คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 763 ปฏิเสธการช่วยเหลือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 763 ปฏิเสธการช่วยเหลือ

หลังเที่ยง ฉินหลิวซีและคนอื่นมองไปยังหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่เพียงแต่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ซ้ำยังมีบ้านเรือนที่เรียงกันเป็นแถว และยังมีพื้นที่ริมทะเลสาบ ในทะเลสาบมีเศษก้านบัวและใบไม้ที่เหลือจากถูกเก็บลอยอยู่ มีต้นผลไม้นานาชนิด ทั้งต้นท้อ ต้นสาลี่ ต้นซิ่งจื่อ[1] สามารถจินตนาการได้ว่าในช่วงผลิดอกออกผล วิวทิวทัศน์จะงดงามแค่ไหน

ตลอดทางได้ยินเสียงชาวบ้านทักทายจงจิ้นซื่อ หากไม่ใช่ผู้อาวุโสก็เป็นเด็กรุ่นเล็กที่ห่างกันหลายรุ่น ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ รู้สึกชาเล็กน้อย

“เจ้าบอกว่านี่ก็คือคนในครอบครัวของเจ้า” ฉินหลิวซีมองไปยังจงจิ้นซื่อ

จงจิ้นซื่อพยักหน้า เอ่ย “นี่คือหมู่บ้านตระกูลจง ชาวบ้านล้วนเป็นพี่น้องสนิทกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ทายาทสายตรงทั้งหมด แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด”

“ตระกูลของพวกเจ้าเจริญรุ่งเรืองจริงๆ”

จงจิ้นซื่อหัวเราะเบาๆ “ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ความสำคัญกับการมีลูกหลานมากมาย ดังนั้นเขาจึงแต่งภรรยาหลายคนและเพิ่มลูกหลาน ประมาณว่าตระกูลใหญ่กิจการใหญ่ มีที่นาที่ไร่ ไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ชีวิตก็ไม่ได้แย่ และในช่วงปลายปีของทุกปี ทุกครัวเรือนจะได้รับเงินปันผล เพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร”

ร่ำรวยสุดๆ

ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ หมู่บ้าน ทิวทัศน์ไม่เลวเลย ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ ฮวงจุ้ยก็ดี ด้านล่างภูเขามีเรือนขนาดใหญ่ ที่มีอิฐสีเขียวและกระเบื้องสีดำ ในบรรดาเรือนขนาดเล็กทั้งหมด สิ่งนี้จึงสะดุดตาเป็นพิเศษ ตำแหน่งก็ดีที่สุด อยู่ใจกลางที่ดินล้ำค่าที่เก็บและรวบรวมพลังงานที่ดีไว้อย่างแท้จริง การได้อยู่ที่เรือนแห่งนั้น เพียงแค่ฟังเสียงน้ำไหลก็เป็นเรื่องที่งดงามแล้ว

เอ่ยตามตรง ฉินหลิวซีรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านตระกูลจงนี้ไม่เลวเลยจริงๆ

“ฮวงจุ้ยของหมู่บ้านตระกูลจงของพวกเจ้านั้นดีมาก เคยเชิญท่านอาจารย์มาสำรวจดูหรือ” ฉินหลิวซีมองไปยังจงจิ้นซื่อ หากไม่เคยสำรวจ ไหนเลยจะจัดได้ดีขนาดนี้

ฮวงจุ้ยที่ดียังนำโชคมาให้อีกด้วย ตระกูลจงกระทำการใดก็ราบรื่น ไม่มีสิ่งใดไม่เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยของหลุมศพบรรพบุรุษ

จงจิ้นซื่อพยักหน้า “ได้ยินท่านปู่บอกว่าตอนนั้นท่านปู่ทวดได้เชิญท่านอาจารย์มาเลือกทำเลทองสำหรับหลุมศพบรรพบุรุษ ค่อยๆ พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้”

“ตระกูลจงของพวกเจ้าทำกิจการ ถือว่าเชี่ยวชาญ” ฉินหลิวซีพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา หากไม่ใช่เช่นนั้น ตระกูลจะมีกิจการที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร

มีเงินทองและอาหาร จึงได้ทำให้คนในครอบครัวมาอยู่รวมกัน น่าเสียดาย แม้ว่าจะทำกิจการได้ แต่คนในตระกูลกลับไม่มีคนประสบความสำเร็จด้านการศึกษา นอกจากจงจิ้นซื่อผู้นี้

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมของสวรรค์ที่จะไม่รวบรวมสิ่งที่ดีทั้งหมดไว้ในที่เดียว ในเมื่อให้ความร่ำรวยมหาศาล เจริญรุ่งเรือง แต่กลับไม่ได้ให้อำนาจและอายุยืนยาว อย่างเช่นตระกูลจงที่ไม่สามารถให้กำเนิดปัญญาชนได้ในตอนนี้ก็นับว่าถูกแล้วไม่ใช่หรือ อีกทั้งยังมีเรื่องอายุขัย ตระกูลจงในตอนนี้ นอกจากหัวหน้าตระกูลที่อายุยืนยาวมากที่สุด ซึ่งก็คือบิดาของจงจิ้นซื่อ บุรุษคนอื่นๆ ที่เหลือ ไม่มีใครอายุเกินเจ็ดสิบปี

สิบปีมานี้ก็มีชายหนุ่มจากไปจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮวงจุ้ยดีเกินไปทำให้คนริษยา หรือเป็นเพราะอย่างอื่น

ฉินหลิวซีใจเต้น มองดูโหงวเฮ้งของคนที่ทักทายจงจิ้นซื่อโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่มองก็คิ้วกระตุก

ค่อยๆ สูญเสียพลังชีวิตไปเช่นกัน ไม่ชัดเจน แต่ก็มี และท่านนี้ก็คือลูกพี่ลูกน้องของจงจิ้นซื่อ

ระหว่างทางไปคฤหาสน์หลังนั้น ฉินหลิวซีสำรวจมองโหงวเฮ้งของบุรุษหลายคน ล้วนกำลังสูญเสียพลังชีวิต

สามารถมั่นใจได้แล้วว่ามีคนกำลังดึงพลังชีวิตของบุรุษตระกูลจง

ด้วยความคิดนี้ ฉินหลิวซีจึงสำรวจมองหมู่บ้านตระกูลจงอีกครั้ง เมื่อหันไปมองก็เห็นวิหารเล็กๆ ที่มีกำแพงสีแดงกระเบื้องสีดำอยู่ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขา

“วิหารนั่นอยู่ที่ไหน”

จงจิ้นซื่อเหลือบมอง เอ่ยว่า “นี่คือวิหารที่ตระกูลจงของพวกเราสร้างไว้บูชา”

วิหาร?

“อ้อ สร้างบูชาเทพองค์ไหน หมู่บ้านของพวกเจ้าแห่งนี้ มีรูปแบบฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยม ซ้ำยังสร้างวิหาร นับว่ามีความเชื่ออย่างแรงกล้าในเทพเจ้า” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างมีนัยยะแอบแฝง

จงจิ้นซื่อเอ่ยอย่างร่าเริงว่า “คนทำกิจการก็เชื่อเรื่องเหล่านี้กันไม่น้อย บ้านเกิดของพวกเราก็มีคนที่กราบไหว้บูชาเทพเจ้ากันมากมาย และวิหารแห่งนี้ก็เป็นท่านพ่อข้าที่ให้คนสร้างขึ้นมา ส่วนบูชาเทพองค์ไหนนั้น เอ่อ…”

เขาดูเหมือนจะไม่กล้าเอ่ยเล็กน้อย ภายใต้สายตาที่อยากรู้ของฉินหลิวซี จึงเอ่ยว่า “จะว่าเป็นเทพเจ้าก็ไม่ใช่ สิ่งที่พวกเราบูชาคือกิมเซียมซู[2]”

“?”

บูชากิมเซียมซู? ดังนั้นความมั่งคั่งของตระกูลจงมาจากการบูชามันอย่างนั้นหรือ

ปี่เซียะก็ยังร่ำรวยไม่เท่ากิมเซียมซูหรือ

ปีเซียะ ‘รู้สึกเหมือนถูกธนูปักเข้าที่กลางอก!’

ขณะที่เอ่ยก็ได้เข้าไปในเรือนหรูหราหลังใหญ่ของตระกูลจงแล้ว จงจิ้นซื่อได้ให้คนไปแจ้งแก่บิดาไว้แล้วว่าเขาได้เชิญคนมาดูฮวงจุ้ย

ฉินหลิวซีมองสำรวจเรือนหรูหราหลังใหญ่ ไม่สงสัยเลยที่จงจิ้นซื่อบอกว่าตระกูลจงของพวกเขาเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยอย่างสุดซึ้ง เพราะต้นไม้ใบหญ้าทุกๆ อย่างในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ล้วนเป็นการจัดฮวงจุ้ยเพื่อรวบรวมความมั่งคั่งและโชคดี

เอ่ยตามตรง หลายปีมานี้ฉินหลิวซีก็เคยไปยังเรือนใหญ่โตเพื่อรักษาโรคหรือไล่วิญญาณปราบสิ่งชั่วร้ายมาไม่น้อย แต่ไม่เคยเห็นเรือนใดที่พิถีพิถันเรื่องฮวงจุ้ยเหมือนกับตระกูลจงเช่นนี้

มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทุกคนหันมองไป เห็นเพียงชายชราผู้หนึ่งใบหน้าแดงก่ำรีบเดินมาอย่างตื่นตระหนก สายตาแฝงไว้ด้วยความกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นพวกเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าร้อนใจเมื่อครู่นี้ผ่อนคลายลงกว่าเดิม

ฉินหลิวซีหรี่ตาลง ตาเฒ่าผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ!

“ท่านพ่อ” เมื่อจงจิ้นซื่อเห็นชายชราก็ก้าวเข้าไปคำนับ

เมื่อหัวหน้าตระกูลจงเห็นเขาก็ขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “เจ้ากลับมาได้อย่างไร ไม่ได้ศึกษาตำราอยู่ที่สำนักศึกษาหรือ”

จงจิ้นซื่อเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าหลายปีมานี้พี่น้องในตระกูลสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเหล่าสือชีและพี่น้องคนอื่นๆ ก็จากไปแล้ว ข้าสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับฮวงจุ้ยในเรือนหรือไม่ บังเอิญว่าข้ามีสหายร่วมชั้นตัวน้อยที่พี่สาวคนโตในตระกูลเป็นเจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิง เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน จึงเชิญนางมาดูขอรับ”

“ฮวงจุ้ยในเรือนก็ดีมาตลอด จะมีเรื่องใดได้ เจ้าคิดมากไปแล้ว หน้าที่ของเจ้าก็คือตั้งใจศึกษาตำรา มุ่งมั่นที่จะสอบเป็นปัญญาชน นั่นก็คือเรื่องดีอันยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงตระกูลจงของพวกเราแล้ว เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น”

หัวหน้าตระกูลจงดุด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซีและคนอื่นๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ รบกวนให้พวกเจ้าต้องมาถึงที่นี่ ข้าให้คนจัดโต๊ะอาหารและสุราไว้แล้ว ค้างคืนอยู่ที่เรือนก่อนสักคืนแล้วค่อยกลับไป เหล่าจง เจ้าไปเตรียมอั่งเปาใหญ่มาให้พวกเขา”

นี่เป็นการปฏิเสธฉินหลิวซีและคนอื่นๆ

จงจิ้นซื่อขมวดคิ้วพลางเอ่ย “แต่ว่าพวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว จะดูสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกกระมัง ท่านพ่อ ข้าก็รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยปกติเล็กน้อย ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น ไม่เพียงแต่ไม่ราบรื่น ซ้ำยังโชคร้ายเป็นอย่างมาก เดินอยู่ดีๆ ก็ยังสะดุดล้มจนเลือดออกเสียได้”

หัวหน้าตระกูลจงหายใจถี่ สายตาแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว แต่ยังคงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร ทำไมหรือ คำพูดของข้าเจ้าก็ไม่ฟังแล้วหรือ”

“ไม่ใช่ขอรับ…”

“ไม่ใช่ก็ดี ทำตามที่ข้าสั่ง ส่งคนกลับไปด้วยดี จากนั้นก็ไปศึกษาตำราของเจ้า” หัวหน้าตระกูลจงโบกมืออย่างเหลืออด เอ่ยต่อไปว่า “เอาล่ะ ไปจัดการพวกเด็กๆ เถิด”

เขาหันหลังแล้วจากไป

ฉินหลิวซีกลับเอ่ยจากด้านหลังของเขาว่า “หัวหน้าตระกูลไม่อยากให้พวกเราเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้คนในตระกูลรู้ว่าเกิดเรื่องผิดพลาดจากการบูชากิมเซียมซูของพวกท่านหรือไม่ เช่นนั้นการที่บุรุษในตระกูลจงของพวกท่านกำลังสูญเสียพลังชีวิต ก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้วงั้นหรือ”

หัวหน้าตระกูลจงชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหน้ามา ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองฉินหลิวซี

[1] ต้นซิ่งจื่อ ต้นแอปริคอท

[2]กิมเซียมซู หรือคางคกสามขา ปัจจุบันนิยมสร้างเป็นวัตถุมงคลรูปคางคกสีทองคาบเหรียญในปาก บูชาเพื่อดลบันดาลความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยคติความเชื่อในหลักฮวงจุ้ย แบบเดียวกับปี่เซียะ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท