หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 60 คืนเข้าห้องหอ

บทที่ 60 คืนเข้าห้องหอ

บทที่ 60 คืนเข้าห้องหอ

“เฮอะๆ แม่นางพูดเรื่องตลกแล้ว” เซียวจิ่นหยูหัวเราะนิ่ง

“ข้าไม่ได้พูดตลก พวกเจ้าก็ลงมือซะสิ ไม่ต้องเกรงใจ พวกข้าไปก่อนหล่ะ” พูดจบก็ดึงโหลวเย่วเดินออกไป

พูดเล่นอะไร

พวกเขาเป็นถึงองค์ชายสามในเจ็ดคนของเมืองหลวง และเย่แจ๋หยิ่งก็เป็นหัวหน้าขององค์ชายทั้งเจ็ด พวกเขาต้องรู้จักกันแน่อยู่แล้ว หากพวกเขารู้ว่านางคือหลานเยาเยา ต่อไปไปฟ้องเย่แจ๋หยิ่งเข้าละก็ นางคงรับผลที่จะตามมาไม่ได้แน่

อย่างไรหนีเอาตัวรอดก็เป็นแผนที่ดีที่สุด!

เมื่อเห็นหลานเยาเยาลับสายตาไป องค์ชายอีกสองคนที่เพิ่งได้สติกลับมาก็อดสงสัยถามขึ้นไม่ได้

“แม่นางเมื่อครู่ไม่ใช่ที่คราวก่อน ทำประมูลอยู่หน้าประตูที่ร้านประมูลเสินตูหรือ?นางทำไมถึงแข็งแรงขนาดนี้?”

“เพียงแต่บนตัวนางนอกจากเสื้อนอกตัวนั้นแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นอาภรณ์งานแต่งงานทั้งสิ้น แม้กระทั่งรองเท้าสีแดงปักดิ้นทองนั่นก็ใช่ คงไม่ใช่เจ้าสาวที่หนีงานแต่งออกมากระมัง!”

เมื่อได้ยินข้อสงสัยจากทั้งสองคน เซียวจิ่นหยูเพียงยิ้มมุมปากขึ้น

“ข้าเหมือนจะรู้แล้วว่านางคือใคร” เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่อยู่ในใจ รอยยิ้มของเขายิ่งลึกขึ้น “ไป รีบไปแสดงความยินดีกับเย่อ๋อง”

เหอะ!

หากเย่อ๋องรู้ว่าในงานวันแต่ง พระชายากลับไม่อยู่ในจวน แต่กลับอยู่บนถนนในตรอกและทำร้ายคนอยู่ เขาจะทำหน้าอย่างไรกัน?

เมื่อออกมาจากตรอกแล้ว หลานเยาเยารีบพาโหลวเย่ววิ่งไปยังร้านเหล้าชั้นสูงหลบภัยอันตราย และยังสั่งอาหารแสนอร่อยมาเต็มโต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มลงมือกิน

ทันใดนั้น หลานเยาเยาก็พบว่ามีอะไรผิดแปลกไป

“โหลวเย่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”

เมื่อออกมาจากตรอกนั้น นางก็ดูซึมเซาไม่สดใสนัก

“หมดกัน หมดกัน เซียวซื่อจื่อเห็นข้าในมุมอันป่าเถื่อน ต่อจากข้าจะพบหน้าเขาอย่างไร?” โหลวเย่วมีความเขินอายไม่กล้าพบผู้อื่น

นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งประเทศก่วงส้า เปิดเผยด้านที่ป่าเถือนออกมา หากแพร่งพรายออกไป นางก็คงจบกันคราวนี้

“จะกลัวอะไร?เจ้าปิดบังร่างกายแน่หน้าขนาดนี้ ต่างก็ไม่มีใครดูออกว่าเจ้าเป็นใคร?

ต่อไปรอเพียงเจ้าหายป่วยแล้ว ถอดหมวกที่คลุมอยู่ทิ้งไป เจ้าก็ยังคงเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์อยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเคยทำร้ายใครในตรอกมาก่อน”

กล่าวถึงตอนนี้ หลานเยาเยาเขยิบเข้าใกล้โหลวเย่ว สายตาอันเฉียบคมจดจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตานาง

“จะว่าไปแล้วทำไมเจ้าถึงใส่ใจเซียวซื่อจื่อนัก?”

เมื่อถูกประกายตาอันแจ่มจ้าของหลานเยาเยามองอย่างทะลุปรุโปร่ง ใบหน้าของโหลวเย่วก็แดงขึ้นทันที จากนั้นก็ก้มหน้างุดเริ่มกินอาหารอย่างเงียบๆ

ใครจะรู้!

หลานเยาเยาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น ดูราวกับว่านางเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างเป็นอย่างดี

“เจ้าต้องเคยผูกพันอะไรกับเขา ดังนั้นจึงเกรงว่าเขาจะจำได้ และจะโดนทำลายชื่อเสียงองค์หญิงของเจ้าใช่หรือไม่?”

เมื่อฟังคำพูดของนาง โหลวเย่วเบิกตากว้างขึ้น รีบพยักหน้าแล้วลอบถอนหายใจกับตัวเอง

ดีที่เยาเยาคาดคะเนผิดไป นั่นเป็นความลับของนางเลยทีเดียว

จากนั้นทั้งสองต่างก็กินไปพูดไป เมื่อพูดคุยสนุกสนานพวกนางก็จิบชา จิบช้าแล้วพวกนางก็ดื่มเหล้าเล็กน้อย

ฟ้ามืดลงอย่างไม่รู้ตัว ทั้งสองคนต่างมึนเหล้าเล็กน้อย จึงกลับจวนอ๋องเย่อย่างไม่เต็มใจนัก

ครั้งนี้พวกนางก็กลับเข้ามาทางประตูหลังเช่นเดิม เพียงก้าวเข้ามาหลานเยาเยาก็พบความผิดปกติบางอย่าง

กลิ่นเลือดบ้างมีบ้างไม่มีลอยเข้ามาเตะจมูก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น

เป็นดั่งที่นางคาดไว้ จวนเย่อ๋องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

องค์รักษที่หลบซ่อนในมุมมืดทั้งสี่คนต่างไม่อยู่แล้ว

โชคยังดีที่เมื่อกลางวันนางลากองค์หญิงจาวหยางออกมาด้วย ไม่อย่างนั้น หากมีคนรอบซุ่มทำร้าย นางก็คงหนีรอดไปไม่ได้

ดังนั้นจึงรีบพาองค์หญิงจาวหยางกลับไปยังลานน่อนซิน ตัวนางเองรีบกลับไปยังห้องหอลานซวนซี ภายในห้องนั้นเงียบผิดปกติ

ก่อนนางออกมาจากห้อง นางได้วางผงสีขาวไว้บนพื้นใต้ประตู ตอนนี้ผงแป้งนั้นกลับคงรูปเดิมไม่เปลี่ยนแปร กล่าวได้ว่าหลังจากที่นางออกไปแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าห้องนางอีก

ในขณะที่นางกำลังวางใจคลายความกังวลอยู่นั้น…

นางกลับได้กลิ่นคาวเลือดที่เดี๋ยวมีเดี๋ยวหาย

เสียง “เอี๊ยด” ดังขึ้น หลานเยาเยาเปิดประตูออกไป ภายนอกประตูสาวใช้ทั้งสี่ต่างนอนฟุบอยู่บนพื้น แต่ทั่วทั้งห้องต่างไม่มีร่องรอยเลือดแต่อย่างใด

เมื่อเดินตรวจสอบต่อไป พบว่าพวกนางต่างเพียงแค่สลบไป นางจึงเดินตรงไปยังห้องโถงด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นเป็นเวลามืดแล้ว ลมพัดผ้าแพรสีแดงบริเวณทางเดินเอื่อยๆ ยิ่งเพิ่มความเงียบเหงาวังเวงให้กับคืนที่แปลกประหลาดและเย็นเยียบ นางเดินจนมาถึงห้องโถงด้านหน้า

ร่องรอยของเลือดไหลเป็นทางปรากฏเบื้องหน้านาง ทำให้คิ้วขมวดขึ้นมาโดยพลัน พลางเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า

“ฟึบ ฟับ ฟึบ ฟับ” เสียงอาวุธฟาดฟันกันดังขึ้นจากไม่มีเป็นมี จากเบาเป็นดังกึกก้อง

เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า นางกลับไม่ได้รับร้อนจะเข้าไปดูสถานการณ์ แต่กลับหลบอยู่ใต้เงามืดไร้ซุ่มเสียง พลางสังเกตการณ์เหตุการณ์ตรงหน้า

ในห้องโถงด้านหน้า องครักษ์ลับทั้งหลายต่างแต่งชุดเต็มยศ ในเวลานั้นต่างกำลังต่อสู้กับชายชุดดำที่คลุมหน้าอยู่ บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ มีหยดเลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ แต่ส่วนมากกลับเป็นซากศพของชายชุดดำ

อย่างไรก็ตาม!

ดูจากสภาพการณ์แล้ว คล้ายกลับกลุ่มชายชุดดำกำลังถูกล้อมไว้แล้ว

เมื่อนางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของสตรีวัยกลางคนสองคนด้านข้าง ถึงกับต้องเบิกตาโพลง

นั่นไม่ใช่แม่นมสองคนที่หลานเฉินมู๋จัดการให้นางหรอกหรือ?

ดูจากสภาพน่าจะสิ้นจไปแล้ว แต่ในมือของนางยังถือดาบไว้ ดูไปแล้วคล้ายจะเป็นพวกเดียวกับชายชุดดำ

ไม่ได้การหล่ะ นางในตอนนี้ไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นหากมีคนมาพบเข้า นางก็คงจะถอนตัวยากแล้ว

ดังนั้น!

หลานเยาเยารีบกลับไปที่ลานซวนซี พลางนอนอยู่บนเตียง ทำราวกับไม่เห็นไม่รับรู้อะไรเลยอย่างไรอย่างนั้น

ไม่รู้แน่ว่าผ่านไปนานเท่าใด

“นายท่าน พวกนางทั้งสี่หมดสติไปแล้ว ไม่รู้ว่าพระชายาจะเป็นอะไรหรือไม่”

เสียงอันเร่งร้อนของจื่อซีดังเข้ามาจากด้านนอก

และก็มีเสียงอันทรงพลังน่าดึงดูดตอบรับเรียบๆ “อืม” และไม่มีคำพูดอื่นใด

จากนั้นก็มีเสียงดัง “สวบ สาบ สวบ สาบ” ดังเข้ามา จากนั้น

ก็ไม่มีเสียงใดเข้ามาอีก

หลานเยาเยาลอบถอนหายใจกับตัวเอง

จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียง นางนั่งเงียบๆ ครู่หนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนออกไปหมดแล้ว

จากนั้นนางก็รีบย่องมายังประตูด้านหน้า แล้วจึงเปิดรูเล็กๆ มองลอดออกไป

จากรูที่มองลอดออกไปนางก็ได้เบิกตากว้างขึ้น คนผู้หนึ่งใส่อาภรณ์สีแดงยืนอยู่เบื้องหน้าประตูนี้ จากมุมสายตาของนางมองเห็นเพียงเอวของเขาเท่านั้น ด้วยความสงสัยนางจึงปรับมุมสายตาเงยขึ้นไปมอง

ทันใดนั้นก็ประสานสายตากับสายตาอันนิ่งลึก และสายตาเย็นชานั้นก็กำลังมองมาที่นางเช่นกัน

หลานเยาเยาเย็นวาปไปทั้งสันหลัง นางยังไม่ทันจะล็อคประตู ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกแล้ว

“แม่นมที่มาพร้อมเกี้ยวนำชายชุดดำจากภายนอกเข้ามาเพื่อลอบทำร้ายข้า เจ้าไม่คิดจะอธิบายเรื่องนี้สักหน่อยหรือ?”

เมื่อเสียงดังขึ้น เย่แจ๋หยิ่งที่แต่งอาภรณ์มงคลสีแดงก็เดินเข้ามาแล้ว เมื่อเขาเข้ามาแล้ว ก็ย่างสุขุมเข้ามาประชิดตัวนาง

ทันใดนั้น!

ประตูห้อง “ปัง”ปิดลง หลานเยาเยาสะดุ้งตกใจ พลางรีบเอ่ยขึ้น

“ข้าขอสาบานว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ตัดสัมพันธ์บิดาบุตรธิดากับหลานเฉินมู๋แล้ว”

ในวันนั้น เขาก็คงเห็นแล้ว

แต่แม้ว่านางจะอธิบายออกไป แต่ดูราวกับเย่แจ๋หยิ่งก็ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยนางไป ยังคงเดินย่างเข้าใกล้นางขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบีบนางจนชนเข้าขอบเตียง แล้วเขาก็ยื่นมือออกมา…

จบกัน จบกัน

เย่แจ๋หยิ่งดูราวจะไม่เชื่อถือนาง ดูราวกับจะลงมือกับนางแล้ว

ใครจะรู้!

“ข้าบาดเจ็บแล้ว!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท