บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1432 เบาะแว้งในงานเลี้ยงวันเกิด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1432 เบาะแว้งในงานเลี้ยงวันเกิด

เซวียนหยวนพั่วเซียว!

ผู้อาวุโสในตำนานแห่งหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่บรรพกาล ตระกูลเซวียนหยวน เขาผ่านศึกนองเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เป็นตัวตนสูงส่งที่สั่นสะท้านไปทั่วภพเซียน

ศึกที่โด่งดังที่สุดของเขาเกิดขึ้นเมื่อแปดพันปีก่อนในสมรภูมินอกพิภพ เซวียนหยวนพั่วเซียวเพียงคนเดียวสามารถสังหารสิบสองแม่ทัพใหญ่ต่างพิภพ ที่มีฝีมือเท่ากับขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น และได้ฉายาราชาเหล็กโลหิตมาครอง ฝีมือสะท้านใต้หล้า กลายเป็นเรื่องราวให้ผู้คนเล่าขานไปนานแสนนาน

แต่หลังจากศึกครั้งนั้น เซวียนหยวนพั่วเซียวก็ปิดด่านบ่มเพาะแล้วเร้นกายสันโดษ ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาแปดพันปีแล้ว

อาซิ่วมาหาเฉินซีในวันนี้ก็เพื่อเชิญเขาไปร่วมงานวันเกิดของเซวียนหยวนพั่วเซียว

ด้วยความที่งานวันเกิดครั้งนี้จะไม่เหมือนในอดีต เพราะจะเป็นงานที่เซวียนหยวนพั่วเซียวเผยกายสู่โลกภายนอกอีกครั้งหลังเก็บตัวมานานถึงแปดพันปี ตัวตนในตำนานเจ้าของฉายาราชาเหล็กโลหิตจัดงานเลี้ยงวันเกิดทันทีที่ออกจากปิดด่านบ่มเพาะ จึงทำให้ดึงความสนใจจากคนทั้งภพเซียน

เขตแดนตระกูลเซวียนหยวน

นับตั้งแต่ข้อมูลการจัดงานเลี้ยงวันเกิดเซวียนหยวนพั่วเซียวในเมืองเซียนสัประยุทธ์แพร่ออกไปในภพเซียน ก็มีคนจากกองกำลังใหญ่ทั้งหลายในภพเซียนมาปรากฏในเมืองเซียนสัประยุทธ์หลายคน และวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดเซวียนหยวนพั่วเซียวแล้ว

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ แขกเหรื่อมากมายและคนจากกองกำลังใหญ่ในภพเซียนมารออยู่ด้านในกันนานแล้ว

บ่าวรับใช้หน้าตางดงามหลายคนรินชาให้แขก ในขณะที่ผู้ดูแลท่าทางนอบน้อมเดินดูแลแขกอยู่ในห้องโถงอย่างทั่วถึง

ด้วยความที่ครั้งนี้มีแขกมากันมากกว่าที่ตระกูลเซวียนหยวนคาดคิดไว้ รวมถึงงานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดขึ้นในเมืองเซียนสัประยุทธ์แทนที่จะเป็นจวนหลักตระกูลเซวียนหยวน จึงทำให้มีคนตระกูลเซวียนหยวนมายืนรับแขกไม่พอ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีเซียวอวี่ที่อาศัยอยู่ภายในตระกูลเซวียนหยวนจึงรับหน้าที่รับแขกให้

นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมที่หลิ่วเจี้ยนเหิงรับมาเลี้ยง หลังถูกเฉินซีพากลับมายังเมืองเซียนสัประยุทธ์ เฉินซีก็จัดแจงให้หลิ่วเจี้ยนเหิงอาศัยอยู่กับตระกูลเซวียนหยวน นางจึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยความสงบ

ทว่าชีเซียวอวี่เคยเติบโตมาในเขตเหมืองแร่ตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถึงจะอยู่ตระกูลเซวียนหยวนมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยทำหน้าที่รับแขกมาก่อน อีกทั้งคนที่เป็นแขกเดินเข้ามายังเป็นผู้สูงส่งแห่งภพเซียน นางจึงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง

ถึงขนาดที่นางไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ดังนั้นเห็นอะไรคิดว่าต้องทำก็เลยทำไป นางไม่เพียงคอยต้อนรับแขก แต่ยังช่วยคนอื่นให้ได้มากที่สุด ไปช่วยรินชา ช่วยยกอาหาร ซึ่งเป็นงานของสาวใช้และผู้ดูแล

ชีเซียวอวี่ไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด เพราะนางกับหลิ่วเจี้ยนเหิงอาศัยอยู่ในตระกูลเซวียนหยวนมานานหลายปี ได้รับการดูแลและปกป้องอย่างดีเยี่ยม จนทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย แต่ก็หาโอกาสตอบแทนบุญคุณไม่ได้สักที

ตอนนี้นางมีโอกาสช่วยพวกเขาต้อนรับแขกกับคนตระกูลเซวียนหยวนบางส่วน ในใจนางจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แต่ด้วยความที่นางทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก ช่วงแรกนางจึงยังทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง มีหลายครั้งที่เกือบทำถ้วยชาจอกเหล้าแตก

สาวใช้หน้าตางดงามเห็นว่าชีเซียวอวี่เกือบทำกาน้ำชาคว่ำตอนรินให้แขก นางจึงรีบเดินเข้ามากล่าว “แม่นางชี ให้ข้าทำดีกว่า”

“ไม่เป็นไร เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ” ชีเซียวอวี่แลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปหมายจะรินชาให้แขกอีกคนที่เพิ่งเข้ามา

แต่หันไปแล้วก็ชนเข้ากับแขกคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ทำให้ชาร้อนที่นางเพิ่งรินไปจนปริ่มแก้วกระฉอก หากแขกคนนั้นหลบไม่ทันก็คงถูกชาร้อนลวกไปแล้ว

“ข้ารับใช้ชั้นต่ำ! เดินไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือหรือไร?” แขกคนนั้นเป็นชายหนุ่มในชุดหรูหรา เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้สาวคนหนึ่งเดินไม่ดูทางชนเขาเข้าก็ตวาดเสียงดังขึ้นมาทันใด

ชายหนุ่มมีชื่อว่าจั่วชิวถิง เป็นคนตระกูลจั่วชิว แล้วก็เป็นศิษย์สายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจั่วชิวกับตระกูลเซวียนหยวนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ทั้งคู่เป็นเจ็ดตระกูลใหญ่บรรพกาลเหมือนกัน ครั้งนี้เมื่อเซวียนหยวนพั่วเซียวจัดงานเลี้ยงวันเกิด ตระกูลจั่วชิวจึงยังต้องส่งคนมาแสดงความยินดีด้วย

จั่วชิวถิงเป็นตัวแทนตระกูลจั่วชิวมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ ที่เขามาคนเดียวก็เพราะเรื่องเบาะแว้งภายในตระกูลจั่วชิว ในตระกูลมีแต่เรื่องเบาะแว้งไม่หยุดหย่อน พวกผู้อาวุโสในตระกูลเอาแต่ทะเลาะกันไปมา ไม่มีอารมณ์มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเซวียนหยวนพั่วเซียว ดังนั้นจั่วชิวถิงจึงถูกส่งมาแทน

จั่วชิวถิงรู้ดีว่าตระกูลจั่วชิวกับตระกูลเซวียนหยวนมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงไม่ค่อยอยากมาร่วมงานเท่าไหร่ คราวนี้ถูกบ่าวรับใช้ชนเข้าเช่นนี้ เกือบทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายขายหน้า จะให้อารมณ์ดีอยู่ได้หรือ?

“ขออภัยด้วยคุณชาย โปรดใจเย็นลงก่อน” ชีเซียวอวี่รีบขอโทษเสียงเบา

“ไสหัวไป!” จั่วชิวถิงมุ่นคิ้วตวาดคำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ไม่ว่าชีเซียวอวี่จะอารมณ์ดีเพียงใด แต่ใบหน้างดงามก็ยังซีดขาวไปเมื่อถูกหาว่าเป็นบ่าวรับใช้ชั้นต่ำและถูกอีกฝ่ายตะวาดให้ ‘ไสหัวไป’ เช่นนั้น ทว่านางก็ไม่โต้กลับไป เพราะวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเซวียนหยวนพั่วเซียว นางไม่อยากให้บรรยากาศชื่นมื่นถูกทำลายเพราะตน

รวมถึงตัวตนของจั่วชิวถิงก็นับเป็นแขกผู้มีเกียรติ เพราะสามารถมาเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ได้ มีหรือชีเซียวอวี่จะกล้าหาเรื่องคนผู้นี้?

“คุณชาย แม่นางชีไม่ใช่บ่าวรับใช้ตระกูลเซวียนหยวน โปรดระวังคำพูดด้วย” ผู้ดูแลด้านข้างทนดูไม่ไหว จึงเอ่ยเตือนจั่วชิวถิง

จั่วชิวถิงหน้าคว่ำ ไม่คิดเลยว่าผู้ดูแลจะกล้าเถียงตนกลับเช่นกัน เขาส่งยิ้มเย็นไปทางชีเซียวอวี่ “เจ้าเป็นคนของตระกูลเซวียนหยวนหรือ?”

ชีเซียวอวี่เม้มปากส่ายหน้า

“เช่นนั้นเป็นแขกที่ได้รับเชิญจากตระกูลเซวียนหยวน?” จั่วชิวถิงถามต่อ

ชีเซียวอวี่ส่ายหน้าอีกครั้ง

ใจจั่วชิวถิงพลันเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมาเมื่อเห็นเช่นนี้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หรือคุณชายผู้นี้ผิดที่ขอให้เจ้าไสหัวไป?”

“คุณชายเข้าใจผิดแล้ว…” ผู้ดูแลด้านข้างคิดจะอธิบายตัวตนชีเซียวอวี่ให้ฟัง แต่พูดยังไม่ทันจบ จั่วชิวถิงก็ด่ากราดไม่ไว้หน้าผู้ใด “เจ้าก็ไสหัวไปเสีย! คุณชายเช่นข้ามาร่วมงานเลี้ยง ไม่อยากเสียเวลากับขยะชั้นต่ำเช่นพวกเจ้า!”

“เรียกใครว่าขยะชั้นต่ำ?” แม้ว่าชีเซียวอวี่จะฝึกความอดทนอยู่ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกได้ง่าย ๆ เมื่อได้ยินจั่วชิวถิงกล่าววาจาล่วงเกินนางครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่ปกป้องตนเองสักหน่อย ก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว

จั่วชิวถิงอึ้งไปเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าแขกทั้งหลายเริ่มมองมา ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลิงแสดงให้คนอื่นชม มีหรือที่จั่วชิวถิงเคยต้องมาอับอายเช่นนี้?

คนพวกนี้เป็นบ่าวรับใช้ตระกูลเซวียนหยวน! แต่กลับกล้ารังแกเขาอย่างนั้นหรือ? หากปล่อยไว้ ตระกูลจั่วชิวคงเสียหน้าเป็นแน่!

คิดถึงจุดนี้ เขาก็เหวี่ยงฝ่ามือตบหน้าชีเซียวอวี่อย่างแรงแล้วด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “นังบัดซบชั้นต่ำ!”

แขกรอบข้างไม่คิดว่าจั่วชิวถิงจะลงมือหนักเช่นนั้น สลัดคราบผู้สูงส่งออกแล้วตบหน้าหญิงสาวต่อหน้าแขกทั้งหลาย

ทว่าชีเซียวอวี่กลับหลบตามสัญชาตญาณ แต่มีหรือจะหลบจั่วชิวถิงที่ออกแรงมากะทันหันเช่นนั้นได้? ฝ่ามือเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นางสัมผัสได้ถึงแรงลมที่กระทบมาได้ด้วยซ้ำ นางจึงเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่ใบหน้า

เป็นตอนนั้นเองที่มีมือข้างหนึ่งยื่นจากด้านข้าง คว้าข้อมือจั่วชิวถิงไว้ มือที่ซัดลงด้วยความโกรธจึงหยุดลงแค่นั้น ห่างจากหน้าชีเซียวอวี่เพียงคืบ

“ใคร!” จั่วชิวถิงเค้นเสียงออกมาเมื่อข้อมือแทบถูกบิดหัก สีหน้าเปลี่ยนผันแล้วหันไปมองตัวการด้วยสายตาดุดัน แต่พอเห็นคนก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฉินซี?”

คนผู้นั้นอยู่ในชุดสีเขียว มีใบหน้าหล่อเหลา เขาก็คือเฉินซี

เดิมทีเขาไม่คิดจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ด้วยซ้ำ แต่ทนลูกตื้ออาซิ่วไม่ไหว ประกอบกับงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในเมืองเซียนสัประยุทธ์ สุดท้ายจึงตกลงยอมมา

แต่ไม่คิดเลยว่าทันทีที่มาถึง จะได้เห็นว่าบุตรสาวบุญธรรมของหลิ่วเจี้ยนเหิงนามชีเซียวอวี่จะกำลังถูกรังแก ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

เฉินซี!

จั่วชิวถิงร้องขึ้นด้วยความตกใจ เรียกหลายสายตาจากรอบข้างเข้ามาได้ ช่วยไม่ได้ ก็ชื่อนี้โด่งดังอย่างกับตะวันระอุกลางฟากฟ้าแห่งภพเซียน ไม่ว่าใครก็รู้จัก มีหรือที่ผู้สูงส่งทั้งหลายในที่นี้จะไม่รู้จักชื่อ?

พอรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าคือเฉินซี หลายคนจึงให้ความสนใจ

จั่วชิวถิงรู้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองเสียมารยาทไปหน่อย จึงทำใจให้มั่นคงแล้วกล่าวเสียงเย็น “เฉินซี นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”

เฉินซียังกำข้อมือเขาไว้ไม่ปล่อย เจ็บลึกถึงกระดูก แต่ไม่ว่าจะสะบัดทิ้งอย่างไรก็ไร้ผล ทำให้เขาทั้งตกใจและโกรธเคืองไปพร้อมกัน

“หมายความว่าอย่างไรหรือ?” เฉินซีตบไหล่ชีเซียวอวี่ “นางเป็นน้องสาวข้าเอง ในเมื่อน้องสาวถูกรังแก ข้าที่เป็นพี่ชายย่อมช่วยนางเรียกร้องความยุติธรรม”

เป็นน้องสาว!

จั่วชิวถิงใบหน้าขรึมลง ไม่ว่าจะเค้นสมองคิดเพียงใดก็ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าที่คอยรินชาให้แขกก่อนหน้านี้แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวของเฉินซี

ไม่เพียงแต่เขา แขกคนอื่น ๆ โดยรอบก็ดูไม่อยากเชื่อเช่นกัน เฉินซีไปมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่?

มีเพียงชีเซียวอวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นที่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ เอ่ยขึ้นเสียงเบา “พี่เฉินซี วันนี้เป็นงานวันเกิดผู้อาวุโสเซวียนหยวนพั่วเซียว อย่า… ถือสาเลยดีกว่า”

“ก็ได้ ข้าจะฟังเจ้า” เฉินซีพยักหน้า “แต่ถึงตอนนี้เขาจะรอดโทษตายไปได้ อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ ในเมื่อกล้าทำร้ายเจ้า บทลงโทษก็ให้เป็นหักแขนก็แล้วกัน”

พูดจบก็ได้ยินเสียงหักดังลั่น ข้อมือขวาจั่วชิวถิงถูกบิดจนหัก กระดูกภายในแตกเป็นเสี่ยง ๆ

อ๊าก!

จั่วชิวถิงอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด กำลังจะเปล่งเสียงร้องออกมา กลับได้ยินน้ำเสียงเรียบเรื่อยของเฉินซี “หากกล้าแหกปากร้อง ข้าจะสังหารเจ้าเสียตรงนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู”

น้ำเสียงสงบนิ่ง แต่กลับไม่อาจโต้แย้งได้

จั่วชิวถิงจึงพยายามยับยั้งเสียงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว กัดฟันเอ่ยขึ้น “ดียิ่ง! ข้าจะรอดูว่าเจ้า เฉินซี จะอยู่ไปได้อีกเท่าไหร่!”

พูดจบเขาก็มองเฉินซีด้วยความเกลียดชัง แล้วหันหลังเดินจากไป ถูกทำให้อับอายขายหน้าขนาดนี้ เขาย่อมไม่อยากอยู่ต่อ

รวมถึงยังเกรงว่าเฉินซีอาจไม่สนใจอะไรแล้วลงมือสังหารตนจริงดั่งปากว่า ดังนั้นจึงไม่กล้าอยู่ต่อ อย่างไรทายาทตระกูลจั่วชิว จั่วชิวคง ก็ตายจากฝีมือคนผู้นี้มาแล้ว

เขาเองมีฝีมืออ่อนด้อยกว่าจั่วชิวคงมาก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินซีแน่

ทว่าเมื่อคนรอบข้างเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกตะลึงยิ่ง กล้าทำเช่นนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดเซวียนหยวนพั่วเซียว เฉินซีผู้นี้กล้าหาญเสียจริง

“เฉินซี เกิดอะไรขึ้น?” เป็นตอนนั้นเองที่อาซิ่วเดินมาจากไกล ๆ ยามได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นตรงนี้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท