ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 523 กวาดล้างขุนนางชั่วข้างองค์จักรพรรดิ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 523 กวาดล้างขุนนางชั่วข้างองค์จักรพรรดิ

“ท่านเจ้าหน้าที่ ท่านเจ้าหน้าที่…” สตรีคนหนึ่งไล่ตามมาคว้าแขนเสื้อขององครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งไว้

องครักษ์จิ่นหลินมือจับฝักดาบ สีหน้าหมดความอดทน “ทำอะไร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”

เด็กสาวที่ถูกองครักษ์จิ่นหลินสองคนจับตัวไว้ร้องและตะโกนเรียกสตรีผู้นั้น “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย…”

สตรีคุกเข่าลง กอดขาขององครักษ์จิ่นหลินคนนั้นไว้แล้ววิงวอนว่า “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านจับลูกสาวข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ นางเพิ่งสิบหกปี ยังไม่ถึงสิบเจ็ดเลย!”

“ไม่ถึงสิบเจ็ดหรือ” องครักษ์จิ่นหลินกวาดตามองเด็กสาวที่ดิ้นรนแล้วยกมุมปากยิ้ม “เจ้าบอกว่าไม่ถึงสิบเจ็ดก็ไม่ถึงหรือ หากทำให้เราพลาดใครสักคนไปใครจะรับผิดชอบ ข้าบอกว่านางสิบเจ็ดแล้วก็คือสิบเจ็ด ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงสูงเช่นนี้”

สตรีรีบอธิบาย “บุรุษครอบครัวข้าตัวสูง เด็กจึงตัวสูงไปด้วย ขอร้องท่านโปรดเข้าใจและปล่อยลูกสาวข้าเถิด นางอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดจริงๆ…”

บุรุษที่วิ่งตามมาก็ก้าวออกมาขอร้องอย่างกล้าหาญ

“ออกไป!” เมื่อเห็นว่าประชาชนที่มามุงดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ องครักษ์จิ่นหลินก็ถีบสตรีนางนั้นออกไปอย่างรำคาญและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นำตัวไป!”

สตรีที่ถูกถีบโถมตัวเข้าไปกอดขาขององครักษ์จิ่นหลินไว้อีกครา นางร้องไห้และพยายามร้องตะโกน “ท่านเจ้าหน้าที่ ท่านเองก็มีน้องสาวและบุตรสาวใช่หรือไม่ ท่านลองดูนิวนิวสิเจ้าคะ ลองดูนางสิเจ้าคะ! ท่านคิดดูหากน้องสาวหรือบุตรสาวของท่านเป็นแบบนี้บ้างเล่า…”

“หุบปาก!” องครักษ์จิ่นหลินโมโห ถีบสตรีนางนั้นจนกระเด็นแล้วสั่งลูกน้องเสียงดังว่า “นำตัวไป!”

ขณะที่ฟังเสียงร้องไห้โวยวายข้างหลัง เขาก็อดเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไม่ได้

เขาย่อมมีบุตรสาวและมีน้องสาว บุตรสาวของเขายังเล็ก แต่น้องสาวอายุสิบเจ็ดพอดี…

เมื่อคิดถึงวันที่น้องสาวถูกนำตัวไป ท่านพ่อหยิบไม้คานมาตีเขา ส่วนท่านแม่นั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น

เพราะการให้ความร่วมมือของเขา เขาจึงถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าและไม่ได้กลับบ้านอีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เสียงร้องไห้ข้างหลังค่อยๆ ห่างไกลองครักษ์จิ่นหลินออกไปเรื่อยๆ ทว่าสำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยู่ละแวกเดียวกัน เสียงนั้นกลับยังคงดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง

พวกนางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบกว่าปีเท่านั้น!

ตอนที่เจ้าหน้าที่จับสตรีอายุสิบเจ็ดที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดยามเหม่าไป พวกเขายังไม่รู้สึกอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มจับสตรีอายุสิบเจ็ดที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่บุตรสาวของตนไม่ได้เกิดวันนั้น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มจับหญิงสาวอายุสิบเจ็ด ผู้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มวิตกกังวล

ตอนนี้นอกจากวิตกกังวลแล้ว ยังรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวัง

เด็กสาวที่เพิ่งถูกจับไปเมื่อครู่นี้มีอายุเพียงสิบหกปี!

ตอนนี้จับอายุสิบหกปีได้ ก็จะจับอายุสิบห้า อายุสิบแปดได้…แล้วต่อไปเล่า

“สิ้นแล้ว สิ้นแล้ว…” ไม่รู้ว่าใครพึมพำ

คนข้างกายรีบปิดปากของคนผู้นั้นทันที เขาเตือนอย่างวิตกว่า “อย่าพูดซี้ซั้ว เจ้าหน้าที่ยังจากไปไม่ไกลเลย!”

ผู้คนมากมายไม่กล้าส่งเสียงพูด ทำได้เพียงร้องไห้ไปกับสตรีที่เพิ่งสูญเสียลูกไปเมื่อครู่นี้

ทุกคนในเมืองรู้ว่าเด็กสาวเหล่านั้นที่ถูกจับตัวไปตายแล้ว

แม้จะไม่มีผู้ใดบอกพวกเขา แต่การเห็นเด็กสาวเหล่านั้นถูกบังคับนำตัวไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็พิสูจน์ความจริงของข่าวลือนี้อย่างมิต้องสงสัย

เมืองหลวงที่เพิ่งเข้าเดือนสี่ เดิมทีอากาศควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ ทว่าบัดนี้ราวกับจะได้เพียงกลิ่นคาวเลือด

ผู้คนหวาดกลัวมากขึ้นทุกวัน ประชาชนที่ออกจากเมืองจึงแพร่ข่าวไปไกลกว่าเดิมไปโดยปริยาย

ข่าวลือที่ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แพร่สะพัดได้ง่ายที่สุด ไม่นานก็แพร่ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

บนโต๊ะของแม่ทัพใหญ่ลั่วผู้ซึ่งนำทัพขับไล่ทหารเหอหนานอ๋องจนล่าถอยไปมีข่าวเรื่องนี้วางอยู่บนโต๊ะ

ข่าวด่วนแปดร้อยลี้ที่จักรพรรดิหย่งอันได้รับเมื่อไม่กี่วันก่อนคือแม่ทัพจูตายในสงคราม ข้าหลวงเหอหยางยอมจำนนต่อเหอหนานอ๋อง เมืองเหอหยางถูกเหอหนานอ๋องครอบครอง

ไม่ถึงครึ่งเดือน จักรพรรดิหย่งอันก็ทรงได้รับจดหมายด่วนแปดร้อยลี้อีกหนึ่งฉบับ คราวนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับเมืองเหอหยาง เนื้อความเล่าว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วพากองทัพกว่าพันคนระดมกำลังทหารตลอดทางที่ลงใต้ เมื่อถึงเขตแดนเหอหยางเขาก็ระดมกำลังได้กว่าหมื่นคน อาศัยกองกำลังหลากหลายและทหารม้าหลายร้อย พวกเขาขับไล่เหอหนานอ๋องออกไปและกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของเมืองเหอหยาง

เมื่อได้รับข่าวด่วนนี้ จักรพรรดิหย่งอันก็แทบจะกระอักเลือด

สำหรับอารมณ์ของจักรพรรดิหย่งอัน ในที่สุดแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เมื่ออ่านจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะเสร็จ เขาก็อดรู้สึกโชคดีไม่ได้

โชคดีที่ครานั้นตัดสินใจพาครอบครัวหนีออกมา ฮ่องเต้เสียสติไปแล้วจริงๆ

“ท่านพ่อ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเงยหน้าขึ้น เห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในกระโจม

เด็กสาวสวมชุดทหารสีดำ ชุดคลุมสีแดงด้านหลังพลิ้วไปมากับการเคลื่อนไหวของนาง ทำให้ใบหน้าที่สงบนิ่งของนางสะดุดตายิ่งขึ้น

ผู้ที่มาคือลั่วเซิง

เมื่อมองดูบุตรสาว สายตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็อ่อนโยนลง “เหตุใดเซิงเอ๋อร์ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า”

เป็นสาวเป็นนาง ยืนกรานที่จะร่วมสงครามกับเขาก็แล้วไป เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดยังจะขี้เกียจเปลี่ยนอีก

ความหวังที่จะแต่งออกเรือนยิ่งน้อยลงเต็มทีแล้ว

ลั่วเซิงเดินเข้ามา “ได้ยินว่าทางเมืองหลวงมีข่าวแล้ว ลูกเลยมาถามดูเจ้าค่ะ”

“ใช่ มีข่าวแล้ว เซิงเอ๋อร์อ่านดูเถิด” แม่ทัพใหญ่ลั่วยื่นจดหมายให้

ลั่วเซิงอ่านจดหมายเสร็จ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยความเย็นชา “สวรรค์ต้องการให้เขาพินาศก็ต้องทำให้เขาเสียสติก่อน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเองก็ทอดถอนใจและบอกความลับเรื่องหนึ่ง “ที่จริงสตรีที่หายตัวตั้งแต่แรกยังไม่ตาย”

ลั่วเซิงมองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างตะลึงงัน

แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มขมขื่น “เป็นเด็กสาวที่อายุใกล้เคียงกับเจ้าทั้งหมด พ่อหักใจลงมือไม่ได้จริงๆ จึงสั่งคนลอบส่งพวกนางออกจากเมืองหลวงและจัดแจงที่อยู่อาศัยให้แล้ว แต่ว่าตอนนี้วุ่นวายเช่นนี้ พวกนางจะยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่นั้นก็พูดยาก…”

“ท่านพ่อ เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านไม่บอกลูกเล่า” ลั่วเซิงรู้สึกอยากร้องไห้ ทว่าเป็นเพราะความยินดี

นางปลอบใจตนเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วต้องสังหารสตรีบริสุทธิ์เหล่านั้นเพราะไม่มีทางเลือก แต่การปลอบประโลมที่มากเพียงใดจะดีใจเท่าเมื่อรู้ว่าพวกนางยังมีชีวิตอยู่

“นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พ่อกลัวว่าเจ้ารู้แล้วจะหลุดปากพูดออกไปน่ะ”

“ท่านพ่อ ท่านเป็นคนดีจริงๆ” ลั่วเซิงพูดจากใจจริง

แม่ทัพใหญ่ลั่วเกาศีรษะ

บุตรสาวชื่นชมอย่างจริงใจเช่นนี้ รู้สึกเขินจริงๆ

“ดีอะไรกัน ทำให้พวกเจ้าไม่ได้มีชีวิตสงบสุข ตอนนี้ยังต้องสู้รบไปกับข้า กลายเป็นบุตรสาวของขุนนางกบฏ” เมื่อพูดถึงการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก

นอกจากทหารที่หลงเหลือของเหอหนานอ๋องแล้ว สิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่สุดคือเหลยหมิงที่พาทหารชั้นยอดออกตามไล่ล่าพวกเขา

โชคดีที่เหลยหมิงเป็นศัตรูกับเหอหนานอ๋อง เขาจึงไม่ถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย

ลั่วเซิงชี้ไปที่จดหมาย “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าเราใช้ประโยชน์จากข่าวลือของเมืองหลวงได้เจ้าค่ะ”

“อย่างไรหรือ” แม่ทัพใหญ่ลั่วรีบถาม

เขาไม่อาจมองบุตรสาวตรงหน้าเป็นเด็กสาวไม่รู้เรื่องคนหนึ่งได้อีกต่อไป

เขาปลื้มใจกับการเติบโตของนางและยินดีที่จะฟังความคิดของนาง

“เพราะท่านพ่อพูดถึงบุตรสาวของขุนนางกบฏทำให้ลูกคิดได้ อันที่จริงผู้ที่ต้องการเหตุผลในการก่อกบฏที่สมเหตุสมผลคือเจ้าเมืองหล่านั้น” ลั่วเซิงมองไปทางเมืองหลวง น้ำเสียงราบเรียบ “องค์จักรพรรดิไร้ศีลธรรม เชื่อคำใส่ร้ายของนักพรตปีศาจ เข่นฆ่าเด็กสาวบริสุทธิ์ ทำให้ราษฎรทุกข์ทรมาน ทุกฝ่ายมิได้ก่อกบฏ เพียงแค่ต้องการกำจัดนักพรตปีศาจข้างกายองค์จักรพรรดิ คืนใต้หล้าที่สดใสและเจริญรุ่งเรืองให้แก่ต้าโจว”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท