ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 522 ประชาชนลำบาก

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 522 ประชาชนลำบาก

จักรพรรดิหย่งอันในบัดนี้ทรงกำลังหารือกับราชครู

“ฝ่าบาท ผลการทำนายไม่ค่อยดีนัก หากไม่รีบกำจัดดาวปีศาจภายในหนึ่งเดือน บ้านเมืองจะตกอยู่ในอันตราย”

จักรพรรดิหย่งอันได้ยินดังนั้น สีพระพักตร์ก็ย่ำแย่อย่างยิ่ง

ความสามารถของราชครูนั้น พระองค์ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จักรพรรดิหย่งอันก็ทรงถามว่า “ราชครู ท่านคิดว่าดาวปีศาจใช่บุตรสาวของลั่วฉือหรือไม่”

ไท่กวงเจินเหรินส่ายศีรษะเบาๆ “มิอาจคาดเดาดาวปีศาจได้ ยากแก่การเข้าใจยิ่งนัก กระหม่อมทำนายได้เพียงวันเดือนปีเกิดของนาง มิอาจระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใดได้ แต่ว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ บุตรสาวของลั่วฉือมีโอกาสเป็นดาวปีศาจมากที่สุด…”

เมื่อได้ยินคำพูดของไท่กวงเจินเหริน แววพระเนตรของจักรพรรดิหย่งอันก็เยือกเย็นชวนสะพรึง

ลั่วฉือพาทั้งครอบครัวหนีออกจากเมืองหลวง พระองค์ต้องกำจัดทั้งครอบครัวนี้ทิ้ง ย่อมรวมถึงบุตรสาวของเขาด้วย ยอมสังหารผิดดีกว่าปล่อยไป สตรีในเมืองหลวงที่ตรงตามเงื่อนไขล้วนต้องถูกกำจัดทิ้ง พระองค์จึงจะวางพระทัยได้

เพื่อปกป้องบ้านเมืองแล้ว ต้องไม่ให้เหลือภัยพิบัติแอบแฝงไว้

จักรพรรดิหย่งอันทรงพูดคุยกับไท่กวนเจินเหรินเสร็จ ขันทีจึงกล้าเข้ามารายงานว่า “ฝ่าบาท องค์หญิงฉางเล่อขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหย่งอันทรงนวดหว่างพระขนงเบาๆ เผยความรำคาญอย่างไม่รู้ตัวออกมาเล็กน้อย “เชิญเข้ามา”

องค์หญิงฉางเล่อรีบเดินเข้ามา ทันทีที่เห็นจักรพรรดิหย่งอันประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรก็เดินช้าลงตามสัญชาติญาณ

สถานที่ยังคงมีเครื่องเรือนดังเดิมและยังคงเป็นคนที่คุ้ยเคยเช่นเดิม แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดสีหน้าของเสด็จพ่อจึงดูแปลกไปเล็กน้อย

ราวกับว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว

ความคิดที่ผุดขึ้นมากะทันหันนี้ทำให้องค์หญิงฉางเล่อลอบขมวดคิ้ว

นางคิดมากไปเองหรือว่าเสด็จพ่อเริ่มไม่พอใจนางเพราะเรื่องข่าวลือนะ

เสียงของจักรพรรดิหย่งอันดังขึ้น ปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านขององค์หญิงฉางเล่อไปในทันใด “ฉางเล่อมาแล้วหรือ มานั่งข้างพ่อสิ”

พระองค์ทรงยังคงอบอุ่นและใจดี ทำให้องค์หญิงฉางเล่ออดยิ้มให้กับความฟุ้งซ่านเมื่อครู่นี้ไม่ได้

นางคงคิดไปเอง

นางเดินเข้าไปนั่งลงข้างกายจักรพรรดิหย่งอัน เมื่อได้ยินคำถามของจักรพรรดิหย่งอันดวงตาก็แดงก่ำ “เสด็จพ่อ ทรงได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือยังเพคะ”

จักรพรรดิหย่งอันชะงัก “ข่าวลืออันใด”

ดวงตาองค์หญิงฉางเล่อเต็มไปด้วยความโมโห “ประชาชนสารเลวเหล่านั้นบอกว่าจุดประสงค์ที่พระองค์ทรงคัดเลือกนางสนมก็เพื่อเสริมพรให้ลูกมีอายุยืนยาวเลยสังหารสตรีเหล่านั้นเพื่อบูชาเทพเจ้า!”

ข่าวลือนี้จักรพรรดิหย่งอันย่อมได้ยินแล้ว บัดนี้กลับทำทีเหมือนเพิ่งได้ยิน “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”

“เสด็จพ่อ ข่าวลือนี้เหลวไหลจริงๆ ทำเอาลูกต้องแบกชื่อเสียงเสียหายๆ ลูกโมโหจริงๆ นะเพคะ!”

จักรพรรดิหย่งอันปลอบอย่างอ่อนโยน “ข่าวลือข้างนอกไม่นานก็ผ่านพ้นไป โมโหเพราะคำพูดโง่เขลาของสามัญชนนั้นไม่คุ้มค่าหรอก เดี๋ยวพ่อจะกำชับผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินให้เขาจัดการคนแพร่ข่าวให้ดี”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” องค์หญิงฉางเล่อมองสีพระพักตร์ของจักรพรรดิหย่งอันแล้วถามอย่างลังเลว่า “เสด็จพ่อ ทรงคิดว่าเหตุใดจู่ๆ จึงมีข่าวลือเช่นนี้เพคะ”

จักรพรรดิหย่งอันยิ้มหยัน “เหล่าอ๋องก่อกบฏ ผู้คนหวาดวิตก พวกคนชั่วจึงออกมา ฉางเล่อ เจ้ามิต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ พ่อจะจัดการเอง”

เมื่อส่งองค์หญิงฉางเล่อออกไปแล้ว จักรพรรดิหย่งอันก็ทรงพิงพนักบัลลังก์แล้วหลับพระเนตรพักผ่อนสายตา

เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น

“ฝ่าบาท ข่าวด่วนจากแปดร้อยลี้พ่ะย่ะค่ะ!”

จักรพรรดิหย่งอันลืมพระเนตรในทันที พระองค์ทรงรับจดหมายด่วนจากโจวซาน หลังจากเปิดอ่านแล้วสีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

แม่ทัพจูที่ถูกส่งไปปราบกบฏเหอหนานอ๋องเสียชีวิตในสนามรบ สูญเสียทหารกว่าครึ่ง กองทัพพ่ายแพ้ยับเยิน ข้าหลวงเหอหยางยอมจำนนต่อเหอหนานอ๋อง เมืองเหอหยางถูกเหอหนานอ๋องครอบครอง…

จักรพรรดิหย่งอันหลับพระเนตรลง พยายามควบคุมอารมณ์อันท่วมท้นของพระองค์

ผ่านไปหลายปีแล้ว พระองค์คิดว่าทรงฝึกตนให้หนักแน่นดั่งภูเขาไท่ซานได้แล้ว แต่สถานการณ์ที่วุ่นวายช่วงนี้ ข่าวร้ายที่ตามกันมาติดๆ กลับทำให้พระองค์ทรงยากที่จะสงบได้อีก

ราชครูพูดถูก หากไม่รีบกำจัดดาวปีศาจ สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ บ้านเมืองของตระกูลเว่ยจะตกอยู่ในอันตราย

“เรียกหลี่จิ้งเข้าวัง”

หลี่จิ้งคือผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่ที่มารับตำแหน่งต่อจากแม่ทัพใหญ่ลั่ว

ไม่นานชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็รีบเข้าวังมา “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

“หลี่จิ้ง นับจากนี้ไปเจ้านำคนไปค้นตามบ้านทีละหลัง สตรีคนใดก็ตามที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉิน จงไปจับมาให้หมด”

หลี่จิ้งได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง

คำว่าจับตัว เขาย่อมเข้าใจ

“ฝ่าบาท ไม่จำกัดเรื่องเวลาเกิดแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหย่งอันน้ำเสียงราบเรียบ “กรมครัวเรือนไฟไหม้ ทะเบียนราษฎรถูกเผาหมดแล้ว บัดนี้มีข่าวลือในหมู่ประชาชนเช่นนั้น หากครอบครัวที่มีบุตรสาวที่เกิดในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินไม่ยอมรับว่าเกิดยามเหม่าแล้วจะทำอะไรได้”

หลี่จิ้งชะงักไปกับคำถาม

จักรพรรดิหย่งอันสุรเสียงเคร่งขรึม “เวลาปิดบังได้ แต่วันเดือนปีเกิดนั้นปิดบังได้ยาก คนเราต้องฉลองวันเกิด แม้คนในครอบครัวไม่พูด ญาติหรือคนบ้านใกล้เรือนเคียงก็ต้องรู้ หลี่จิ้ง นี่เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าต้องละเอียดรอบคอบ หากพลาดใครไปสักคน…”

คำพูดที่เหลือจักรพรรดิหย่งอันไม่ได้ตรัส แต่หลี่จิ้งกลับรู้สึกขนหัวลุก

“ฝ่าบาททรงวางพระทัย กระหม่อมจะไม่พลาดไปสักคนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

จักรพรรดิหย่งอันพยักพระพักตร์เบาๆ สีพระพักตร์สงบลงเล็กน้อย

ดาบใหม่ย่อมคมกว่าเสมอ ใช้นานเกินไปย่อมทื่อ

หลี่จิ้งคิดถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงขอคำชี้แนะว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือในบัดนี้ยังไม่ซา หากว่า…”

เขายังไม่ทันพูดจบ จักรพรรดิหย่งอันก็ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ต้องสนใจข่าวลือ ธุระสำคัญกว่า”

หลี่จิ้งขานรับแล้วจึงออกไป

จักรพรรดิหย่งอันทรงจ้องประตูด้วยสายพระเนตรลุ่มลึก

เดิมทีคิดว่าจะหาตัวสตรีในเมืองหลวงที่ตรงตามเงื่อนไขแล้วกำจัดไปเงียบๆ ทว่าทะเบียนราษฎรกลับถูกเผา เมื่อใช้วิธีคัดเลือกนางสนมแทนกลับเกิดข่าวลือเช่นนี้

ตอนนี้ทำได้เพียงใช้ไม้แข็ง จะว่าไปแล้วการใช้ข่าวลือปิดบังเหตุผลที่แท้จริงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

หากกระตุ้นความโกรธแค้นของประชาชน…จักรพรรดิหย่งอันทรงคิดถึงองค์หญิงฉางเล่อ สายพระเนตรไร้ความอ่อนโยนแม้แต่น้อย

จู่ๆ ประชาชนในเมืองหลวงก็พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เดินลาดตระเวนมีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม การตรวจนอกประตูเมืองก็เข้มงวดขึ้น ถึงขั้นที่ตราบใดที่เห็นสตรีที่มีอายุเพียงสิบกว่าปีก็จะถูกขวางไว้ทันที

องครักษ์จิ่นหลินเริ่มค้นตามบ้าน หากรู้ข้อมูลของบุตรสาวครอบครัวไหนแล้วก็จะนำตัวไปทันที หากไม่รู้ก็จะเริ่มถามจากเพื่อนบ้าน

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการบังคับหรือหลอกล่อก็เริ่มสืบพบสตรีจำนวนไม่น้อยที่หลบหนีออกไปได้

ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนในเมืองหลวงล้วนตกอยู่ในอันตรายและความมืดมน ผู้คนนับไม่ถ้วนแอบสาปแช่งองค์หญิงฉางเล่อ

“ใต้เท้า ตรวจพบสตรีที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินอีกคนหนึ่งในบริเวณถนนชิงหลิ่วเมืองบูรพาทิศขอรับ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องรายงาน หลี่จิ้งก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “ก่อนหน้านั้นเคยตรวจค้นบริเวณนั้นแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังมีสตรีที่ตรงตามเงื่อนไขอีก”

“เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ ครอบครัวนั้นเป็นคนอัธยาศัยดี สนิทสนมกับเพื่อนบ้านรอบๆ ผู้ที่รู้จึงช่วยกันปกปิดให้ครอบครัวเขา…”

“บัดซบ!” หลี่จิ้งบันดาลโทสะ ตบโต๊ะเสียงดัง

ฝ่าบาททรงย้ำแล้ว หากพลาดไปหนึ่งคน เขามีจุดจบไม่ดีแน่

หลี่จิ้งสั่ง “จับตัวครอบครัวที่ช่วยปิดบังความจริงไปขังคุกสักสองสามวัน ฆ่าหนึ่งเพื่อเตือนร้อย!”

“ขอรับ!”

“แล้วก็ไปตรวจค้นใหม่ให้ข้า จับตัวสตรีอายุสิบเจ็ดในเมืองหลวงไปให้หมด ห้ามพลาดแม้แต่คนเดียว”

วันและเดือนเกิดง่ายต่อการปกปิด แต่ปีเกิดย่อมปิดบังไม่ได้ เช่นนั้นก็จับสตรีอายุสิบเจ็ดทั้งหมดเลยก็แล้วกัน

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท