บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1429 โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1429 โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ

ทันใดนั้น ประกาศิตของภพเซียนที่เขาตั้งความหวังไว้มากก็ถูกทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ

เป็นไปได้อย่างไรกัน!? ประกาศิตนี้เป็นตัวแทนของเต๋าสวรรค์แห่งภพเซียน ไม่ว่าเฉินซีจะแข็งแกร่งสักเพียงใด มันจะต่อกรกับเต๋าแห่งสวรรค์ได้อย่างไร?

ปิงซื่อเทียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งมึนงงและสับสน และไม่กล้าเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้า เพราะมันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา ทว่ายังไม่ได้แสดงอิทธิ์ฤทธิ์ใด ๆ มันก็ถูกบดขยี้จนเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเชื่อ

เขาไม่รู้ว่าเฉินซีนั้นครอบครองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ถึงขั้นกล้าปะทะกับเนตรทัณฑ์สวรรค์โดยตรง แล้วประกาศิตของภพเซียนจะนับเป็นอะไรได้

บัดซบ!

ช่างบัดซบเสียจริง!

ใบหน้าของปิงซื่อเทียนบิดเบี้ยว และดูเหมือนจะโกรธจนขาดสติ ทันใดนั้น เขากระโดดขึ้นไป มือสะบัดไขว้กันเพื่อสร้างผนึกที่ซับซ้อน กระแสพลังที่สั่นสะเทือนฟ้าดินก่อตัวอยู่ในฝ่ามือ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่าไอ้สารเลวอย่างเจ้าไม่ได้!”

ท่ามกลางเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด กระแสพลังบ้าคลั่งก็ไหลเวียนอยู่รอบกาย พลังเหล่านี้ก่อตัวเป็นฉากภัยพิบัติมากมาย เช่น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ร่วงหล่น ผืนฟ้าแผ่นดินพังทลาย กระแสพลังที่ทำลายล้างปฐพี… มันช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ทว่าทั้งหมดนี้ มันหลอมรวมเข้ากับกระบี่อมตะในมืออย่างสมบูรณ์ บังเกิดเป็นกลิ่นอายทำลายล้างที่ไร้ขอบเขต ทำให้เขาดูเหมือนเทพอสูรที่ควบคุมการลงทัณฑ์และการตัดสิน แผ่พลังกดดันอย่างไร้ขอบเขต ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนและคร่ำครวญ ก่อนที่จะแตกสลายลงทีละนิด ทั้งยังทำให้เกิดรอยแยกและหลุมดำขนาดใหญ่ในอวกาศ

ตู้ม!

ฟ้าดินของที่นี่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นิมิตของภัยพิบัติกำลังลงมา คล้ายหมายทำลายโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้

นี่คือเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของนิกายอำนาจเทวะ พลังแห่งภัยพิบัติ มันอำมหิตและไร้อารมณ์ เพียงพอที่จะทะลุผ่านยุคสมัย และทำให้โลกแตกสลาย!

ยิ่งไปกว่านั้น ปิงซื่อเทียนได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ และเขาตั้งใจที่จะแลกชีวิตกับเฉินซี

“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ขีดจำกัดของตนเอง ข้าจะทำให้รู้ว่าระยะห่างระหว่างเรานั้นไกลเพียงใด!”

เฉินซีไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ร่างสูงใหญ่ยืนหยัดอย่างมั่นคง ในขณะที่กระบี่เต๋าวิบัติในมือส่งเสียงคำรามอย่างชัดเจน และทันใดนั้น มันก็เปล่งแสงสีเลือดที่พร่างพราวของเจตจำนงกระบี่

อำนาจกระบี่เบญจธาตุ

อำนาจกระบี่หยินและหยาง

อำนาจกระบี่ซากดารา

ภายใต้การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสมบูรณ์ สุดยอดเคล็ดอำนาจต่าง ๆ ของยันต์เทวะอนันต์ก็สำแดงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่ในทันที!

ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!

ปราณกระบี่มากมายมหาศาลได้ปกคลุมทุกหนทุกแห่งราวพายุที่กระโชกแรง ซึ่งปราณกระบี่เหล่านี้ก็เปี่ยมด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขาม มีความลึกล้ำของตัวเอง พวกมันส่งเสียงคำรามผ่านฟ้าดิน ฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตาดังกล่าวทำให้ผู้คนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตกตะลึง และไม่กล้าจินตนาการเลยว่า เต๋าแห่งกระบี่ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะมีอยู่จริงในโลก

โดยเฉพาะเมื่อทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระบี่เต๋าวิบัติ แล้วพลังยับยั้งที่เกิดจากมันจะน่ากลัวถึงเพียงใด?

ในขณะนี้ ไม่มีใครที่สามารถอธิบายถึงพลังทำลายล้างที่เกิดจากกระบวนท่าของเฉินซีได้

การโจมตีอย่างสิ้นหวังของปิงซื่อเทียน กำลังถูกบดขยี้อย่างช้า ๆ จนไหลย้อนกลับ และกลายเป็นมวลพลังผันผวนที่วุ่นวาย

ปราณกระบี่ของเฉินซีไม่ได้ปะทะเข้ากับร่างกายของคู่ต่อสู้โดยตรง แต่พลังของมันได้ทำลายกระบี่อมตะ และแผดเผาเสื้อผ้าของอีกฝ่าย

“เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้…” ในที่สุดปิงซื่อเทียนก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เกิดรอยแผลบนร่างกายมากมาย เลือดไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด และตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่ง

ผมและคิ้วถูกเผาจนโกร๋น ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด เขาสูญเสียความหยิ่งยโสและความอหังการไปอย่างสิ้นเชิง

“สะบั้น!” ทันใดนั้น เฉินซีก็โจมตีอย่างเต็มกำลัง!

ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายการโจมตีครั้งนี้ได้ และไม่มีไพ่ตายใด ๆ ที่สามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้เช่นกัน ร่างกายของปิงซื่อเทียนถูกฟันเป็นชิ้น ๆ!

เพียงกระบวนท่าเดียว!

ปิงซื่อเทียน อัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ครอบครองประกาศิตของภพเซียน และเป็นศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ ได้ถูกสังหารแล้ว!

แม้ว่าผู้ที่รับกระบวนท่าที่ทรงพลังนี้จะเป็นเซียนทองคำที่แท้จริง แต่ก็ยังพบว่ามันยากที่จะต้านทาน แน่นอนว่านี่เป็นพลังที่เฉินซีสำแดงในภพมนุษย์ และหากอยู่ในภพเซียน แม้แต่เซียนปราชญ์ก็ต้องพินาศอย่างแน่นอน

เวินหัวถิงและสมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตะลึงงัน

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่เฉินซีจะปรากฏตัว พวกเขาตระหนักอย่างลึกซึ้ง ว่าปิงซื่อเทียนนั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่สามอาวุโสอย่างเติ้งเฉิน เฟิงถิงและเฟยหลิง ก็ไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายเกือบทำลายล้างนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้สำเร็จ

ทว่าบัดนี้ ร่างดังกล่าวกลับถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย!

เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองสิ่งนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักได้อย่างแน่ชัด ว่าพลังต่อสู้ที่เฉินซีครอบครองอยู่ ได้มาถึงจุดสูงสุดที่น่าสะพรึงอย่างเหลือเชื่อแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะได้สติจากอาการตกใจ เสียงร้องโหยหวนสุดขีดก็ดังก้องขึ้นในทันใด “เฉินซี เจ้าคิดว่าชนะแล้วหรือ? ช่างเพ้อฝัน! วัฏจักรของการกลับชาติมาเกิดไม่มีอยู่จริง แล้วใครจะทำอะไรข้าได้? โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ จงสร้างร่างขึ้นมาใหม่!”

ปิงซื่อเทียนที่ถูกฟันเป็นชิ้น ๆ ได้กลายร่างเป็นแสงสีดำที่เปล่งประกายอย่างไร้ที่เปรียบอยู่ในขณะนี้ จากนั้นก็รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง และกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

ฉากนี้น่าตกใจยิ่งกว่าความสามารถของเคล็ดขัดเกลากายาเทพอสูร!

เมื่อครู่การโจมตีของเฉินซีได้ฟันปิงซื่อเทียนเป็นชิ้น ๆ ทุกคนเห็นว่าร่างกายของอีกฝ่ายถูกทำลายกับตาของตัวเอง แม้แต่ดวงวิญญาณก็กระจัดกระจาย ทว่า ณ เวลานี้ เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“บัดซบ! มันไม่ใช่ผู้ขัดเกลากายา แล้วเหตุใดมันถึงกลับมาชีวิตได้?”

“ภายใต้การโจมตีของผู้อาวุโสเฉินซี แม้เป็นผู้ขัดเกลากายาก็ยังต้องตาย ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นเพราะโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติอย่างแน่นอน”

“เราควรทำอย่างไรดี? หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีทางที่จะฆ่ามันได้!”

เมื่อเห็นฉากการฟื้นคืนชีพของปิงซื่อเทียน ผู้คนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองรู้สึกประหลาดใจและสับสน

โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ? มันเป็นโอสถชนิดใด? หรือว่าเหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ สามารถใช้โอสถนี้เพื่อคืนชีพตัวเองได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังของวัฏจักรการกลับชาติมาเกิด และไม่มีทางที่จะทำลายล้างพวกมันได้… เฉินซีตกตะลึงและขมวดคิ้วอย่างไม่รู้จบ หากโอสถนี้เป็นไปตามที่เขาคาดเดาจริง ๆ แสดงว่าฤทธิ์ของมันก็ท้าทายสวรรค์อย่างยิ่ง

ครืน!

การฟื้นคืนชีพ ทำให้กลิ่นอายของปิงซื่อเทียนน่ากลัวยิ่งขึ้น กลิ่นอายแห่งภัยพิบิตที่อาบย้อมไปทั้งร่างพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ประหนึ่งเจ้าเหนือหัวที่ไร้ผู้เปรียบซึ่งมองลงมายังโลก

ในเวลานี้ แววตาที่มองเฉินซีก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ความโหดเหี้ยม ความกระหายเลือด และความขุ่นเคือง

“ภัยพิบัติทะยานสู่สวรรค์ เคล็ดวิชาระงับอารมณ์ เต๋าทั้งหมดจงคำนับต่อความมืด!” ทันใดนั้น เขากู่ร้องยาว ก่อนจะฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง พลังทำลายครั้งนี้ช่างน่าสะพรึงกลัว คล้ายเต๋าทั้งหมดในโลกจะยอมจำนนจริง ๆ

กระบวนท่านี้น่าเกรงขามอย่างยิ่ง แม้แต่มหาเต๋าแห่งฟ้าดินยังต้องหลีกเลี่ยง ราวกับมันครอบครองพลังที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้

สายตาของเฉินซีทวีความเย็นชา และเพียงกล่าวว่า “ดูเหมือนนิกายอำนาจเทวะได้เตรียมมาตรการช่วยชีวิตไว้ให้เจ้ามากมาย หากเจ้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถทำลายล้างเจ้าได้ แสดงว่าเจ้าไร้เดียงสาเกินไป!”

สิ้นคำกล่าว เฉินซีก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ในมือ และปะทะกับปิงซื่อเทียนทันที

ตู้ม!

เฉินซีเป็นเหมือนเทพแห่งกระบี่ เจตจำนงกระบี่พวยพุ่ง ในขณะที่สายลมและมวลเมฆหมุนวนรอบกาย ภาพมังกรและมัจฉาเวียนว่าย ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต

แม้กลิ่นอายของปิงซื่อเทียนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ถูกสยบอีกครั้ง คล้ายสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก ไม่สามารถต้านทานเฉินซีได้

“เจ้าสามารถกินโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติได้ตามต้องการ แต่ความตายจะเป็นจุดหมายสุดท้ายของเจ้า” เฉินซีก้าวยาว ๆ ไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่พลังกดดัน เขาเคลื่อนไหวไปตามฝีเท้าที่ลึกล้ำ ทั้งร่างเปี่ยมด้วยเจตจำนงกระบี่อันเป็นนิรันดร์ เจตจำนงกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนหมุนวนและวูบวาบไปตามร่างกาย และโจมตีปิงซื่อเทียนอีกครั้ง

โครม!

ปิงซื่อเทียนไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ ร่างกายถูกฟันจนกลายเป็นก้อนเนื้ออีกครั้ง เหลือเพียงศีรษะที่ยังคงลอยอยู่ และดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังคู่หนึ่ง มันจ้องเขม็งไปทางเฉินซีอย่างแน่วแน่ ในขณะที่ท่วมท้นด้วยเปลวไฟแห่งความเกลียดชังไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การต่อสู้ครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า พลิกผันไปมาไม่รู้จบ และอันตรายอย่างยิ่ง นอกจากนั้น ความสามารถของทั้งคู่เกินขอบเขตของภพมนุษย์ และเกินจินตนาการของพวกเขาเช่นกัน

เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเคล็ดวิชาเซียนจากภพเซียน และไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะจากภพมนุษย์จะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิง!

เห็นได้ชัดว่าเฉินซีเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการต่อสู้ครั้งนี้

ชายหนุ่มเหยียดมือออก แล้วคว้าหัวของปิงซื่อเทียนไว้ หลังจากที่ตรวจสอบอย่างระมัดระวังก็สังเกตเห็นว่า แม้ศีรษะของปิงซื่อเทียนจะถูกตัดขาด และวิญญาณแตกสลาย แต่ก็มีพลังงานแปลกประหลาดที่กำลังซ่อมแซมและควบแน่นจิตวิญญาณและร่างกายของอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพลังของโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ

น่าเสียดายที่เฉินซีไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด ว่ามันเป็นสรรพคุณประเภทใด เนื่องจากพลังงานแปลก ๆ นั้นคลุมเครือและเกินความเข้าใจของเขามาก มันดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่สามารถดำรงอยู่ในสามภพได้

“เฉินซี เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! ไม่ใช่แค่นั้น แม้วันนี้เจ้าจะรอดไปได้ แต่ก็จะถูกนิกายอำนาจเทวะตามล่าแน่ และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าจะต้องตาย!” ศีรษะของปิงซื่อเทียนคำรามเสียงดังอย่างดุร้าย

“นิกายอำนาจเทวะ?” รอยยิ้มเย็นยะเยือกผุดขึ้นที่ริมฝีปาก “นี่เจ้ายังคิดจะขู่ข้า ทั้งที่เจ้ากำลังจะตายน่ะหรือ? ไม่ต้องกังวล วันที่ข้าจะบดขยี้นิกายอำนาจเทวะและทำลายมรดกของมันจะมาถึงในไม่ช้า!”

โครม!

สิ้นคำ เขาก็ถ่ายพลังใส่ฝ่ามือและบดขยี้หัวของปิงซื่อเทียนให้เป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้นก็สร้างผนึกที่คลุมเครือ แล้วผนึกความคิด เคล็ดวิชา ดวงวิญญาณของปิงซื่อเทียนไว้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นจึงเปลี่ยนมันให้เป็นลูกทรงกลมสีทองขนาดใหญ่

ถึงอย่างนั้น เสียงของปิงซื่อเทียนก็ยังคงดังออกมาจากภายในลูกทรงกลมสีทอง และดูไม่พอใจอย่างมาก “เฉินซี ฝากเอาไว้ก่อน! ฝากเอาไว้ก่อน!!!”

“ข้าจะรอวันที่ข้าบดขยี้นิกายอำนาจเทวะเท่านั้น ไม่ใช่คำขู่ของเจ้า ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเราจะต้องสิ้นสุดลงในวันนี้!” กระแสพลังของเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบที่มองไม่เห็นได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือ และเจาะเข้าไปในลูกทรงกลมสีทอง

ตู้ม!

ทันใดนั้น ลูกทรงกลมสีทองก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ รวมถึงพลังชีวิตภายในนั้นก็ถูกทำลายลง!

ปิงซื่อเทียน!

อัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเย้ยฟ้าท้าดินมาหลายปี ทั้งยังเป็นอัฉจริยะรุ่นใหม่ที่ไม่ธรรมดาของแดนภวังค์ทมิฬ ผู้เข้าสู่นิกายอำนาจเทวะอย่างเด็ดเดี่ยว กลายเป็นศิษย์บริวารเต๋าเพื่อแสวงหาทางแก้แค้น กลับถูกเฉินซีสังหารในขณะนี้!

ความเป็นปฏิปักษ์ ความเกลียดชัง และกรรมระหว่างเขา เฉินซีและชิงซิ่วอี้ในอดีต ได้สิ้นสุดลงแล้ว ในโลกนี้จะไม่มีปิงซื่อเทียนอีกต่อไป!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท