม”

มู่เถาเยายิ้มพูด “วางใจได้ค่ะคุณป้า พวกเราเอาถุงนอนแบบทหารมาด้วย ใช้ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิติดลบห้าสิบองศาได้ค่ะ”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”

เฮ่อสี่ “เสี่ยวมู่จ๊ะ ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็รีบกลับมานะ อย่าเสี่ยงอันตราย”

“ค่ะ”

น่าเค่อเลี่ยพูดด้วยความจนปัญญา “เด็กสองคนนี้นี่…เฮ้อ ต้องรีบกลับมากันนะ”

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ประมาณสามวันพวกเราก็กลับมาแล้วครับ อย่างมากก็ไม่เกินห้าวัน ไม่ต้องห่วง นี่ก็เหมือนการตั้งแคมป์ปกติสำหรับพวกเราครับ”

มาอาศัยบ้านคนอื่นจะทำให้เจ้าของบ้านเป็นห่วงไม่ได้

ครอบครัวน่ารู้ว่าห้ามไม่ได้ จึงไม่อยากทำทั้งสองคนเสียเวลาอีก กลัวฟ้าจะมืดขึ้นเขาไม่สะดวก จึงออกไปส่งพวกเขา

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจงใจแสดงฝีมือให้เห็นต่อหน้าพวกเขา จะได้สบายใจกัน จึงเหาะไปบนหลังคา เหยียบกิ่งไม้แล้วเหาะออกไป

ทั้งสองคนถึงยอดเขาก่อนที่แสงสุดท้ายจะลับตา

ยอดเขาลูกนี้ไม่แหลม เหมือนชามคว่ำ ด้านบนราบเรียบ

ปลดของบนตัวลง ตี้อู๋เปียนใช้พลั่วสำหรับตักหิมะที่เอามาจากบ้านครอบครัวน่าตักหิมะตรงทำเลที่ดีสุดออกเพื่อตั้งเต็นท์

ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเอาพลั่วมา ยังมีถังเล็กๆ ไว้สำหรับใส่หิมะที่ละลายเอาน้ำมาไว้ล้างหน้า

แต่เวลานี้ดวงดาวสว่างพร่างพราวเต็มท้องฟ้า สว่างเหมือนเวลากลางวัน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ส่องแสงก็เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจึงหยิบอุปกรณ์ล้างหน้าพร้อมหิ้วถังใบเล็กลงจากเขา ไปล้างหน้าตรงริมน้ำแล้วตักน้ำขึ้นมาบนเขา

ทั้งสองคนนอนมองดาวอยู่ในเต็นท์หลังเดียวกัน

“ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีแสงออโรร่าหรือเปล่า ซาลาเปาน้อย ถ้าง่วงก็นอนนะ ฉันจะเฝ้าให้ แสงออโรร่าปรากฏแล้วจะเรียก”

“ฉันยังไม่ง่วง”

“งั้นพวกเราหาอะไรทำหน่อยไหม” ตี้อู๋เปียนจ้องริมฝีปากแดงของเธอด้วยสายตาร้อนแรง ประกายในดวงตารวมกับแสงสว่างจากดวงดาวยิ่งเจิดจ้า

“…”

ไม่กี่นาทีต่อมาตี้อู๋เปียนก็ปล่อยมู่เถาเยา แต่แค่จูบมันยังไม่หนำใจ จึงเอาของในเต็นท์นี้ไปไว้อีกเต็นท์ จากนั้นก็หยิบถุงนอนของตัวเองมา

มู่เถาเยา “…”

ถึงแม้เธอจะอยากรู้ว่าพฤติกรรมทางเพศจะนำมาซึ่งความรู้สึกแบบไหนทางร่างกาย แต่…จะก่อสงครามกลางป่ากันจริงๆ เหรอ

ตอนที่ 592 ชอบให้เธอมองที่หน้าตา

แสงดาวระยิบระยับอยู่เหนือศีรษะ

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

รอจนถึงกลางดึกก็ยังไม่เห็นแสงออโรร่า

ทำสงครามจูบกันเสร็จก็มุดเข้าถุงนอนของแต่ละคน

พอตื่นมาก็เพิ่งจะหกโมงกว่า

ฤดูหนาวท้องฟ้าสว่างค่อนข้างช้า เวลานี้จึงยังไม่มีแสงสว่างโผล่มา ดวงดาวก็ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไร

บรรยากาศเงียบสงัด รอบตัวมืดไปหมด

ตี้อู๋เปียนได้ยินเสียงขยับ จึงยื่นมือออกมาจากถุงนอนข้างหนึ่งแล้วพาดไปที่เอวของมู่เถาเยาอย่างแม่นยำ กดคนที่กำลังจะลุกขึ้นท่ามกลางความมืด “นอนต่ออีกหน่อยนะซาลาเปาน้อย”

“ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังแล้ว”

“ขี้เกียจบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก”

“ตั้งแต่ออกมาเที่ยวพวกเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสฝึกต่อสู้เลย ต้องใช้โอกาสช่วงหลายวันนี้ฝึกให้มากหน่อย”

“อยู่ที่นี่จะฝึกเมื่อไรก็ได้ นอนขี้เกียจตอนเช้าก็แค่กินเวลานิดหน่อยเอง ซาลาเปาน้อย ถ้าเธออยากออกกำลังกายจริงๆ ไม่สู้พวกเรา…” ตี้อู๋เปียนตื่นเต้นจนน้ำเสียงเปลี่ยน ร่างกายที่ยังอยู่ในถุงนอนขยับเข้าไปหามู่เถาเยา

มู่เถาเยา “…”

ทำไมเธอต้องเข้าใจคำพูดที่เขาพูดไม่จบได้ทันทีตลอดเลยนะ

หรือว่าเธอเองก็คิดเรื่องแบบนั้นอยู่ตลอด เธอขี้สงสัยขนาดนั้นเลยเหรอ อยากรู้ว่ากิจกรรมแบบนั้นมันทำให้ร่างกายรู้สึกยังไงขนาดนั้นเลยเหรอ

“ซาลาเปาน้อย ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูหนาวแล้ว”

“?” แล้วยังไง

“ใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว”

“…แล้วไงต่อ”

“พวกสัตว์มันติดสัดแล้ว…”

“แค่ก…” มู่เถาเยาสำลักน้ำลายตัวเอง

คราวนี้ตาสว่างทันที

“ซาลาเปาน้อย…” ขยับถุงนอนเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ

“ใบไม้ผลิผสม หน้าร้อนเติบโต ใบไม้ร่วงเก็บเกี่ยว หน้าหนาวจำศีล นี่เป็นวิวัฒนาการของสัตว์ การคัดสรรของธรรมชาติ พวกมันผสมพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิก็เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของลูกหลาน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อการสืบเผ่าพันธุ์ พวกสัตว์ก็เลยชอบผสมพันธุ์กันในฤดูใบไม้ผลิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคน”

ถุงนอนของตี้อู๋เปียนขยับเข้าไปหาอย่างเนียนๆ แต่กลับถูกคำพูดของมู่เถาเยาทำหยุดชะงัก

“…ก็ไม่เกี่ยวหรอก ฉันแค่อยากบอกว่า พวกเราควรมีความสุขมากกว่าสัตว์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรก็ต้องนำพวกมันไปก่อน…”

มู่เถาเยามองท้องฟ้าหมดคำจะพูดท่ามกลางความมืด…อันที่จริงก็มองหลังคาเต็นท์นั่นแหละ

ตี้อู๋เปียนค่อยๆ ขยับตัวออกจากถุงนอนแล้วเบียดเข้าไปหามู่เถาเยา

มู่เถาเยาที่ถูกเบียด “…ยางอายมีไหม”

ตี้อู๋เปียนหัวเราะคิกคัก รูดซิปถุงนอนของมู่เถาเยา จับสองมือของเธอออกมาแนบแก้มใบหน้าหล่อเหลาของตัวเอง “ลองจับดูสิ”

“…ตี้อู๋เปียน คุณเปลี่ยนไป ยังจำตัวเองสมัยก่อนได้หรือเปล่า”

“เธอชอบแบบเมื่อก่อนมากกว่าเหรอ”

“เปล่า” ถึงเธอจะเป็นหมอแต่ไม่ได้ชอบให้ใครป่วย

“ซาลาเปาน้อย ตอนนั้นเธอบอกฉันไม่หล่อ…”

“ป่วยเจียนตายเอาอะไรมาหล่อ” ในสายตาของเธอ ไม่ว่าจะชายหญิงแก่เด็ก ตราบใดที่ป่วยก็คือขี้เหร่หมด

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

ตี้อู๋เปียนเอื้อมมือไปเปิดไฟในเต็นท์ อยากให้มู่เถาเยาเห็นใบหน้าของเขาชัดๆ

ระยะนี้ต้องใช้ใบหน้าปลอมที่ถ้าไปยืนอยู่ในฝูงชนก็ถูกกลืนหายไป ทำให้เอาความหล่อมายั่วยวนไม่ได้

สองมือของมู่เถาเยาเคลื่อนจากใบหน้าไปที่หลังคอของเขา เลื่อนลงไป สังเกตอย่างละเอียดแล้วตอบด้วยความสัตย์จริง “ผิวดีมาก นอนมาทั้งคืนก็ยังไม่มัน”

“หล่อไหม”

มู่เถาเยาเลื่อนมือไปบนหน้าเขาอีกครั้ง ลูบๆ จับๆ แล้วพูด “อืม โครงหน้ากับผิวดีมาก หล่อเหลือเกิน”

“แล้วเธอชอบหรือเปล่า”

“คุณพูดแบบนี้แสดงว่าฉันชอบคนที่หน้าตางั้นเหรอ”

“ฉันชอบให้เธอมองที่หน้าตา ฉันมีหน้าหล่อๆ ให้เธอมอง” เพราะไม่มีใครหล่อเท่าเขาอีกแล้ว!

ขอแค่เธอชอบมองที่หน้าตา แบบนั้นก็ไม่มีทางไปชอบคนอื่นได้แล้ว!

มู่เถาเยาหลุดขำ หน้าตาดีก็มั่นใจเหลือเกินนะ!

ตี้อู๋เปียนโน้มตัว “ซาลาเปาน้อย…”

มู่เถาเยาไม่หลบ

บรรยากาศภายในเต็นท์แคบ ๆ เริ่มร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟ้าเริ่มสว่าง มู่เถาเยาออกมาจากเต็นท์ สูดลมหายใจเข้าลึกสองสามที

เอาอากาศเย็นแบบพิเศษของเนินเขาหิมะเข้าสู่ภายใน ไม่นานก็ลดอุณหภูมิร่างกายลงได้ ก็แค่ใบหน้ายังแดงอยู่ ดวงตากวางน้อยที่กลมโตก็หยาดเยิ้ม

หันกลับไปมองเต็นท์ คนบางคนที่หาเรื่องใส่ตัวกำลังพยายามทำให้ตัวเองสงบอยู่

มู่เถาเยาแปรงฟันล้างหน้า จากนั้นก็ฝึกวิทยายุทธ์บนยอดเขา

สิบนาทีต่อมาสายตาก็เหลือบเห็นตี้อู๋เปียนที่หน้ายังแดงอยู่หน่อย

ทั้งสองคนประลองฝีมือต่อสู้กัน

พอหยุดก็เหงื่อท่วมตัว หนำใจแล้ว

“ซาลาเปาน้อย พวกเราไปเก็บของ ถือโอกาสฝึกวิชาตัวเบาไปอาบน้ำที่ปลายน้ำแล้วค่อยเดินไปต่อ”

“ได้ คุณล้างหน้าแปรงฟันก่อน ฉันจะไปเก็บของ”

“อึม”

อันที่จริงของที่พกมามีไม่เยอะ แค่กล่องยาใบน้อย โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกล น้ำดื่ม แล้วก็พวกของเล็กน้อยอย่างขนมนิดหน่อย กระดาษทิชชู เป็นต้น

ไม่ต้องพกเสื้อผ้า เพราะพวกเขาซักเสื้อผ้าตอนอาบน้ำได้ พอเอามาใส่ก็ใช้กำลังภายในทำให้แห้ง

ที่นี่ไม่มีคน ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดเพื่อปิดบังความแตกต่างของพวกเขา

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท