ตอนที่ 288 แผนการแทรกซึม
หัวหน้าหกมีความผูกพันกับค่ายเมฆาดำ
ไม่ว่าคนบนโลกนี้มองพวกเขาที่เป็นโจรภูเขาอย่างไร พี่น้องเขาที่กินดื่มกันมา ตอนออกปล้นก็หลั่งเหงื่อเสียเลือดเนื้อ ยามว่างก็ปลูกผักกินบนเขา ค่ายเมฆาดำก็คือบ้านหลังที่สองของเขา
ไม่นับพวกหัวหน้าใหญ่ที่เพิ่งมา ในค่ายยังมีพี่น้องอีกสองร้อยกว่า!
ค่ายเมฆาดำมีชัยภูมิป้องกันง่ายโจมตียากเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานกำลังทหารนับพัน ถึงตอนนั้นพี่น้องสองร้อยกว่าคงจบสิ้นแล้ว
หัวหน้าหกตกใจจนสีหน้าซีดเผือด
สีหน้าเจ้าแปดเองก็ไม่ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ยามพูดจายังคงมีเสียงสะอื้นไห้ “คุณชายซิน เช่นนั้นท่านว่าทำอย่างไรดี”
หัวหน้าหกเหลือบมองเจ้าแปดทีหนึ่ง
เจ้าเด็กนี่สมองมีปัญหากระมัง คุณชายซินไม่ใช่คนที่จะยกกำลังไปปราบค่ายเมฆาดำหรือ
“มีหนทางหนึ่ง” ซินโย่วหยุดเอ่ย
เจ้าแปดแววตาเปล่งประกาย “หนทางใด”
ซินโย่วจ้องมองหัวหน้าหก เอ่ยทีละคำว่า “หัวหน้าหก พี่น้องสองร้อยเดิมของเจ้าจะรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
“ขึ้นกับข้า?” หัวหน้าหกถามสีหน้างุนงง
“ใช่ ต้องดูว่าเจ้าทำเช่นไร”
หัวหน้าหกอดนั่งตัวตรงขึ้นมาไม่ได้ จ้องมองซินโย่วเขม็ง รอให้นางเอ่ยต่อ
“สำหรับทหารกบฏ ราชสำนักจะต้องปราบอย่างแน่นอน โดยไม่คิดว่าจะต้องสูญเสียสักเท่าใด”
หัวหน้าหกกับเจ้าแปดอดพยักหน้าพร้อมกันไม่ได้
ได้ยินว่าฮ่องเต้สูงเก้าฉื่อ พละกำลังดังวัว ยามรบร้ายกาจมากเป็นพิเศษ มีคนคิดล้มแผ่นดินของพระองค์ ย่อมไม่ยินยอมอดกลั้น
“ทหารกบฏพวกนี้มาอยู่ปะปนกับคนค่ายเมฆาดำเดิม พอทหารราชสำนักมาปราบแล้วจะปฏิบัติแตกต่างกันหรือ”
หัวหน้าหกกับเจ้าแปดส่ายหน้าพร้อมกัน
ย่อมไม่มีทาง คงไม่อาจถามว่าเจ้าคือทหารกบฏหรือโจร ทหารกบฏฟันทิ้ง โจรภูเขาปล่อยตัวไป
นับประสาอันใดกับเดิมราชสำนักก็ต้องการปราบโจรอยู่แล้ว
“คิดจะให้ราชสำนักเปิดทางรอดให้คนเก่าของค่ายเมฆาดำ มีเพียงหนทางเดียว ก็คือทำให้ทหารกบฏเหล่านี้ไปจากค่ายเมฆาดำเอง” ซินโย่วหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหัวหน้าหก “ซึ่งก็ขึ้นกับหัวหน้าหกแล้ว”
ในใจหัวหน้าหกพลันกระตุกวาบทันที เคร่งเครียดจนกล่าวไม่ออกหรืออย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ “คุณชายซิน ขอท่านกล่าวให้ละเอียด”
“ตอนนี้ชาวอำเภอหลิงต่างรู้ว่าอีกไม่นานก็จะมีกองกำลังมาปราบโจร ก่อนหน้านี้ หัวหน้าหกก็…”
ฟังซินโย่วพูดจบ หัวหน้าหกก็ก้มหน้าไม่เอ่ยอันใด
เจ้าแปดข้าง ๆ มองหัวหน้าหกแล้วก็มองซินโย่ว อยากพูดแต่ไม่พูดออกมา
เขารู้สึกว่าวิธีการนี้ใช้ได้ แต่คนเสี่ยงภัยก็คือหัวหน้าหก เขาไม่อาจตัดสินใจแทนหัวหน้าหกได้…
ซินโย่วไม่ได้เร่ง หลุบตาลงจ้องมองพื้น
พื้นห้องขังอย่างไรก็ไม่สะอาด กลิ่นเหม็นเน่าลอยมากระทบจมูก
หากไม่อาจกล่อมหัวหน้าหกได้ ก็ได้แต่เคลื่อนกำลังกองกำลังหนิงซานมาแล้ว
ค่ายเมฆาดำมีพวกทหารกบฏเช่นหัวหน้าใหญ่ ไม่ใช่กองโจรธรรมดา แม้ส่งชีวิตทหารทุ่มลงไปจำนวนมาก เชื่อว่าคนผู้นั้นก็คงไม่ลงอาญาตำหนิพวกนาง
แต่ชีวิตทหารก็คือชีวิต หากมีวิธีการที่จะได้รับชัยชนะและสูญเสียน้อยที่สุด ก็ย่อมไม่ควรเสียสละชีวิตเปล่าประโยชน์
หัวหน้าหกเงยหน้าขึ้นจ้องมองซินโย่ว “คุณชายซิน ข้าจะลองดู แล้วท่านรับรองได้อย่างไรว่าราชสำนักจะไม่คิดบัญชีกับค่ายเมฆาดำเราภายหลัง”
เขายินดีไปลอง แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขที่ว่าพี่น้องค่ายเมฆาดำจะต้องรอดชีวิต
“ทหารและโจรไม่อาจอยู่ร่วมกัน แก้ไขปัญหาทหารกบฏเหล่านั้นแล้ว ข้าจะเชื่อใจได้อย่างว่าราชสำนักจะไม่เลยมาจัดการพวกเราไปด้วย”
พวกเขาเป็นโจรนะ!
ซินโย่วควักป้ายทองคำออกมา
หัวหน้าหกม่านตาหดเกร็ง “คุณชายซินยินดีใช้ป้ายทองคำพระราชทานให้คำรับรอง?”
“ก็มิได้” ซินโย่วเก็บป้ายทองคำ “ป้ายทองคำพระราชทานมอบให้โจรภูเขาง่ายๆ เช่นนั้นข้าจะกราบทูลเช่นไร”
“เช่นนั้นความหมายของคุณชายซินก็คือ…”
“ก็คือเตือนสติหัวหน้าหกว่าข้าก็คือคนมีป้ายทองคำพระราชทาน”
หัวหน้าหก “…”
เจ้าแปดกระตุกแขนเสื้อหัวหน้าหกทันที
แท้จริงคุณชายซินผู้นี้คือผู้ใดกันแน่ เหตุใดมีป้ายทองคำพระราชทาน
เขาเพียงแค่มาอยู่คุกก่อนหัวหน้าหกครึ่งวัน ถึงกับพลาดเรื่องราวไปมากมาย
“ป้ายทองคำพระราชทานของคุณชายซิน รับประกันชีวิตพี่น้องสองร้อยกว่าของค่ายเมฆาดำ ดำได้หรือ”
“หากหัวหน้าหกให้ความร่วมมือปราบทหารกบฏ ค่ายเมฆาดำทุกคนก็จะได้ล้างมือในอ่างทองคำ นับแต่นี้ไปข้ารับรองได้ว่าราชสำนักจะไม่เอาเรื่องอีก”
หัวหน้าหกคิดแล้วก็ส่ายหน้า
“หัวหน้าหก…” เจ้าแปดอดดึงเขาไว้ไม่ได้
หัวหน้าหกไม่สนใจเจ้าแปด จ้องมองชายหนุ่มที่นั่งท่วงท่าสบายๆ ตรงหน้าไม่วางตา “คุณชายซินเป็นบุคคลสูงศักดิ์ ไม่รู้ความลำบากของชาวบ้านต่ำต้อยเช่นพวกเรา พี่น้องค่ายเมฆาดำไม่มีบ้าน ไม่มีอาชีพ การเป็นโจรแม้มีโอกาสหัวหลุดจากบ่าได้ทุกเมื่อ แต่อย่างไรก็มีข้าวกิน หากล้างมือในอ่างทองคำ พี่น้องเราจะดำรงชีวิตอย่างไร”
วันหน้าไม่มีทางรอด เพียงแต่หลุดรอดจากการปราบโจรของราชสำนักไปได้ชั่วคราวแล้วจะมีประโยชน์อันใด
ซินโย่วเตรียมพร้อมรับปัญหาของหัวหน้าหกมาแล้ว “พี่น้องของหัวหน้าหกเหล่านี้ นอกจากพวกข่มขืนหรือความผิดมหันต์ คนอื่นๆ ล้วนติดตามข้าไปได้”
หัวหน้าหกนิ่งอึ้ง
“คุณชายซิน ท่านพูดจริงหรือ” เจ้าแปดทั้งตกใจทั้งดีใจ
เขาไม่เหมือนกับพี่น้องค่ายเมฆาดำพวกนั้น เขาเป็นหัวหน้าหกที่ติดคุกอยู่ หากไม่ร่วมมือกับคุณชายซิน พวกเขาสองคนก็คงสิ้นลมก่อนผู้ใด
ตามความคิดเขา รับปากก่อนค่อยว่ากัน วันหน้าไม่มีทางยังชีพ ก็ยังดีกว่าหัวหลุดจากบ่าตอนนี้ คิดไม่ถึงจะมีเรื่องยินดีเกินคาดเช่นนี้!
เจ้าแปดตื่นเต้นมาก หัวหน้าหกกลับไม่เชื่อ “คุณชายซินอย่าได้หลอกข้า พวกเรามีพี่น้องสองร้อยกว่า ตัดพวกไม่คู่ควรหรือมีเส้นทางดำรงชีพอื่นออกไป ก็เหลืออีกสองร้อยคนไร้ที่ไป ท่านเลี้ยงดูปากท้องคนสองร้อยคนได้หรือ”
ซินโย่วพยักหน้า “อืม ข้ามีเงิน”
หัวหน้าหกมุมปากกระตุกแสดงให้เห็นชัดว่าไม่เชื่อ
เห็นชายหนุ่มยื่นมือล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หัวหน้าหกคิดส่ายหน้า
ป้ายทองคำพระราชทานสั่งการคนได้เป็นเรื่องจริงแท้ แต่ไม่อาจแลกเป็นเงินทองได้กระมัง
“หัวหน้าหกไม่รู้จักนี่หรือ” ซินโย่วแบมือออก ในฝ่ามือมีตราประทับทองแดงแกะสลักฝีมือประณีต
หัวหน้าหกมองทีหนึ่งก็รู้ทันที “นี่คือตราประทับที่ถอนเงินได้!”
พวกเขาเคยปล้นตราประทับมาชิ้นหนึ่ง น่าเสียดายได้ดูเพียงแวบหนึ่งก็ถูกหัวหน้าใหญ่เก็บไป ว่ากันว่าถอนเงินได้หมื่นตำลึงเงิน!
“หัวหน้าหกมีความรู้กว้างไกล” ซินโย่วเอ่ยชม พลิกตราประทับเผยให้เห็นอักษรที่สลักอยู่
หัวหน้าหกดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า “สะ แสน…”
เจ้าแปดมือไวอุดปากเขาไว้ “หัวหน้าหก เบาหน่อย!”
ซินโย่วกลับสีหน้านิ่งเรียบ “ตราประทับนี้ไปถอนเงินที่ร้านรับฝากเงินเป่าอันได้หนึ่งแสนตำลึงเลี้ยงดูคนสองร้อยเพียงพอแล้วกระมัง”
ร้านรับฝากเงินเป่าอันทำตราประทับตราละสองแสนตำลึง แต่เพื่อให้สะดวกแลกเป็นเงินน้อยหน่อย ครั้งนี้ออกเดินทางมาเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ตราประทับที่ซินโย่วนำมาแยกเป็นสองตรา
หัวหน้าหกกับเจ้าแปดพยักหน้าหงึกดังไก่จิกข้าวสาร “พอ พอ”
คุณชายซินท่านนี้คือผู้ใดกันแน่ เหตุใดมีเงินทองมากมายเพียงนี้
คงมิได้เป็นโอรสฮ่องเต้กระมัง !
ในการรับรู้ของหัวหน้าหก มีเงินเช่นนี้ได้มีเพียงราชวงศ์เท่านั้น
พอคาดเดาเช่นนี้ ในใจหัวหน้าหกก็เต้นแรงดังกลองรัว ตัดสินใจทันที “ข้าน้อยขอติดตามคุณชายซิน!”
เดิมพันสักตั้ง หากเดิมพันชนะ พวกเขาไม่เพียงแต่มีทางรอด ไม่แน่ยังอาจก้าวทะยานไปไกลก็เป็นได้!
“เช่นนี้ก็ขอให้หัวหน้าหกราบรื่น”
ซินโย่วเดินออกจากห้องขัง ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “สำเร็จแล้ว”
“คุณชายซินเกลี้ยกล่อมโจรภูเขาอย่างไร” รองนายอำเภอหยางรู้สึกว่าราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วเหตุใดงานเพียงเล็กน้อยที่เขาทำมาตลอด จึงได้ยากลำบากปานนั้น