ตอนที่ 521 ลือสะพัด
ณ จวนองค์หญิง
ในห้องที่มีกลิ่นหอมอบอวล องค์หญิงฉางเล่อเหยียบอยู่บนตัวซูเย่าด้วยเท้าเปลือยเปล่า สีหน้าเยือกเย็น “เจ้าพูดอะไรกับลั่วเซิงไปกันแน่”
ดวงตาซูเย่าเผยความดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมาน ทว่ากลับพูดอะไรไม่ได้สักคำ
เขารู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียความสามารถในการพูดมากขึ้นทุกขณะ
สิ่งนี้ทำให้อิทธิพลจากวาจาที่เขาเคยมีต่อผู้คนและสิ่งของทั้งหลายหมดสิ้นไป
เช่นองค์หญิงฉางเล่อตรงหน้าที่มองเขาด้วยสายตาราวกับมดแมลง
เขาไม่เห็นความสนใจในดวงตาของหญิงสาวผู้นี้อีก มีเพียงความโกรธเกลียด
มองดูชายหนุ่มที่ทำปากพะงาบ องค์หญิงฉางเล่อก็เลิกคิ้ว “ข้าลืมไปแล้วว่าตอนนี้เจ้าเป็นใบ้”
ขณะที่พูดเช่นนี้ นางก็ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าซูเย่าแล้วถีบท้องของเขา
ซูเย่ากุมท้องไว้แล้วก้าวถอยหลัง สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากเป็นเมื่อก่อน ขอเพียงเขาขมวดคิ้วบอกว่าเจ็บ สิ่งที่ได้มาย่อมเป็นความเห็นใจ
องค์หญิงฉางเล่อไม่สนใจว่าซูเย่าจะคิดอย่างไร
สำหรับนางแล้ว คนที่ทำให้นางสนใจได้นางถึงจะมอง หากไม่สนใจแล้วก็สู้ปลาทองที่เลี้ยงในตู้กระจกข้างหน้าต่างไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เจ้าเป็นคนบอกความลับใช่หรือไม่” องค์หญิงฉางเล่อประชิดเข้ามา เอ่ยอย่างก้าวร้าวว่า “ในขณะที่เจ้าเกลี้ยกล่อมข้าให้พาลั่วเซิงเข้าวัง เจ้าก็แอบไปบอกนาง ใช่หรือไม่”
ซูเย่าส่ายศีรษะ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมา
“เด็กๆ จับเขาไปขังไว้ในโรงม้า!”
คนใช้สองคนเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาลากบัณฑิตจอหงวนผู้ที่ในอดีตเคยสง่างามและมีเกียรติออกไป
องค์หญิงฉางเล่อยังคงไม่หายโกรธ นางเดินเข้าไปยังเรือนวิเวก
เรือนวิเวกอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ใบหน้างดงามของโซ่วเซียนเหนียงเหนียงราวกับถูกปกคลุมด้วยผ้าโปร่งลึกลับ
องค์หญิงฉางเล่อเดินเข้าไป ยกมือขึ้นลูบแก้มของโซ่วเซียนเหนียงเหนียง พึมพำว่า “เหงาใช่หรือไม่ หรือไม่ข้าให้บัณฑิตจอหงวนมาอยู่กับท่าน แม้เขาจะเป็นใบ้ แต่ความสามารถของเขายังอยู่”
โซ่วเซียนเหนียงเหนียงมีสายตาเมตตาราวกับพึงพอใจในข้อเสนอนี้มาก
“ไม่ได้” องค์หญิงฉางเล่อส่ายศีรษะ แตะร่างกายของโซ่เซียนเหนียงเหนียงเบาๆ “อาเซิงบอกแล้วว่าที่นี่เหมาะกับสตรีมากกว่า”
อาเซิง…
เมื่อคิดถึงสหายสนิท องค์หญิงฉางเล่อก็เม้มปากแน่น รู้สึกอัดอั้นใจจนตาแดง
หากรู้เช่นนี้แต่แรก นางคงไม่ไปบอกเรื่องเหล่านี้กับเสด็จพ่อแล้ว
เช่นนั้นอาเซิงก็ไม่ต้องหนีออกจากเมืองหลวง นางก็จะไม่เหงาเช่นนี้…
องค์หญิงฉางเล่อเงยหน้าขึ้นมองโซ่วเซียนเหนียงเหนียง น้ำตาไหลลงมา
ที่แท้ นางเดียวดายยิ่งกว่าโซ่วเซียนเหนียงเหนียงเสียอีก
ตั้งแต่ปีนั้นที่พี่สามตกลงจากหลังม้าและคอหักตายต่อหน้านาง ความสุขและความทุกข์ใดๆ ก็ไม่สามารถส่งผลต่อความรู้สึกของนางได้อีก
นางชอบอาเซิงที่หักคอนกยูงได้อย่างไม่ลังเลเลยจริงๆ
แต่ว่าอาเซิงของนางกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
มือที่ขาวเนียนจับแก้มของโซ่วเซียนเหนียงเหนียงเบาๆ แล้วค่อยๆ ลูบลงไปด้านล่าง
มีเสียงดังขึ้น มือข้างนั้นผลักรูปปั้นโซ่วเซียนเหนียงเหนียงจนตกแตกด้วยความโมโห
นางกำนัลที่ได้ยินเสียงเอ่ยเรียกอย่างร้อนรน “องค์หญิง ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เพคะ”
“เข้ามา” เห็นโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่แตกกระจาย องค์หญิงฉางเล่อสงบลง “เก็บกวาดแล้วไปย้ายโซ่วเซียนเหนียงเหนียงรูปใหม่มาจากห้องเก็บของ”
เมื่อสั่งเสร็จ องค์หญิงฉางเล่อก็เดินออกไป
นางกำนัลที่คุกเข่าเก็บกวาดรูปปั้นตัวสั่นไม่หยุด นางรู้สึกเพียงว่ากลิ่นหอมฉุนในเรือนวิเวกแห่งนี้น่าสะพรึงกลัว ทำให้นางอยากจะหนีออกไป
นางหันไปเห็นดวงตากึ่งยิ้มคู่นั้นบนศีรษะที่หักร่วงลงมาของโซ่วเซียนเหนียงเหนียงโดยบังเอิญ นางตกใจจนล้มลงกับพื้น เอามือปิดปากไว้แน่น
ข่าวแม่ทัพใหญ่ลั่วก่อกบฏและหนีไปยังไม่ทันซา จู่ๆ ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วถนนและตรอกซอกซอย ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
ได้ยินมาว่า บนประกาศจากวังหลวงที่ตามหาสตรีซึ่งเกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินเข้าวังนั้น ไม่ใช่เพราะราชครูทำนายได้ว่าผู้ที่เกิดวันนั้นมีชะตาหงส์ แต่เป็นเพราะต้องการสังหารพวกนางบูชาเทพเจ้าเพื่อเสริมพรให้องค์หญิงฉางเล่อมีอายุยืนยาว
และยังได้ยินว่า ก่อนหน้านี้ได้สังหารสตรีที่เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีปิ่งหยินกลุ่มหนึ่งไปแล้วแต่ยังไม่พอจึงต้องการสตรีที่เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินมาเพิ่ม คุณหนูลั่วผู้เป็นบุตรสาวอันเป็นที่รักของแม่ทัพใหญ่ลั่วเกิดวันนี้พอดี เพื่อปกป้องบุตรสาวแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงพาครอบครัวหลบหนี
ข่าวลือเป็นเรื่องจริงแน่นอน ไม่เช่นนั้นแม่ทัพใหญ่ลั่วจะยอมทิ้งตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินที่ทำอยู่ดีๆ แล้วหนีไปเพื่ออะไร
อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ที่แม่ทัพใหญ่ลั่วจะละทิ้งความมั่งคั่งและหนีไปเพื่อบุตรสาวรึ หึๆ นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูลั่วเท่านั้นถึงจะคิดแบบนี้
คุณหนูลั่วได้ใช้ชีวิตตามใจชอบเช่นนั้น เป็นไปได้หรือที่จะไม่มีท่านพ่อที่รักและตามใจนางสุดหัวใจ
คนที่หลงบุตรสาวเช่นนี้ เพื่อบุตรสาวแล้วย่อมทำได้ทุกอย่าง
ห้ามปากประชาชนนั้นยากยิ่งกว่าห้ามสายน้ำ แม้ผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินที่ถูกแต่งตั้งขึ้นใหม่จะพาคนขับไล่ประชาชนที่รวมกลุ่มกันนินทา แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหยุดข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปในวงกว้างได้และยังมีแนวโน้มว่าจะลือกันไปทั่วทั้งแผ่นดิน
คุณหนูรองหวังเดินโซซัดโซเซมาถึงมีหอสุรา ยืนน้ำตาไหลพรากตรงหน้าประตูใหญ่ของหอสุราที่ปิดแน่น
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
พี่หญิงของนางตายภายใต้ดาบของแม่ทัพใหญ่ลั่วตั้งแต่แรกแล้ว
คุณหนูรองหวังมองหอสุราอย่างเหม่อลอย ความเกลียดชังผุดขึ้นในใจ คุณหนูลั่วรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับหลอกลวงนางราวกับนางเป็นคนโง่ ทำให้นางมีความหวังในความสิ้นหวัง ทุกข์ทรมานอย่างยิ่งยวด
แต่ไม่นานนางก็เช็ดน้ำตา ดวงตากลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง
แม้พี่หญิงจะโตกว่านางสองปี แต่กลับสอนหลักการมากมายให้นาง พี่หญิงบอกว่าเวลาเจอปัญหาอะไรไม่ควรดูเพียงผิวเผิน ต้องใช้ใจดู รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ผู้ที่ลงมือคือบิดาของคุณหนูลั่ว ผู้ที่บัญชาคือผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรท่านนั้น คุณหนูลั่วคงพูดไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนาง
แต่นางก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดี…
คุณหนูรองหวังกลับถึงบ้าน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อเห็นคนใช้ที่เหลือเพียงไม่กี่คนเดินเข้าๆออกๆ เก็บของก็อดชะงักไม่ได้ “พวกเจ้าทำอะไรน่ะ”
“เตรียมย้ายบ้าน” เสียงชราเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง
คุณหนูรองหวังหันไป ย่อเข่าให้ผู้อาวุโส “ท่านปู่”
รองเจ้ากรมหวังในอดีตหรือท่านปู่หวังในปัจจุบันขมวดคิ้ว “ออกไปอีกแล้วหรือ”
คุณหนูรองหวังเม้มปากไม่พูดอะไร
“อย่าออกไปอีกเลย เก็บของให้เสร็จแล้วเราจะออกเดินทางกันวันนี้”
คุณหนูรองหวังอดเบิกตาโพลงไม่ได้ “ท่านปู่ ไปเร็วเช่นนี้เลยหรือเจ้าคะ”
“ฤดูไม้ผลิจะผ่านไปแล้ว เราควรไปตั้งนานแล้ว”
คุณหนูรองหวังกลับรับไม่ได้ “ท่านปู่ ค่อยไปเถอะ ไปวันนี้เร็วเกินไป…”
นางไม่รู้ว่าเร็วเกินไปอย่างไร แต่รู้ดีแก่ใจว่า ในเมืองหลวงมีพี่หญิง แม้พี่หญิงจะไม่อยู่แล้ว แต่ในจวนแห่งนี้ก็มีร่องรอยของพี่หญิงอยู่ทุกที่
หากกลับบ้านเกิดก็จะไม่เหลืออะไรเลย
ท่านปู่หวังสีหน้าจริงจัง “ต้องไปวันนี้! ใครก็ได้ ดูคุณหนูรองให้ดี”
“ท่านปู่…”
ภายใต้การบังคับของครอบครัว คุณหนูรองหวังนั่งรถม้าม่านสีเขียวออกจากเมืองหลวงด้วยดวงตาแดงก่ำ
วันต่อมาหลังจากที่คุณหนูรองหวังออกจากเมือง ผู้ที่ต้องการส่งบุตรสาวออกจากเมืองหลวงไปลี้ภัยชั่วคราวเพราะกังวลว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกลับพบว่าเมื่อมาถึงประตูเมืองแล้วถูกขวางเอาไว้
พวกเขาไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงกลับไปทางเดิมและยิ่งกังวลกับข่าวลือมากขึ้นไปอีก
ข่าวลือแพร่สะพัดไปถึงองค์หญิงฉางเล่อ องค์หญิงเข้าวังขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิหย่งอันทันที